ธีระ:อย่าว่าแต่10ล้านเลย 10บาทก็ไม่ควรได้รับสำหรับพวกเผาบ้านเผาเมือง
กนก:หนังสือพิมพ์บางคนที่ทรยศวิชาชีพ เสียชาติเกิดเป็นนักหนังสือพิมพ์ เข้าข้างพวกเผาบ้านเผาเมือง ก่อตั้งหนังสือพิมพ์คุณภาพมากว่า 30 ปีกลับต้องมาเสียผู้เสียคน
สันดานเด็กนรกเครือเนชั่น
ผิดจากนี้กูให้เหยียบ-การนำเสนอ เล่าข่าวด้วยความอคติ ลำเอียง ยืนเคียงเผด็จการ ขายวิญญาณให้ปีศาจ ขาดการตรวจสอบรอบด้าน พิพากษาชี้นำทำลายความเคลื่อนไหวของฝ่ายประชาธิปไตย ไร้ความเป็นวิชาชีพ หากผิดจากนี้ก็ไม่ใช่เรา
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา ไทยอีนิวส์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกาว่า"รัก ในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อนฮาร์ดคอร์ ซึ่งไทยอีนิวส์เคยนำเสนอเผยแพร่ไปแล้วครั้งหนึ่ง การนำมาเสนออีกครั้งเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของข่าวเจาะเชิงสืบสวนประเด็นNBC-เนชั่นปั่นหุ้นจอง ที่นำเสนออย่างเกาะติดในขณะนี้
สรยุทธ-กนก-ธีระ:หุ่นยนต์พิฆาตค่ายเนชั่น
ใน3-4ตัวนี่ว่าไปแล้ว สรยุทธ์น่าเห็นใจมันนะ ชั่วดีถี่ห่างมันก็ยังพยายามจะบอกว่ามันคือมืออาชีพ แต่อีก2ตัวนั่นมันเบ๊หยุ่นเขาหนะ เบ๊ก็ต้องอ่านว่าเบ๊แปลว่าเบ๊ จะให้มันทำเหี้ยอะไรมากกว่านี้ก็คงลำบาก
สรยุทธ์นี่ว่าไปแล้ว อย่างน้อยมันก็ยังมีพื้นฐานเป็นคนข่าวมามั่ง อย่างน้อยก็ไปหาข่าวใต้ถุนสภาปี2ปี ไปทำข่าวรังนกกระจอกอยู่ปี2ปี ก่อนจะมาเล่าข่าวได้ อย่างน้อยมันก็ร่ำเรียนมา หรือเคยอยู่งานสนามมามั่ง แต่อีก2ตัวนี่แม่งไม่มีพื้นฐานงานข่าวสนามมาเลยซักนิด
อันนี้ผมแทรกหน่อยนึง คนข่าวรุ่นลุงรุ่นพ่อนี่ไม่ใช่ทำข่าว2-3ปีมาเป็นบก.ได้นะ เริ่มต้นก็ต้องเป็นนักข่าวตระเวณก่อน ไปตามโรงพัก ไปตามที่มีเรื่องปล้นจี้กัน แล้วค่อยไปทำข่าวกระทรวง มือดีก็ไปทำข่าวกรมตำรวจ เจ๋งขึ้นมาก็สภา ทำเนียบ สายทหารอะไรงี้
อยู่จนโชกโชนเป็น10ปี ชักแก่ถึงได้ประจำกองบก. แล้วไม่ใช่เป็นบก.หรือบรรณาธิการเลยนะ มึงก็ต้องไปเริ่มที่ตรวจปรู๊ฟก่อน แล้วมาเป็นรีไรเตอร์(คือเรียบเรียงข่าวที่ไอ้พวกนักข่าวสนามส่งเข้ามา แล้วเอามายำ หรือรับข่าวทางโทรศัพท์จากนักข่าวสนามแล้วเรียบเรียง) ฝีมือดีหน่อยก็มาเป็นหัวหน้าข่าว ขยับขึ้นเป็นผู้ช่วยบก. เป็นบก. สุดท้ายแก่ได้ที่ไปหาข่าวเองไม่ไหว เป็นบก.ก็ชักหูตาลาย ก็ไปเป็นคอลัมนิสต์...แล้วอย่านึกว่าเป็นลุงแก่ๆประจำโรงพิมพ์นะ ไอ้พวกคอลัมนิสต์นี่ตัวมีอิทธิฤทธิ์เลยนะสัดด....นักการเมืองใครไปใครมาเป็น รัฐบาล ต้องขอกินข้าวมาซูฮกไอ้พวก18อรหันต์นี่หมด ไม่งั้นเจอรุม
ทีนี้ยุคหลังสื่อต้องเบ่งให้ตัวพอง ทำแค่หนังสือพิมพ์ไม่พอ มันก็แตกหน่อเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน เข้าไปทำวิทยุ ไปทำทีวีสารพัดที่เรียกว่าmulti-media มันไม่มีคนพอใช้ จะทำไงดี ก็ต้องเอาไอ้พวกวิ่งข่าวสนามนี่แหละมาเป็นมะม่วงบ่มแก๊ส คือลากมาประจำกองบก.หรือออกทีวีแม่งเลย
สรยุทธ์เขาก็มาเกิดในสถานการณ์ยังงี้ คือตอนนั้นหยุ่นไปได้สัมปทานITVแล้วออกหนังสือพิมพ์หัวสีคมชัดลึกมาแข่งไทย รัฐ เดลินิวส์ อยากจะโฆษณาแฝง ก็ไปมีรายการคมชัดลึกทางITV แรกๆหยุ่นก็ทำเอง แต่มันเป็นนายทุนมัวออกทีวีไม่ไหว เพราะเดี๋ยวต้องนัดป๋า นัดทหาร ตำรวจม นักการเมืองพอ่ค้ากินข้าวเย็น business talk ก็เลยบอก เฮ้ย!ไอ้เผือก(ชื่อเล่นสรยุทธ์) เอ็งมาทำทีวีคู่พี่หน่อยวะ คมชัดลึกนะ
ไอ้เผือกก็ไปไม่ค่อยเป็นตอนแรก ตื่นกล้องก็ตื่นกล้อง หน้าตาแม่งก็ออกตี๋ๆ หยุ่นก็บอกเอางี้ให้ช่างแต่งหน้าทำผมเอ็งนี่ หวีเรียบแปล้ขึ้นไปข้างบน น้ำมันชโลมหน่อย เอ็งก็ออกมาดูแก่แล้ว แว่นก็หาหนาๆหน่อย ดูแล้วแม่งมีภูมิ
ไอ้เผือกก็เลยมีlookอย่างที่ว่า แต่ก็เงอะๆงะๆตื่นกล้อง แล้วก็ต้องเดินแนวทางกับหยุ่นคือทำสีหน้าท่าทางมือไม้ให้แม่งดูเครียด คนดูก็ดูไปจะหงิกแดกตามมันไป...หยุ่นก็บอกไอ้เผือกท่าจะไม่รอดแล้วเว้ย คนดูบอกดูมึงแล้วไม่บันเทิง รายการทีวีที่ดีแม่งต้องบันเทิง มึงลดความเครียดลงหน่อยซิวะ
ไอ้เผือกก็ไปไม่ค่อยเป็น ไอ้เชี่ยก็กูเห็นพี่หยุ่นออกแนวเครียดๆ"นะกรั๊บๆ พูดมาฟันธงให้ชัดๆเลยกรั๊บ"กูก็เอาอย่างมั่ง ทำไมคนดูชอบพี่หยุ่น มาดูกูเสือกบ่นเครียด...สรุปคือตอนแรกไอ้เผือกก็ไม่ได้แจ้งเกิดเปรี้ยงปร้าง นะ คือมันก็พยายามจะเป็นสุทธิชัยหยุ่น2 แล้วใครมันจะไปก๊อปปี้ใครได้
หยุ่นเลยแก้ปัญหาให้ว่า เอางี้ลดโทนจากเครียดๆวิเคราะห์การเมืองแบบฮาร์ดคอร์นี่ลงมาให้มันดูบันเทิง ให้entertainคนดูหน่อย เอาเป็นแบบnews talkแล้วกัน หยิบข่าวมาพูดแล้วแสดงความเห็นหยอกมุกอะไรเข้าไป..ไอ้เผือกบอกพี่ผมเล่นไม่ เป็น เอาไงดี
หยุ่นก็เลยไปลากเอากนกนี่มาเป็นตัวชงมุกให้ไอ้เผือกเป็นคนตบ ไอ้หนกชง ไอ้เผือกตบหน้าเน็ต...คนดูก็ชอบเพราะมันแปลกใหม่ อันนี้คือรายการเก็บตกจากเนชั่น แต่มาแจ้งเกิดนี่ทางNation channelคือTTVของลุงไกรวัฒน์นะ คนดูก็จำกัดเขตกรุงเทพฯปริมณฑล
ไอ้หนกนี่จบวารสาร ธรรมศาสตร์ เอกหนังสือพิมพ์ แต่จบมาแม่งไม่มีแวว เคยไปเป็นเด็กฝึกงานที่เนชั่น เขาก็ไม่เอาหนกทำงาน มันก็ไปสมัครที่ไหนเขาก็ไม่เอา ก็เลยไปเป็นดีเจจัดเพลงทางวิทยุ พวกเพลงป๊อบทั้งหลาย แล้วก็เอาข่าวนู่นนี่มาพูดหน่อยพอกล้อมแกล้ม ก็เงียบๆไม่ดัง หลังๆมาก็มาสมัครทำเป็นดีเจจัดข่าวกับหยุ่น
หยุ่นเห็นว่าเสียงไอ้หนกออกแนวFMก็ให้มันจัด เพราะเนชั่นก็ขยายงานไปสารพัดอย่างที่ว่าไปแล้ว ต่อมาก็เลยลากมันมาเป็นตัวชงให้ไอ้เผือกทางเนชั่นแชนัล แต่ชงไปชงมายังไงไม่รู้ ด้วยความที่ไอ้หนกมันไม่มีพื้นฐานเป็นนักข่าวสนามมาเลย มันก็ออกทะเลอยู่เรื่อย ไอ้เผือกตอนแรกก็เริ่มหงุดหงิด ก็กัดแม่งกลางจอ
กัดทีงี้เหวอะ...กะจะเอาให้ตายคาจอ เพราะไอ้เผือกติดนิสัยลูกพี่หยุ่นมา กูเอาใครมาออกทีวีนี่ขอกรูทำตัวเป็นนักฆ่าหน้าจอต้อนแม่งจนกระดาน หรือกัดมันเลือดสาดออกจอ สะใจคนดูซาดิสม์
แต่ไอ้เรื่องที่ไอ้เผือกกัดไอ้หนกเหวอะ กลายเป็นเรื่องคนดูทีวีเนชั่นเสือกชอบเว้ยเฮ้ย...ไอ้คนดูแม่งก็ซาดิสม์ได้ เรื่องเหมือนกัน จากที่เริ่มมาจะเป็นตัวชง ไอ้หนกเลยกลายเป็นตัวลูกไล่ให้เผือกกัด...คนดูก็ออกแนวสงสารเห็นใจมัน เห็นตัวเล็กๆเตี้ยๆเท่าลูกหมา เสียงก็FMหน้ามันก็ออกทางหนูไม่รู้ประจำ คนก็เอ็นดู ก็เลยกลายเป็นรายการบันเทิงชนิดหนึ่งขึ้นมา...
กัดกันไปกัดกันมาจนดังได้ที่ ก็ไปเข้าตามิ่งขวัญตอนนั้นมาปลุกปั้นแดนสนธยาช่อง9ให้เป็นโมเดิร์นไนน์ มิ่งขวัญก็ช็อปตัวสรยุทธไปทำรายการคล้ายๆคมชัดลึกเดิม รอบค่ำ4ทุ่ม
ตอนบินหนีจากเนชั่นไปอยู่ช่อง9ทำรายการ"ถึงลูกถึงเมีย” เอ๊ย ถึงลูกถึงคนนี่ ไอ้เผือกก็เป็นเผือกnew lookแล้ว คือไม่ใช่ไอ้ตี๋หน้าจืด เสยผมเรียบแปล้ ยกมือไม้พูดจาทีคนดูหงิกแดก เพราะเครียดกับมันอย่างตะก่อนแล้ว
ไอ้เผือกรู้แล้วว่า การทำทีวี แม้จะเป็นเรื่องจริงจังอย่างเล่าข่าว มันก็ต้องEntertainคนดูด้วย
ที่สำคัญต้องจับประเด็นที่ผู้คนสนใจ หรือที่วงการเรียกว่าhuman interesting พูดง่ายๆคือหากเทียบการทำหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ใช่ภาษาอังกฤษแบบNation หรืออย่างกรุงเทพธุรกิจ มติชน มันต้องจับกลุ่มเป้าหมายใหญ่แบบบ้านๆอย่างไทยรัฐ เดลินิวส์
คนที่เอามาสัมภาษณ์ก็ไม่จำเป็นต้องผูกไท ใส่สูท อย่างพวกท่านปลัด อธิบดี รัฐมนตรี นายกฯห่าเหว แต่ต้องหาคนสนุกๆมีสีสันอย่างชูวิทย์อ่าง หมอพรทิพย์พุดเดิ้ล เจ๊เจ้าของบ้านสีดำ ยายไฮพังเขื่อน หรือผู้การวิสุทธ์มือปราบน้องแน็ตอะไรประมาณนี้....ไอ้เผือกก็เลยดังระเบิด ด้วยเรื่องบ้านๆ การมงการเมืองนี่ก็นานๆที แต่ขออย่าง กูต้องไม่หาศัตรูแบบหยุ่นทำ
หยุ่นก็แค้นตาแม้น กูอุตส่าห์ปั้นมา ไอ้เผือกหนีไปแจ้งเกิดรวยซะแล้ว ก็ดันไอ้หนกขึ้นเป็นเบอร์1ของเก็บตกเนชั่น แล้วก็หาคู่หูมาให้ หาใครก็ไม่ได้ เลยเหล่ไปเจอเด็กที่เคยยกกล้องแบกกล้อง ต่อมาให้เป็นผู้ช่วยโปรดิวเซอร์(คือตำแหน่งขี้ข้าสารพัดในรายการทีวีหนะแหละ เช่น โทรนัดแขกมาออกรายการ ยกน้ำเสิร์ฟแขก เตรียมออกรายการ ประสานกล้อง ช่างทำหน้าทำผม ชงกาแฟให้คนดำเนินรายการ"
"เฮ้ย!ไอ้ฮุย พี่จะให้เอ็งออกกล้องมึงสนมั๊ย"หยุ่นพูดขึ้นในวันหนึ่ง หลังจากเหล่หาใครไม่เจอว่าจะเอาใครมาเป็นลูกไล่ให้ไอ้หนก
ไอ้ฮุยที่ว่านี้ มีชื่อจริงตามสำเนาทะเบียนบ้านว่า ธีระ ธัญไพบูลย์
คุณๆสังเกตกันไหม แก๊งเด็กนรกเนชั่นนี่จะมีความเหมือนๆกันอยู่2-3อย่างคือ
1.ไม่ได้เป็นนักข่าวสนามมาก่อน(ยกเว้นไอ้เผือก-สรยุทธ มีประสบการณ์ข่าวสนามมาบ้าง2-3ปี) อย่างไอ้หนกนี่เป็นดีเจจัดรายการเพลงอัสนี-วสันต์ อ้อมสุนิสา พี่เบิร์ดมา ไอ้ฮุย-ธีระนี่เด็กยกฉากแบกกล้องชงกาแฟ โทรสายต่อแขก จอมขวัญก็มาจากแปลข่าวต่างประเทศก๊อกๆแก๊กๆ อันนี้มันก็ทำให้พื้นไม่แน่น โดยเฉพาะหากมึงต้องมาว่าด้วยเรื่องข่าวการบ้านการเมือง คือพวกมึงไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ มันก็เลยฟ่ามๆ
2.ไม่ได้เป็นactivistหรือเด็กกิจกรรมมาก่อน ซึ่งอันนี้จะ ต่างจากหลายๆค่าย อย่างผู้จัดการ มติชน อาทิตย์ของชัชรินทร์ แนวหน้า ไทยรัฐ เดลินิวส์ INN บางกอกโพสต์ ไทยโพสต์ เขาจะเลือกเด็กActivistมาก่อน ข้อดีคือไอ้พวกนี้มันกระฉับกระเฉงลุยงาน ข้อเสียคือไอ้พวกนี้มันมีชุดความคิดบล็อกในหัวมาแล้ว พูดง่ายๆว่าปกครองยาก ล้างสมองก็ยาก เพราะเด็กมันแก่แดด หยุ่นเอาอย่างแก๊งเด็กนรกที่ไม่ใช่Activistมาทำงานก็สบายยังงี้ คือพวกนี้มันเด็กว่าง่าย เอาอะไรใส่หัวให้มัน มันก็รับไว บอกให้มึงศรัทธาใคร เกลียดใคร ให้พวกมันไปกัดใครแทน มันก็ทำถวายชีวิต...
จะต่างจากพวกเด็กกิจกรรมมหาลัย ไอ้พวกนี้ไม่ได้ทำงานให้ใครเพราะมันศรัทธา แต่มันจะซักจะถามจะสงสัย และมีกรอบแนวคิดชนิดหนึ่งว่า ที่มันต้องทำลงไปนั้น เป็นประโยชน์หรือผลเสียแก่บ้านเมืองส่วนรวม...คนอย่างนี้ไม่ได้เกิด ที่Nation คือมันก็เป็นเวรกรรมของหยุ่น คือตอนมันหนุ่มๆมันไปทำกับเจ้านายเก่าไว้มาก หักเขาไปทั่ว แก่ตัวมามันเลยหาเด็กๆโนเกี๊ยะหัวอ่อนมาใช้ดีกว่า เอาอะไรยัดใส่กบาลมันก็รับหมด จะให้มันเป็นม้าใช้ ส่งไปกัดใคร มันเหมือนหุ่นยนต์พิฆาต ไม่ต้องเคยถามว่า ที่เราทำๆนี่มันไม่เหี้ยหรือครับพี่ บ้านเมืองเสียหายนะพี่...ไม่มี!
3.ทั้งหมดนี่เป็นคนกรุงเทพฯ สเป็คตี๋หมวยถูกจริตคนกรุงเทพฯ ถึงหยุ่นจะเป็นคนสงขลาบ้าสะตอ แต่พอจะหาเด็กออกหน้าจอนี่เห็นไหม ไม่มีเลยที่เป็นเด็กสะตอ จะต่างจากค่ายอื่นๆ หากคุณๆว่างไปเดินเล่นใต้ถุนสภา หรือรังนกกระจอกทำเนียบนี่ ก็ต้องคิดไว้ก่อนว่าภาษาทองแดงถือเป็นภาษาราชการของนักข่าว ส่วนภาษากลางนี่เอาไว้ใช้ถามแหล่งข่าวก็พอ พวกมันคุยกันเองก็สะตอแตกทั้งนั้น...
เด็กกรุงเทพฯไม่พอ ต้องมีเชื้อด้วย คือต้องกากี่นั้งทั้งไอ้เผือก ไอ้หนก ไอ้ฮุย จอมขวัญอะไรพวกนี้กากี่นั้งหมด เพราะมันต้องทำรายการเอาใจคนดูชาวกรุง แล้วก็คนเมือง ซึ่งเป็นกากี่นั้งด้วยกัน ส่วนพวกทองแดง หรือออกลาวนี่หยุ่นก็มีไว้มั่งเป็นไม้ประดับไว้ออกข่าวภูมิภาคอะไรกัน ไป...ไม่เคยมีใครดูพวกมันหรอก
4.ไอ้พวกนี้ต้องแสดงออกทางสีหน้าท่าทางกวนตีนกันทุกตัว อัน นี้มันก็ไม่ได้เป็นมาแต่เกิดนะ พ่อหยุ่นสอนมัน พ่อหยุ่นบอกว่าการทำรายการทีวีมันต้องมีภาษากายแบบรายการทีวีฝรั่ง พวกมึงจะมานั่งทื่อมะลื่อนี่ไม่ได้ เอาให้คนดูเห็นๆว่าพวกมึงเกลียดโกรธ บูชาๆคนที่มึงสัมภาษณ์ หรือกำลังพูดถึงให้เห็นตำตาเลย
ดังนั้นเวลาแก๊งเด็กนรกนี่ออกหน้าจอมันก็ทำตามพ่อหยุ่นมันฝังใส่กบาลมานั่นแหละ...
เดี๋ยวไปว่าต่อแต่ละตัว อันนี้ถือว่าแทรกมุก ให้รู้จักแบ็คกราวนด์ตัวละครพอสังเขป
พื้นฐานไอ้ฮุยนี่ก็ไม่ได้เป็นนักข่าวสนามมาเหมือนไอ้หนก ความคิดความอ่านการเมืองก็ไม่มีห่าอะไรเลย ก็เหมือนเด็กทั่วๆไปที่เกิดแล้วรู้ความสมัยป๋าเป็นนายกฯ คือวันๆก็โดนกรอกหูกรอกตาด้วยเรื่องซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก
ไอ้ฮุยนี่เป็นเอามากถึงขั้นเมียมันจะคลอดวันที่14ธันวานะ แล้วมันนี่ได้ชื่อว่าเป็นคนกลัวมอสระเอียชนิดได้โล่กับเขาคนหนึ่ง ยังอุตส่าห์พาเมียไปผ่าลูกออกก่อนกำหนด คุณๆเดาไม่ผิดหรอกมันผ่าออกตอนวันที่5ธันวาคมพอดี๊พอดี
เพราะงั้นเวลาไอ้ฮุยเล่าข่าวว่าไอ้เหลี่ยมจะล้มล้าง หรืออีเพ็ญจะจับอาวุธลุยถั่วล้มล้าง หรือไอ้พวกเสื้อแดงหมิ่นอะไรต่างๆนี่ มันก็เลยจะออกมาธรรมชาติมากๆ อันนี้พ่อหยุ่นไม่ต้องล้างสมองมา มันเป็นงี้มาแต่เกิด
แล้วเพราะความฟ่ามของไอ้ฮุย ไอ้หนก จอมขวัญที่ว่ามันไม่มีพื้นฐานงานข่าวสนามมาก่อนหนึ่งหละ แล้วก็ไม่เคยผ่านการเป็นเด็กแอ๊คทิวิสต์ในมหาลัยมาด้วยหละ ไอ้สิ่งที่เรียกว่าconceptual frameworkของมันเรื่องของกิจการบ้านเมือง เรื่องในเชิงidealisticsอะไรทั้งหลายแหล่เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง เพื่อสังคมส่วนรวม เพื่อคนด้อยโอกาสคนยากคนจนนี่เลยไม่ต้องมี
ไอ้สองตัวเหี้ยนี่ เวลามันมองไปเจอพวกเสื้อแดงมาม็อบทีกันเป็นแสนหลายแสนนี่ ที่มันคิดคือพวกห่านี่มากันตั้งสามแสนคน หัวห้าร้อย คูณกันแล้ว ไอ้เหลี่ยมต้องควักจ่ายเท่าไหร่วะ?....
ขี้ชัดๆนะในหัวไอ้พวกเหี้ยนี่
การทำรายการทางเนชั่นมันก็เลยออกมาอย่างเห็นๆ แม่งจะแสดงภูมิปัญญาอะไรได้เพื่อประเทศชาติบ้านเกิด คุณคิดเหรอว่างาช้างมันจะงอกออกมาจากปากหมาเน่าๆอย่างไอ้เหี้ยสองตัวนี่
ไอ้หนกก็นะ ตอนแรกทำรายการไอ้เผือก เป็นลูกไล่ไอ้เผือกออกแนวหงิมๆคนก็เอ็นดูสงสารมัน มันก็เอาใหญ่อ้อนแฟนๆว่า ผมเป็นคนจีนก็จริงแต่ยากจนอนาถา ตอนเด็กมีแฟนอยู่คน มีปัญญาแค่ซื้อแอ็ปเปิ้ลให้กิ๊กกินลูกเดียว จากนั้นก็พลัดพรากจากกัน...พอมามีหนังแฟนฉันเข้าโรงดังบึ้ม ไอ้นี่ก็เข้าไปเขียนประกาศในห้องเฉลิมไทย เวบไซต์พันทิป สะดีดสะดิ้งบอกอยากพาแฟนฉันสมัยเด็กไปตีตั๋วดูหนังรำลึกความหลังกัน....ไอ้ ดอก!ลูกผัวเค๊ามีมันคิดมั่งมั๊ย
นอมินีของกนก-ลักขณา รัตน์วงศ์สกุล อดีตเลขานุการผู้บริหารเครือNATION ภรรยาของกนก รัตน์วงศ์สกุล ตอนนี้เป็นกรรมการบริหารบริษัทเนชั่นบรอดแคสติ้ง จำกัด(มหาชน)-NBCหุ้นน้องใหม่ที่กำลังเปิดขายในตอนนี้ และจะเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นMAIในวันที่11พ.ย.นี้ ขณะที่"เมีย"เป็นกรรมการบริหารบริษัทนั้น กนกซึ่งเป็น"สามี"สวมบทคนเล่าข่าวของเนชั่นได้โหมโฆษณาผ่านทางทีวีและวิทยุ เนชั่นเกินจริงให้คนซื้อแล้วจะ"รวยเละ รวยไม่รู้เรื่อง" ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และขัดแย้งทางผลประโยชน์ มีโทษจำคุก 2 ปี ที่สำคัญคือ"น่าเกลียด"!(อ่านรายละเอียดข่าวนี้ คลิ้่กที่นี่)
ไอ้พวกเฉลิมไทยก็สะดีดสะดิ้งตอแหลลุ้นไปกับไอ้เหี้ยหนกกันยกใหญ่ ติดตามกันเหมือนละครน้ำเน่าหลังข่าวพระราชสำนัก เอาไปเอามาไอ้หนกต้องเอาจริงเพราะแรงยุของพวกสะดีดสะดิ้งปัญญาสะตึในเหลิ มไทย ผู้หญิงเขาไม่ยอมออกมา ไอ้ห่ารากนี่เอารถไปตามเขาถึงบ้าน ลากเมียเขาออกมา...ผัวเขาก็นั่งกัดฟันกรอดๆรออยู่ที่บ้าน ไอ้เชี่ย แฟนฉันก็จริง แต่อีนี่มันเมียกูนะสัดดด...!
ส่วนเมียไอ้หนกก็เรื่องรัยจะปล่อยแม่งไปแหววกับแฟนฉันสองต่อสอง แฟนฉันก็ใช่ แต่ไอ้หนกนี่ผัวกูนะอีดอก มันก็เลยไปนั่งคั่นกลาง...คนทั้งโรงก็ดูไปฮากันไป ส่วนไอ้หนกกับเมียพร้อมกิ๊กนี่นั่งหายใจฟืดฟาดๆๆ กว่าจะจบเรื่องได้ ลงท้ายไอ้เจี๊ยบอีน้อยหน่าไม่แฮปปี้เอ็นดิ้งยังไง
ไอ้หนกกับเมียมัน รวมทั้งแฟนฉันและผัวเขา ก็แทบจะบ้านแตกฉันนั้น...
กลับมาฝั่งไอ้เผือกมั่ง ตอนนี้ต้องใช้คำว่าเสี่ยนำหน้าแล้ว เพราะรายการถึงลูกถึงเมียฮิตระเบิด เจ๊มิ่งก็เลยจะเปิดรายการใหม่ให้เป็นเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ไอ้เผือกเลยต้องไปทาบไอ้หนกมาเป็นลูกไล่ที่ช่อง9 ไอ้หนกเลยได้อาศัยเกาะไอ้เผือกดัง เพราะมันทำตัวน่าเอ็นดูให้ไอ้เผือกสับโขกเล่นเป็นที่บันเทิงของคนดู
ไอ้เผือกก็สร้างวีรกรรมไว้เยอะที่ช่อง9อย่างรู้ๆกัน เรื่องเงินๆทองๆทั้งนั้น ทั้งอมเงินค่าโคดสะนา100กว่าล้าน ทั้งเรื่องให้คนดูส่งSMSมารายการแล้วแทนที่มันจะแบ่งให้ช่อง9เขา ไอ้ห่ารากนี่อมซะเอง ไหนจะเรื่องtry in หรือโคดสะนาแฝงเวลาเชิญแขกเชิญใครมาออกรายการที่พอจะมีตังค์ไถได้
แต่คุณงามความดีมันก็มากคือมันสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้วงการเยอะมาก แล้วก็ให้ผมพูดตรงๆนะ มันสลัดเงาของหยุ่นได้พอสมควร คือไม่ต้องเป็นขี้ตีนรับใช้เป็นหุ่นยนต์พิฆาตให้หยุ่น ดังนั้นพวกเสื้อแดงอาจจะไม่ถูกใจมัน แต่อย่าลืมว่าไอ้พวกเสื้อเหลืองก็ด่ามันยับ หาว่ามันเป็นคนของระบอบทักษิณ...ผมว่ามันก็ตรงไปตรงมา อย่างตอนไอ้พวกเหี้ยเหลืองยึดสนามบิน มันก็เล่นตรงๆว่า80ลำนะเว้ยเฮ้ย พวกมึงยึดเขาไว้ มันก็กดดันให้เหี้ยเหลืองปล่อยเครื่องบินตัวประกันได้ พวกมุสลิมก็ได้ไปเมกกะห์ก็เพราะมันออกแรง ไม่งั้นก็แห้งตายอยู่สุวรรณภูมิ....
ไอ้เผือกนี่อย่างน้อยมันก็มีพื้นฐานนักข่าวสนามมา มันมีconceptualของมัน ถึงใครจะด่าว่าออกดัดจริต แต่การที่มันเน้นเรื่อง”สามัคคีประเทศไทย รักในหลวง บลาบลาบลา”…ผมก็ว่ามันไม่ได้เหี้ยเหมือนไอ้หนก ไอ้ฮุยที่มีแต่”คอนเซ็ปชั่ว”ลูกเดียวนะ ว่ามั๊ยสัดดด?
ว่ากันตรงๆคือมันก็คือ”พ่อค้า”คนหนึ่งแหละ มันถือตำรากากี่นั้งว่า”กินขี้หมาดีกว่าค้าความ”มันไม่อยากหาศัตรู จะได้ทำมาหาแดกไปได้เรื่อยๆ แสดงออกว่ากรูเดินสายกลาง ไม่เข้าใครออกใคร
แต่อย่ามีลูกหลุดถึงตีนกูนะ อย่างรถแก๊สดินแดงตอนสงกรานต์ มันก็ต้องตามน้ำว่า”ก็นี่แหละครับ!”ซักหน่อย....ไอ้เรื่องจะเหี้ยก็คือว่า การที่จะสืบเสาะหาข้อเท็จจริงนี่เสือกไม่ทำ ว่ากันไปตามกระแส ไม่รู้แม่งจริงไม่จริง มันก็ตามน้ำไปก่อน..”ก็นี่แหละครับ คุณผู้ชมครับ”...มึงก็ทำการบ้านหน่อยซีว้าไอ้เผือก....อย่าเสือกมักง่าย มึงมักง่ายก็ต้องโดนกูด่า ...ก็นี่แหละครับ
หลังรัฐประหาร19กันยา เจ๊มิ่งไป ไอ้เผือกก็หลุดช่อง9 ไปประจำช่อง3มันก็ไม่เดือดร้อนหรอก ก็ยังเป็นเสี่ยเหมือนเดิม จะเดือดร้อนหน่อยก็ไอ้เตี้ยหนกนี่เสือกด่าไล่หลังเพื่อนว่า”กูทำงานกับคนโกง ไม่ได้”
..อ้าว!ไอ้เตี้ยนี่ออกลายเนรคุณเพื่อน มาได้เกิดช่อง9ก็ไอ้เผือกลากมา ไม่งั้นก็แคระตายอยู่ช่องเนชั่น พอเพื่อนล้มไอ้เตี้ยโดดข้ามไม่พอ แม่งขอตื้บฟรี1ดอก ไอ้สัดดด
พอหลัง19กันยาก็อย่างที่เห็นคือไอ้หนกคนเดียวไม่พอ ไอ้ฮุยตามมาด้วย จอมขวัญตามมาติด หยุ่นตัวพ่อก็มาโผล่ เล่นแม่งเป็นลูกระนาด3 5 7 9 NBT ส่วนTPBSนี่ให้หย่องแดกเรียบ เพราะมันมีข้อตกลงกับปีศาจอย่างที่ผมว่ามาก่อนๆนี้
บางทีหาเรื่องเล่นไม่เจอ ไอ้ฮุยก็มามุกด้านๆเลย บอกได้ฟอร์เวิร์ดเมล์จากทางบ้าน(ก็ไอ้พวกเหี้ยเหลืองนะแหละ)บอกวันนี้ให้ใส่ เสื้อเหลืองทั้งประเทศนะ เพราะหมอผีเขมรเล่นของสะกดเมืองไทยให้ยกเขาพระวิหารให้มัน....ขอเชิญชวน ประชาชนไทยนะครับทั้งชาติแค่รวมใจใส่เสื้อเหลืองแก้เคล็ด วันนี้เห็นมั๊ยผมยังใส่เสื้อเหลืองออกทีวีเลย
วีณารัตน์ แซ่เล้านั่งจัดคู่ด้วยอายก็อาย ทุเรศก็ทุเรศเลยแขวะไอ้ฮุยว่าเธอนี่ก็เป็นเอามากนะ จะเล่นของไปถึงไหน เมืองไทยก็มีพระสยามเทวธิราชปกป้องคุ้มครองอยู่แล้ว ไอ้ฮุยนี่มีเคืองออกหน้าจอให้เห็น พอพักโคดสะนากลับมามันก็แก้ตัวดิบๆเลยว่า หันไปเล่นมุมว่ากูนี่ไม่ได้บ้าไสยศาสตร์เว้ย กูนี่ก็วิทยาศาสตร์เหมือนกัน
ว่าแล้วไอ้ฮุยก็เล่าข่าวว่า นอกจากเรื่องไสยดำมนต์เขมรแล้วเนี่ย พอดีวันนี้เกิดสุริยุปราคาด้วย แล้วก็เล่าว่าอันนี้เป็นปรากฎการณ์ทางวิทยาศาสตร์นะ โลกบังดวงจันทร์บังอาทิตย์กี่องศาฟิลิปดาห่าเหวยาวเลย วีณารัตน์ แซ่เล้าได้ทีแขวะว่า”อ่า ไปดูสุริยุปราคานี่ไม่ต้องใส่เสื้อเหลืองดูหรอกนะ...”
ไอ้ฮุยเสือกไม่ขำ รายการจบพอดี วีณารัตน์ แซ่เล้าโดนไอ้ฮุยตบคว่ำหรือเปล่า ข่าวไม่ได้แจ้ง
*****
สาวสัมพันธ์โฉ่หยุ่น+เปรม+มาร์ค
สงขลาคอนเน็คชั่น-พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เคยเชียร์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไว้ว่า เป็นโชคดีของคนไทยที่ได้อภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งความจริงก็คงใช่ โดยเฉพาะคนไทย ชาวสงขลาบ้านเดียวกับเปรมที่ชื่อว่าสุทธิชัย หยุ่น
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
4 พฤศจิกายน 2552
รายงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน(investigative news)ชุด"เปิดโปงเนชั่นปั่นหุ้นจองNBC" เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายในวันนี้ หากให้ว่ากันตามตรงแบบปลงๆก็คงต้อง"ชี้ลงไปให้ชัดๆ"ว่า เราไม่ได้หวังว่าจะพึ่งพาก.ล.ต.หรือกระบวนการยุติธรรมประเทศนี้ได้หรอก แต่ผู้อ่านทุกท่านนั่นเองที่จะช่วยกันใช้พลังทางสังคมกดดันให้เกิดความ ยุติธรรมทางสังคมได้ เราไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆหากท่านผู้อ่านจะเผยแพร่ข่าวชิ้นนี้ออกไปให้มากที่ สุด เป้าหมายสำคัญอันดับแรกคือเพื่อน หรือครอบครัว หรือคนที่ท่านรู้จักที่เป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย และสาธารณชนชาวไทยที่เสียหายร่วมกันจากพฤติการณ์ของเนชั่นกับรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ และเปรมผู้มีเงาทอดทมึนอยู่ฉากหลัง
องครักษ์พิทักษ์เปรม ล่าสุดแก้ต่างให้กรณีสัมพันธ์ล้ำลึกหนุ่มเสก
กล่าวกันว่าคนปักษ์ใต้นั้นรักพวกรักพ้องในปริมาณและคุณภาพที่สูงกว่าคนใน ภูมิภาคอื่นๆ และว่ากันอีกว่าในบรรดาคนปักษ์ใต้ที่รักพวกรักพ้องมากนั้น คนสงขลารักพวกพ้องมากสุดๆ และในบรรดาคนสงขลาที่รักพวกพ้องสุดๆนั้น คนที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับพลเอกเปรม ติณสูลานนท์นั้น เป็นที่สุดของที่สุดในด้านนี้
ในวิชาชีพนักสื่อสารมวลชนนั้น สุทธิชัยมักสั่งสอนคนข่าวเครือเนชั่นว่า คนที่เป็น"บุคคลสาธารณะ"นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ตรวจ สอบ โดยไม่มีข้อยกเว้น...แต่สุทธิชัยก็มักยกเว้นให้พลเอกเปรมเสมอ
ไม่เพียงยกเว้นให้ แต่ในทุกโอกาสที่อำนวยให้ สุทธิชัยจะทำหน้าที่เป็นองครักษ์ให้พลเอกเปรมโดยตลอดเช่นกัน
ซึ่งก็รวมทั้ง"ข่าวร่ำลือ"มานานหลายทศวรรษเรื่องความสัมพันธ์อันไม่ธรรมดาของ"เปรมVSหนุ่มเสก"
เมื่อไวๆนี้สุทธิชัย หยุ่นเพิ่งเขียนลงบล็อกของเขา เมื่อ 30 พฤษภาคม 2552 เพื่อแก้ต่างให้กับเปรม โดยยกบทสัมภาษณ์ที่ไทยโพสต์ตีพิมพ์สัมภาษณ์"หนุ่มเสก"เสกสรร ชัยเจริญ ที่ตกเป็นขี้ปากของคนมาตลอดว่าสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ"ป๋าเปรม"
เปิดใจเป็นครั้งแรกเมื่อ "หนุ่มเสก" หรือ "เสกสรร ชัยเจริญ" อดีตนักร้องชื่อดังเปิดเผยให้ "ไทยโพสต์" ทราบถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ "ป๋า" พลเอกเปรม ติณสูลานนท์...6 ปีแล้วที่ไม่ได้พบ "ป๋า" ทรมานใจ และรักเหมือนพ่อ
ตอนหนึ่งของคำให้สัมภาษณ์ที่ "หนุ่มเสก" บอกอนุญาตให้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ตีพิมพ์คือ
"ถ้ากล้าถาม ก็กล้าตอบ และยืนยันว่าไม่มีแน่นอน เอ้า...พูดตรง ๆ เลยว่า แค่หอมแก้ม เพราะผมเคารพรักท่าน ท่านก็เหมือนพ่อ ผมรักท่านเหมือนพ่อ ท่านเป็นผู้มีพระคุณ...6 ปีแล้วที่ไม่ได้พบป๋า...มีคนพยายามกีดกันไม่ให้พบ..."
เชิดชูครูเปรมเอาใจเต็มพิกัด
อาจจะเป็นเพราะมีหนังสือเกี่ยวกับพลเอกเปรมในทำนองเชิดชูยกย่องไปเยอะแล้ว สุทธิชัยก็เลยพิมพ์หนังสือ"ครูเคล้า คชาฉัตร ครูของรัฐบุรุษ"ที่พลเอกเปรมบอกว่ารักเคารพเหมือนพ่อเพื่อเอาอกเอาใจเปรม
หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ในนามของสำนักพิมพ์เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป จำกัด มหาชน ของสุทธิชัย ซึ่งนับเป็นกรณีพิเศษ เพราะปกติสุทธิชัยมีสำนักพิมพ์อยู่แล้วคือสำนักพิมพ์เนชั่นบุ๊คส์ แต่คราวนี้พิมพ์ในนามบริษัทมหาชนเสียเลย
หนังสือเล่มนี้พิมพ์ครั้งแรกและวางขายในเดือนตุลาคม 2549 พูดง่ายๆว่าหลังรัฐประหารยึดอำนาจ19กันยายน 2549เพียงไม่กี่วัน
พลเอกเปรม ได้เขียนคำนิยม ในหนังสือ "ครูเคล้า คชาฉัตร ครูของรัฐบุรุษ "ตอนหนึ่งไว้ ว่า....."สำหรับผม ครูเคล้าเป็นมากกว่าครู ครูเคล้าเป็น "ทั้งครูและพ่อผมในเวลาเดียวกัน"
"คราใดที่ครูเคล้ามองผม ผมจะมองเห็นแววตาแห่งความรัก ความเมตตาความห่วงอาทรของครูเคล้าเสมอ คราใดที่สั่งสอนผม ผมจะได้ยินคำสั่งสอนที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดี ห่วงใย และบริสุทธิ์ เหมือนพ่อสั่งสอนลูก ผมจึงรักครูเคล้ามาก และจากสายตาและคำพูด ผมรู้ว่า ครูเคล้าก็รักผมมาก"
ครูเคล้าเป็นครูประจำโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา บ้านเกิดเปรม ซึ่งเปรมบอกว่า เป็น"ครูผู้มีส่วนสำคัญสำหรับชีวิตผม ทำให้ผมเป็นผมจนถึงทุกวันนี้"
หลังรัฐประหาร19กันยายน2549 สุทธิชัยหยุ่นได้เวลาเข้าไปทำรายการทางฟรีทีวีแทบทุกช่องคือ 3 5 9 11 ส่วนTPBSเทพชัย หย่อง น้องชายเข้าไปทำ และกลายเป็น"จุดเด่น"สำคัญให้เขานำมาเป็นข้อมูลชี้ชวนขายหุ้นจองNBCในช่วง นี้
ไม่มีใบเสร็จ ไม่มีหลักฐานใดๆว่าเปรมเป็นผู้ดลบันดาลรายการฟรีทีวีต่างๆให้สุทธิชัยเนชั่น หรือไม่ เพราะเรื่องอย่างนี้ไม่ต้องมีหลักฐานใด แต่คนที่ยังมี"สามัญสำนึก"ไม่บกพร่องก็เชื่อมโยง และสรุปฟันธงไม่ยากนัก
เป็นขาใหญ่วงการสื่อเคลียร์ให้นักข่าวสยบรัฐประหาร19กันยา
ไอ้ผู้ใหญ่ที่ว่าคือหยุ่นเนชั่น แล้วก็พี่มา นิจ สุขสมจิตร ผู้อาวุโสจากไทยรัฐ ทำตัวเป็นขาใหญ่เรียกไอ้ภัทระ ไอ้เอ๋ เจ๊หยัดมา แล้วก็เรียกเด็กนักข่าวสนามพวกต่อต้านมากินข้าวเกี่ยเซี้ยกันที่รอยัลพรินเซ ส ตรงหลานหลวง ฝ่ายนักข่าวสนามก็ยื่นคำขาดให้ถอนตัว ส่วนไอ้ภัทระก็โน้มน้าวว่าให้พวกกูเป็นเหอะน้ะนะๆๆ
แล้วก็มันจะเหลือเรอะ เพราะคนที่บอกว่าเป็นกรรมการกลางอย่างหยุ่นเนชั่นก็ รู้อยู่ว่ามันเกลียดเหลี่ยมเป็นขี้ แล้วปฏิวัติคราว19กันยาฯนี่บังก็แค่นอมินีของป๋าเปรม คนสงขลาบ้านเดียวกับหยุ่น เรื่องอะไรจะไปขัดใจป๋า หยุ่นแม่งก็โน้มน้าวโน่นนี่สารพัด สรุปฟันธงว่าพวกมึงนายก3สมาคมเป็นเลย...เชี่ยมั๊ยหละสัดด
หลังเกิดการรัฐประหาร19กันยายนใหม่ๆ ทางเปรมและคณะรัฐประหารอยากตอบแทนสื่อที่ช่วยกันโค่นล้มทักษิณ จึงยื่นข้อเสนอให้ตัวแทนสมาคมสื่อ3สมาคมเข้าไปเป็นสมาชิกสภานิจิบัญญัติแห่ง ชาติ(สนช.)
ตัวแทนสมาคมสื่อตอนนั้นมี
-ภัทระ คำพิทักษ์ จากโพสต์ทูเดย์ เป็นนายกสมาคมนักข่าวฯ
-ตัวแทนสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ มีบัญญัติ ทัศนียเวศ เป็นประธานสภา
-ตัวแทนของสมาคมนักข่าวโทรทัศน์วิทยุ มีสมชาย แสวงการ เป็นนายก
เรื่องไม่ได้ง่ายนัก เพราะนักข่าวภาคสนาม53คน ส่วนใหญ่เป็นนักข่าวสายประจำรัฐสภา และเป็นคนข่าวค่ายเนชั่นซะเยอะ แสดงความไม่เห็นด้วย ทั้งล่ารายชื่อคัดค้านอยากให้ตัวแทนสมาคมถอนตัว เพราะไม่อยากให้เกิดconflict of interst หรือเป็นภาพน่าเกลียดว่าสื่อโค่นทักษิณสำเร็จแล้วมารับรางวัลจากคณะรัฐ ประหาร
ผู้ใช้นามแฝง"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"เขียนถึงฉากตอนนี้ในบทความชุด"ลากไส้ สื่อเห้"อันลือลั่นของเขาไว้ว่า...คือโดยปกติอาชีพสื่อนี่ไม่เคยนะครับที่จะ ร่วมมือกับฝ่ายอำนาจฝ่ายการเมืองกันแบบนี้ ยิ่งเป็นตัวแทนสื่อแล้วแม่งน่าเกลียด ก็ถึงขั้นที่ว่ามีการเขียนในข้อกำหนดว่าห้ามนักข่าวไปดำรงตำแหน่งการเมือง
แต่ไอ้เหี้ยนายกสมาคมนักข่าวนี่เสือกหน้าด้านอยากเป็นขึ้นมา แต่จะเป็นคนเดียวแม่งก็จะน่าเกลียด เลยทำฟอร์มว่าขอไปปรึกษาพรรคพวกหน่อยนะท่านบัง เสร็จก็มาล็อบบี้นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ คือไอ้เอ๋สมชาย แล้วก็เจ๊หยัดตอนนั้นเจ๊เป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์ ไอ้เหี้ยนี่ก็ไปโน้มน้าวว่า ตอนทักษิณนี่พวกเราโดน"คุกคามสื่อ"เยอะ มาตอนคมช.ปฏิวัติก็บอกให้พวกเราใช้วิจารณญาณห้ามออกข่าวเหลี่ยมเด็ดขาด หากใครฝืนออกบังมันจะมาใช้วิจารณญาณแทนพวกเราคือสั่งปิดหนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ
นี่บังเขาก็มีไมตรีเชิญไปเป็นสนช. ก็เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้เข้าไปปกป้องไม่ให้คุกคามสื่อ เพราะมันมีกฎหมายเยอะแยะ อย่างน้อยพวกเราก็จะได้ท้วงหากกฎหมายไหนออกมาคุกคามสื่อ....(ดูมันตอแหล!)
เจ๊หยัด(บัญญัติ ทัศนียเวช)วงการรุ่นหลังเขาเรียกป้าหยัด แต่ผมเรียกเจ๊หยัดก็บอกว่าชั้นไม่เอาด้วยหรอก สื่อที่ไหนเคยไปเป็นตำแหน่งการเมืองแบบนี้ มันมีconflict of interest เธอว่าไงเอ๋?(หันมาถามสมชาย นายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์) ไอ้เอ๋แม่งแสบครับ แทนที่จะค้านเหมือนเจ๊หยัด ดันข้างๆคูๆเข้าข้างไอ้ภัทระ เลยเสร็จโจร...
เจ๊หยัดก็ตกกระไดพลอยโจร คือหากจะเป็นก็ต้องเป็นทั้ง3สมาคม หากเจ๊หยัดถอน ไอ้2ตัวนั่นอดแดกไปด้วย แกก็ไม่อยากมีปัญหากับเด็กรุ่นหลัง ก็เอาวะเป็นก็เป็น แต่อย่าทำให้น่าเกลียดก็แล้ว ต้องอธิบายสังคมให้ได้
สรุปแม่งก็กลับไปหาบังว่า บังครับที่บังเชิญผมเป็นสนช.นี่ "ผมขอสาม" เพราะพวกผมสมาคมสื่อมี3สมาคมไปไหนไปด้วย ถ้าคนหนึ่งไม่ไป มันก็ไปด้วยกันไม่ได้ บังก็กัดฟันยกให้สามต้องไปตัดโควต้าเด็กเส้นเด็กฝากลงเพียบ เพราะถ้าได้ใจสื่อ ต่อไปอะไรมันก็โล่ง ทำชั่วก็ผ่อนเบา ทำดีแม่งก็ตีปี๊บเชียร์ ปากกาอยู่ในมือพวกมัน...
แต่เรื่องก็ไม่หวานคอเหี้ยซะทีเดียวหรอก...
ความที่มันกระสันก็ดันไปปล่อยข่าวไปทั่วว่า กูจะได้เป็นสนช.กินเงินเดือนแสนสองโว้ย เรื่องมันก็หึ่งออกไป พวกนักข่าวสนามแถวใต้ถุนสภาก็เฮ้ย!นายกสมาคมกูเหี้ยแล้วมั๊ยสัดด ดันมารับใช้ทหารที่ปฏิวัติเข้าไปนั่งในสภาซะเอง แล้วงี้สื่อก็โดนด่าสิว่าตกลงพวกมึงจะเป็นเหี้ยอะไรแน่ระหว่างสื่อกับนักการ เมือง จะเป็นสื่อหรือเป็นเบ๊คณะปฏิวัติ.....
ไอ้พวกนี้ก็รวมหัวกันเขียนหนังสือหางว่าวส่งไปต่อต้านว่า พวกกรูไม่เห็นด้วยที่นายกสมาคมจะไปเป็นสนช. ให้พวกมึงถอนตัวก่อนจะเสียหายวงการ
ไอ้ภัทระก็นะ คนมันเงี่ยนได้ที่หงี่เต็มพิกัด ก็วิ่งหาผู้ใหญ่ในวงการสื่อ เพราะมันเป็นนายกสมาคม แต่เด็กนักข่าวในสนามก่อกบฎเข้าให้แล้ว(ก็มันเหี้ย เขาก็ต้องก่อกบฎ)
ไอ้ผู้ใหญ่ที่ว่าคือหยุ่นเนชั่น แล้วก็พี่มานิจ สุขสมจิตร ผู้อาวุโสจากไทยรัฐ ทำตัวเป็นขาใหญ่เรียกไอ้ภัทระ ไอ้เอ๋ เจ๊หยัดมา แล้วก็เรียกเด็กนักข่าวสนามมากินข้าวเกี่ยเซี้ยกันที่รอยัลพรินเซส ตรงหลานหลวง ฝ่ายนักข่าวสนามก็ยื่นคำขาดให้ถอนตัว ส่วนไอ้ภัทระก็โน้มน้าวว่าให้พวกกูเป็นเหอะน้ะนะๆๆ
แล้วก็มันจะเหลือเรอะ เพราะคนที่บอกว่าเป็นกรรมการกลางอย่างหยุ่นเนชั่นก็รู้อยู่ว่ามันเกลียด เหลี่ยมเป็นขี้ แล้วปฏิวัติคราว19กันยาฯนี่บังก็แค่นอมินีของป๋าเปรม คนสงขลาบ้านเดียวกับหยุ่น เรื่องอะไรจะไปขัดใจป๋า หยุ่นแม่งก็โน้มน้าวโน่นนี่สารพัด สรุปฟันธงว่าพวกมึงนายก3สมาคมเป็นเลย...เชี่ยมั๊ยหละสัดด
ไอ้พวกนักข่าวสนามก็ใบ้แดก เพราะไอ้พวกที่ลงชื่อในบัญชีหางว่าวต่อต้านในงานนี้นี่..ก็ลูกน้องกินเงิน เดือนหยุ่นซะเยอะ มันก็ไปไม่ถูก เลยบอกงั้นเอางี้ ให้พวกนายกสมาคม3ตัวนี่ลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมสื่อซะ แล้วก็จะไปเป็นอะไรก็ไป หากไม่ลาออกแล้วถ่างขาควบ2เก้าอี้นี่อย่าเลย พวกกูอายหมามัน....
สรุปพวกนายก3สมาคมยอมลาออกจากตำแหน่งสมาคมสื่อ ไปเป็นสนช.เงินเดือนคนละแสนสอง สุทธิชัยก็คาบข่าวไปบอกใครบางคนว่า
"ผมเคลียร์พวกสื่อกบฎจบแล้วครับป๋า..."
เปรมกับสื่อโล้นโยนมุกรับมุกกันสนุก ปากมันภาษีกลายเป็นค่าโฆษณา เชิดชูเผด็จการระรานเสื้อแดง
นอกจากเปรมจะประเคนฟรีทีวีให้หยุ่นเป็นรางวัล และเป็นกระบอกเสียงให้ฝ่ายเผด็จการ คอยระรานดิสเครดิตกระทืบฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว ก็ยังมีลูกเล่นมีน้ำจิ้มมีชุดใหญ่ประเคนให้หยุ่นตามมาอีกเพียบ
ก็อย่างเช่นโทรทัศน์เนชั่นแชนัลของนายสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งอาศัยความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพลเอกเปรมมักจะคว้าสิทธิ์การถ่ายทอดสด รายการที่อภิสิทธิ์ไปเกาะโพเดียมพูดทุกนัด ยังกับหวยล็อกไว้ ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่ถ่ายทอดสดฟรี แต่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งแน่นอนว่าคนจ่ายคือรัฐบาลอภิสิทธิ์(แน่นอนอีกทีคือมาจากภาษีประชาชน) หลายครั้งทางเนชั่นก็เป็นคนครีเอตeventพวกนี้ขึ้นมากับมือ
จะบอกว่าน้ำขึ้นให้รีบตักก็ได้ แต่เอาให้ตรงกว่าก็คือทำเหมือนตายอดตายอยากมานาน พอโค่นรัฐบาลประชาชนเลือกตั้งมาได้ และเอาพวกตัวเองขึ้นได้ ก็มูมมามสวาปามกันเต็มพิกัด จนเข้าข่ายน่าเกลียด พรรคพวกวงการสื่อ และพวกเอเยนซี่ร้องเซ็งกันเป็นแถว เพราะยุคนี้อะไรๆก็ต้องประเคนให้เนชั่น...
โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีจริงๆ
***********
ไม่อยากตกเป็นเหยื่ออย่าหลงเชื่อสื่อโล้น มิฉะนั้นอาจเป็นเช่น"รุ่งเรืองกิจ"
ทางโลก+ทางธรรม-สุทธิชัย หยุ่น แสดงตนว่าหันมาสมาทานทางธรรม โดยมีบทบาทใกล้ชิดพระว.วชิรเมธี เจ้าของวาทะ"ฆ่าเวลาบาปไม่น้อยกว่าฆ่าคน" และพระติช นัท ฮันท์ สงฆ์เวียดนามที่กำลังเดินทางเยือนไทยในช่วงนี้ ส่วนทางโลกนั้นเขาแสดงบทบาทโดยเปิดเผยว่าเป็นอริกับทักษิณ ชินวัตรและเครือข่าย และเลือกข้างพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รวมทั้งสมุนบริวารอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะอย่างแนบแน่น
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
เผยแพร่ครั้งแรก 13 ตุลาคม 2553
"สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ"สาปส่งขายหุ้นเนชั่นยอมขาดทุน200ล.ขายทิ้ง โอดโดนหลอกมาติดดอย
นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)-NMG และประธานกรรมการกลุ่มบริษัท ไทยซัมมิท เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ขายหุ้นเนชั่นฯ ซึ่งถืออยู่ 29.44 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 17.87% ของทุนจดทะเบียน ในราคาหุ้นละ 9 บาท หรือคิดเป็นเงินประมาณ 260 ล้านบาท โดยเป็นการขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
นางสมพรกล่าวว่า ขาดทุนจากการขายหุ้นครั้งนี้มากกว่า 200 ล้านบาท หากเทียบกับราคาหุ้นที่เข้าซื้อครั้งแรกเมื่อตอนเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัทแห่งนี้ประมาณปี 2546 ที่ระดับ 11.50-17.50 บาท หรือซื้อมาประมาณ 500 ล้านบาท
ประธานกลุ่มไทยซัมมิทกล่าวว่า เข้ามาถือหุ้นของบริษัท เนชั่นฯเพราะได้รับการชักชวนจากผู้บริหารของกลุ่มเนชั่นให้เข้ามาซื้อโดย บอกว่าผลประกอบการดีจะมีปันผล แต่ปรากฏว่าได้เงินปันผลเพียง 10 ล้านบาท ในปี 2547 เพียงปีเดียว และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่ได้รับเงินปันผลอีกเลย จึงตัดสินใจขายหุ้นเพื่อนำเงินไปลงทุนอย่างอื่นที่ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า กว่า
นายเสริมสิน สมะลาภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แนเชอรัลพาร์ค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เขาและกลุ่มเข้าชื้อหุ้น NMG หรือ เนชั่น จาก นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ จำนวน 17.8 % ว่า เป้าหมายของกลุ่ม ต้องการลงทุน เนื่องจากมองว่าธุรกิจสื่อ มีอนาคตสดใส และเนชั่นเป็นกลุ่มธุรกิจสื่อที่มีความหลากหลายทั้งด้านเนื้อหา และช่องทาง อีกทั้งเป็นสถาบันสื่อ ที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ และจัดโครงสร้างธุรกิจเช่นเดียวกับ บรรษัทข่าวระดับโลกอย่างนิวส์คอร์ปของนายรูเพิร์ต เมอร์ด็อก
เปิดปูมเนชั่นหักเหลี่ยมจึงรุ่งเรืองกิจ NBCที่มั่นใหม่หยุ่น
ก่อนหน้านั้นคนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่านักการเมืองเครือข่ายทักษิณ ชินวัตรเข้าไปพยายามเทกโอเวอร์เนชั่นจากนายสุทธิชัย หยุ่น เพื่อครอบงำกิจการ เพราะไม่พอใจที่เนชั่นมักโจมตีทักษิณตลอดเวลา แต่เมื่อปีที่แล้วไทยอีนิวส์ได้เปิดเผยเบื้องหลังการเข้าซื้อกิจการของนาง สมพร จึงรุ่งเรืองกิจว่า ความจริงถูกกลุ่มนายสุทธิชัยชักชวนเข้าไปเอง โดยอาศัยความมสัมพันธ์ทางการแต่งงานของ2ฝ่าย อ้างว่าผลประกอบการดีมีปันผลสม่ำเสมอ แต่พอเข้าไปซื้อแล้วก็ต้องผิดหวัง เพราะได้ปันผลหนเดียว ผลดำเนินงานแย่ลงต่อเนื่อง กลุ่มสุทธิชัยยังขายตึกเนชั่นทิ้ง และปล่อยให้กิจการแย่ลง ราคาหุ้นร่วงต่ำ ขณะที่ได้ไปตั้งบริษัทย่อยในเครือขึ้นใหม่ชื่อNBC และยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปที่บริษัทใหม่แทนNMG
ไทยอีนิวส์เปิดเผยเรื่องนี้เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2552 ดังรายละเอียดต่อไปนี้
"จึงรุ่งเรืองกิจ"โอดครวญเสียท่า ถูกประธานเนชั่นหว่านล้อมให้เข้ามาซื้อหุ้นเนชั่นมัลติมีเดีย(NMG) หลังเกี่ยวดองผ่านการแต่งงานหวังเป็นทองแผ่นเดียวกัน จากนั้นโดนตลบหลังโชว์ผลขาดทุนอ่วม แถมขายตึกNATION TOWERทิ้ง จนไม่เหลืออะไรมีค่าแล้ว ตอนนี้ขาดทุนทางบัญชี50%ติดแหง็กบนดอย พ้นทุนเมื่อไหร่ขอขายทิ้งสาปส่ง เผยของดีๆมีกำไรยักย้ายไปให้NBCบริษัทลูกหมด สุดท้ายบริษัทแม่ทำสิ่งพิมพ์กำลังกลายเป็นอดีต ส่วนอนาคตคือเนชั่นทีวี
สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถือหุ้นใหญ่NMG:บริษัท ไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะมีการขายทรัพย์สินเพื่อใช้ชำระหนี้ ซึ่งเป็นหนี้ที่ก่อมานานแล้ว ในฐานะผู้บริหารบริษัทมหาชน ควรจะบริหารธุรกิจให้มีกำไร ซึ่งทำไม่ถูกที่ขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ไปใช้หนี้ ซึ่งไม่ว่าองค์กรไหน ถ้าทำธุรกิจดี หากขายสินทรัพย์ไปแล้วก็ซื้อใหม่ได้ แต่ไม่ใช่เนชั่น
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลูกชายของสมพร: เราเข้ามาซื้อหุ้นNMGเพราะพี่สาวผมแต่งงาน คนที่พี่สาวผมแต่งงานด้วยคือหลานชายของคุณธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ [ประธานNMG] คุณธนาชัยเข้ามาคุยกับคุณแม่ว่า อยากให้ครอบครัวปรองดองกัน นั่นคือจุดแรกที่เราเข้าไปซื้อหุ้น ไม่ใช่เพื่อเข้าไปยึดครอง หรือเพื่อทำกำไร ไม่เคยมีอยู่ในหัวของคนในครอบครัวเราเลย ผมคิดว่าสื่อไม่ใช่ธุรกิจที่อยู่ๆ คุณจะเข้าไปเทกโอเวอร์ เข้าไปบริหารง่ายๆ
บริษัทแม่เนชั่นกำลังทรุด แต่เนชั่นทีวีคืออนาคตของสุทธิชัย หยุ่น?
ผู้ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของธุรกิจสื่อสารมวลชนเคยตกตลึงเมื่อเครือเนชั่น ของสุทธิชัย หยุ่น ประกาศขายตึกเนชั่นที่บางนาเพื่อชำระหนี้ ถึงกับทำให้นายสมัคร สุนทรเวช ที่เป็นขมิ้นกับปูนกับสื่อถึงกับ"โพล่ง"ออกมาในช่วงเขาเป็นนายกรัฐมนตรีว่า"เนชั่นขายตึกใช้หนี้ กำลังล้มละลายแล้วหรือ?" ต่อมามีสื่อบางฉบับลงข่าวทำนองว่าเนชั่นมีฐานะกิจการสั่นคลอน ซึ่งในที่สุดก็ต้องลงแก้ไขข่าวในที่สุด เพราะเนชั่นมีการดำเนินการตามกฎหมาย และต้องลงข่าวแก้ไขว่าฐานะกิจการยังมั่นคงแข็งแรงดี
จากการตรวจสอบของไทยอีนิวส์พบว่า ก็น่าให้นายสมัคร หรือสื่อบางฉบับตั้งข้อสงสัยทำนองนั้นได้ เพราะเวลาไล่เลี่ยกันนั้นหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจได้ขายตึกออกมาชำระหนี้ และดูเหมือนฐานะกิจการจะไม่มั่นคงดังแต่ก่อน เพราะเมื่อเดือนมิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา ฐานเศรษฐกิจถึงกับต้องปลดพนักงานออกชุดใหญ่ 60 คน สะท้อนถึงฐานะกิจการได้ดี
เนชั่นก็มีการเปิดโอกาสให้พนักงานเกษียณโดยสมัครใจเช่นกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นปลดชุดใหญ่แบบฐานเศรษฐกิจ เนชั่นพยายามหาเงินเข้ามาหล่อเลี้ยงกิจการทุกทาง แม้แต่พาทัวร์ไปไหว้แดนพุทธภูมิที่อินเดีย จัดกิจกรรมสอนคนที่อยากเป็นนักข่าวแล้วเก็บเงินค่าอบรม หรือประเภทที่ว่าหาได้ทางไหนก็ต้องเอา แม้เป็นเงินเล็กเงินน้อย อย่างขายวีซีดีสุทธิชัยไปเที่ยวต้นแม่น้ำโขง เป็นอาทิ
สิ่งที่ทำให้เนชั่นต่างจากฐานเศรษฐกิจก็คือ"เส้นสาย"และการแทงข้างทางการ เมืองที่ชัดเจนและเนชั่นอยู่ข้างชนะในที่สุด ผลจึงปรากฎว่าหลังรัฐประหาร19กันยา เนชั่นได้เข้าไปทำรายการฟรีทีวีแทบทุกช่อง คือ 3 5 9 11 (ไม่นับTPBSที่เทพชัย หย่อง น้องสุทธิชัย หยุ่น เข้าไปบริหารเต็มตัว) เพราะการเอื้อเฟื้อต่างตอบแทนจากผู้มีอำนาจทางการเมือง รวมไปถึงงบการโฆษณาจากรัฐบาลที่ทุ่มเทมาให้ รวมไปถึงกิจกรรมต่างๆ(event)ที่ค่ายเนชั่นแทบจะผูกขาดเหมาจัด และถ่ายทอดสดผ่านทีวีเนชั่น แล้วเก็บเงินจากรัฐบาลเป็นกอบเป็นกำ
แต่จุดสำคัญของเรื่องนี้คือ ผลประโยชน์นั้นตกกับบริษัท เนชั่นบรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)-NBCที่เนชั่นตั้งขึ้นมาใหม่ และนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดMAI เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2552 ไม่ได้่ตกเป็นผลประโยชน์ของบริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือNMG บริษัทแม่ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทร้พย์มาก่อนแต่อย่างใด
NBC จึงเป็นเสมือน"ฟูกนิ่มๆ"สำหรับ สุทธิชัย หยุ่น ส่วนNMGนั้น มีกตระกูล"จึงรุ่งเรืองกิจ"มหาเศรษฐีแบกรับภาระไว้ด้วยความอ่วมอรทัย ชนิดที่กลืนก็ไม่เข้า คายก็ไม่ออก ได้แต่กลอกตา
พนักงานเนชั่นรายหนึ่งที่ขอสงวนนามได้ยินดีเปิดเผยกับ"ไทยอีนิวส์"ว่า ยอดขายสิ่งพิมพ์ในเครือตกหนักมากในช่วง 4 ปีมานี้ ทั้งหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษTHE NATION หนังสือพิมพ์คมชัดลึก กรุงเทพธุรกิจ และเนชั่นรายสัปดาห์ โดยเฉพาะทางภาคเหนือและอีสาน เนื่องจากคนใน2ภาคดังกล่าวมองว่าเครือเนชั่นเลือกที่จะเอียงข้างฝ่ายอำมาตย์ และรัฐบาลประชาธิปัตย์ มีอคติต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และผู้สนับสนุนทักษิณ รวมทั้งพวกเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง
"ยอดขายแย่มาก ขนกลับมากองพะเนินตลอด พนักงานเนชั่นขวัญกำลังใจตกต่ำมาก ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงคิวตัวเองต้องโดนบีบออก ขนาดบริษัทขายตึกที่บางนาแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้สภาพการณ์ดีขึ้นเลย"พนักงานเน ชั่นกล่าว
ขณะนี้เนชั่นต้องหารายได้ทุกทาง เช่น การจัดทัวร์ไปเที่ยวไหว้พระตามรอยพระพุทธเจ้าที่ประเทศอินเดีย การจัดโครงการสอนอบรมนักข่าวเพื่อหารายได้เข้ามาหล่อเลี้ยงกิจการ แต่ที่ได้เป็นกอบเป็นกำจริงๆคือการจัดอีเว้นต์ให้กับรัฐบาลชุดนี้ และโฆษณาผ่านรายการที่รัฐบาลให้เวลาไปทำทางฟรีทีวีช่องต่างๆหลังรัฐ ประหาร19กันยา แต่เนชั่นไปบันทึกลงบัญชีเป็นกำไรของNBCที่เป็นบริษัทลูก ส่วนNMGที่เป็นบริษัทแม่แสดงผลขาดทุน
ขายตึกเนชั่นหวังฟัน1,380ล้าน แต่จบที่ราคา955ล้าน
เมื่อวันที่ 2 5มกราคม 2551 วงการสื่อก็ตกตลึง เมื่อนายธนะชัย สันติชัยกูล กรรมการ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)-NMG เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 23 มกราคม มีมติอนุมัติขายสินทรัพย์ของบริษัทรวมมูลค่า 1,379.75 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย ที่ดิน 4 ไร่ 3 งาน 72 ตร.ว. พร้อมอาคารสำนักงานใหญ่ พื้นที่รวม 14,212 ตารางเมตร และพื้นที่สำนักงานอาคารเนชั่นทาวเวอร์ ซึ่งเป็นห้องชุดจำนวน 191 ห้องชุด พื้นที่รวม 44,950.32 ตารางเมตร ในอาคารชุดชื่อ อาคารชุดเนชั่นทาวเวอร์
นายธนะชัยกล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการขายสินทรัพย์ดังกล่าว เพื่อการปรับปรุง process ในการดำเนินงาน และเพื่อนำเงินที่ได้รับไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้สินและลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และทำให้บริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น
ต่อมา NMG แจ้งว่า ได้ลงนามในสัญญาจำหน่ายทรัพย์สินของบริษัท ในส่วนที่เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ (พร้อมด้วยที่ดินที่อาคารตั้งอยู่) และพื้นที่สำนักงานซึ่งเป็นห้องชุดในอาคารเนชั่น ทาวเวอร์แล้ว โดยขายให้กับบริษัท ช.ชนะอนันตพาณิชย์ จำกัดเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2551 คาดว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ในวันที่ 30 เมษายน 2551 มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน 955 ล้านบาท ชำระเงินงวดเดียวในวันโอนกรรมสิทธิ์
การขายตึกครั้งนี้เนชั่นขายถูกกว่่าที่ตั้งไว้ถึง 425 ล้านบาททีเดียว สำหรับบริษัทช.ชนะอนันต์ เป็นกิจการในเครือเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ปรากฎการณ์ครั้งนี้ทำให้วงการสื่อมองว่าเนชั่นน่าจะถูกกดราคาลงมาก เพราะ"ร้อนเงิน"
ขายตึกแล้วแต่NMGอาการหนักกว่าเก่าขาดทุนเพิ่ม แต่บริษัทลูกทำทีวีรวยขึ้่น
ผู้บริหารNMGบอกว่าหลังขายตึกแล้ว ในงวดปี2552น่าจะพลิกมาเป็นกำไร แต่เรื่องจริงคือครึ่งแรกปี2552นี้ขาดทุนหนักกว่าเก่า ในงวด6เดือนแรกปีนี้ บริษัทแจ้งผลขาดทุนสุทธิ 111 ล้านบาทจากปีก่อนกำไรสุทธิื1.11ล้านบาท
NMGแจ้งว่า สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2552 มีขาดทุนจากการดำเนินงานก่อนภาษีเงินได้ ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมสุทธิและอื่นๆจำนวน 68.22 ล้านบาท หากรวมภาษีเงินได้ 16.17 ล้านบาท ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมสุทธิ 25.03 ล้านบาท และรายการตั้งค่าเผื่อสินค้าล้าสมัยของสินค้าคงเหลือ 1.51 ล้านบาท ผลประกอบการสำหรับ 6 เดือนแรกของปี2552 จะแสดงเป็นขาดทุน 110.93 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลกำไร 1.11 ล้านบาท
โดยผลการดำเนินงานของบริษัทมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
รายได้จากการขายและบริการในช่วง 6 เดือนแรก 2552 ลดลงร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี2551 เนื่องจาก รายได้จากการขายโฆษณาลดลงร้อยละ 27 โดยมาจากรายได้โฆษณาจากสื่อสิ่งพิมพ์ลดลงร้อยละ 36 เพราะมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง ในขณะที่รายได้โฆษณาจากสื่อทีวีและวิทยุเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และรายได้จากการให้บริการข่าวสารและโฆษณาผ่านสื่อระบบอิเลคทรอนิคส์ลดลงร้อย ละ 8 นอกจากนี้ รายได้จากการจำหน่ายสิ่งพิมพ์ลดลงร้อยละ 19 โดยรายได้จากการจำหน่ายหนังสือพิมพ์ลดลงร้อยละ 8 และรายได้จากการจำหน่ายหนังสือพ๊อคเก็ตบุ๊คส์และการ์ตูนลดลงร้อยละ 33 นอกจากนี้รายได้จากบริการด้านการพิมพ์ การเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือต่างประเทศ และบริการรับขนส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 35
สุทธิชัยเจอฟูกนิ่มNBCรองรับ แต่"จึงรุ่งเรืองกิจ"ติดดอยบ่นอุบ
คนทั่วไปมักเข้าใจว่าสุทธิชัยถือหุ้นใหญ่NMG แต่ความจริงเป็นสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แห่งไทยซัมมิต ออโตพาร์ต บริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งเป็นพี่สะไภ้ของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
คนมักเข้าใจผิดอีกว่า ทักษิณ ชินวิตร เป็นแบ็คให้สุริยะกับพวกจึงรุ่งเรืองกิจ เข้ามาซื้อNMGเพื่อเทกโอเวอร์กิจการเนชั่น เพราะหมั่นไส้ที่ถูกเนชั่นตามล้างตามราวี
สรุปคือผิดทั้ง 2 เรื่อง
นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง NMG กล่าวเปิดเผยว่า กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจเข้าไปซื้อหุ้นเนชั่นตั้งแต่ปี 2546 ด้วยเงินลงทุนหลายร้อยล้านบาท และปัจจุบันถือหุ้นประมาณ 20% นั้น หากราคาหุ้นเนชั่นขึ้นมาถึงต้นทุนที่ราคา 10 บาทต้นๆ ก็พร้อมจะขายทิ้ง
สาเหตุที่ตัดสินใจอยากขายหุ้นเนชั่นทิ้ง นางสมพร กล่าวว่า แม้บริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น แต่บริษัทไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะมีการขายทรัพย์สินเพื่อใช้ชำระหนี้ ซึ่งเป็นหนี้ที่ก่อมานานแล้ว ทั้งนี้กลุ่มจึงรุ่งเรืองกิจเป็นเพียงผู้ถือหุ้น ไม่มีส่วนร่วมบริหารแต่อย่างใด
“ในฐานะผู้บริหารบริษัทมหาชน ควรจะบริหารธุรกิจให้มีกำไร ซึ่งทำไม่ถูกที่ขายสินทรัพย์ส่วนใหญ่ไปใช้หนี้ ซึ่งไม่ว่าองค์กรไหน ถ้าทำธุรกิจดี หากขายสินทรัพย์ไปแล้วก็ซื้อใหม่ได้ แต่ไม่ใช่เนชั่น” นางสมพร กล่าว
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ลูกชายของนางสมพร และหลานของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีที่ใกล้ชิดทักษิณคนหนึ่ง และเขาเป็นผู้ถือหุ้นเนชั่นมัลติมีเดียอยู่ด้วย เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารสารคดี ถึงเบื้องหลังการเข้าไปซื้อหุ้นNMGว่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ คือพี่สาวผมแต่งงาน คนที่พี่สาวผมแต่งงานด้วยคือหลานชายของคุณธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ [ประธานNMG] คุณธนาชัยเข้ามาคุยกับคุณแม่ว่า อยากให้ครอบครัวปรองดองกัน นั่นคือจุดแรกที่เราเข้าไปซื้อหุ้น ผมคิดว่าไม่มีอะไรซับซ้อน คือไม่มีเหตุผลเชิงธุรกิจ คุณแม่ไม่ได้ต้องการซื้อหุ้นเนชั่นเพื่อเข้าไปยึดครอง หรือเพื่อทำกำไร และตั้งแต่วันที่ซื้อจนถึงวันนี้ มันไม่เคยมีอยู่ในหัวของคนในครอบครัวเราเลยว่าจะซื้อเพื่อทำกำไร หรือเพื่อเข้าไปยึดครอง
"คืออย่างนี้ครับ ผมคิดว่าสื่อไม่ใช่ธุรกิจที่อยู่ๆ คุณจะเข้าไปเทกโอเวอร์ เข้าไปบริหารง่ายๆ ผมคิดว่าด้วยความเป็นสื่อ อย่างแรกที่สุดคุณจะต้องมีภาพลักษณ์อะไรบางอย่างในการที่จะเข้าไปบริหารสื่อ ได้ และเรารู้อยู่แล้วว่าด้วยภาพลักษณ์ด้วยนามสกุลของเรา เราไม่สามารถเข้าไปได้ เราไม่ได้คิดว่าจะซื้อเพื่อเข้าไปยึดครอง ทั้งหมดนั้นเป็นความเข้าใจผิดของคนอื่น"
********
อ่านซีรีส์สุดมันส์ทั้งชุด ลากไส้วงการสื่อทุกขด:
-Investigative News:เปิดโปงสื่อโล้นNATIONช็อตต่อช็อต
-ร้องกลต.ฟันกนกคุก2ปีลูกพี่หยุ่นโดนด้วย ซี้ปึ๊กมาร์คเย้ยกฎหมายปั่นหุ้นเนชั่นกลางอากาศ
-ใครทุบหุ้นยังไม่แน่ แต่คนปั่นหุ้นคาหนังคาเขา มันเป็น"พวกเรา"-มาร์คว่าไง?!
-กนกปั่นหุ้นคุก2ปีไม่พอ กฎหมายชี้ต้องโดนเฉดหัวด้วย รู้แกวส่งเมียเป็นนอมินี จี้กลต.เร่งฟัน
-เอาอีกแล้วสื่อโล้นกระบอกเสียงมาร์ค ไม่กลัวเสือกระดาษกลต. ตีปี๊บขายหุ้นผิดกม.โจ่งครึ่ม
-ไม่รู้จะรวยหรือซวยเละ หุ้นใหม่เนชั่นเสกพ้วงเดียว จากเน่าๆเอาล้างน้ำเข้าตลาดหุ้นเฉยเลย!
-จำนนหลักฐานเนชั่นจ๋อย หยุดแล้วโฆษณาขายหุ้น สาวลึกเล่นกลเสกหุ้นเน่าเข้าตลาดขายแมงเม่า
-เบื้องหลังโชคมหาศาลของเนชั่น มันคืออาชญากรรมย่ำยีชาติและประชาธิปไตย
-ลากไส้สื่อโล้น:ผิดจากนี้กรูให้เหยียบ!
-เนชั่นเล่นกลเสกหุ้นเน่าเข้าตลาด เตือนแมงเม่าจองซื้อต้องระวัง ปัจจัยเสี่ยงการเมืองพลิกขั้ว
-กลต.เงื้อฟันเนชั่นปั่นหุ้นจอง กนกหายซ่าคุก2ปี
-สื่อโล้นเย้ยกฎหมายซ้ำซาก เอาอีกแล้วขึ้นป้ายหราออกทีวีขายหุ้นจอง ไม่หวั่นเสือกระดาษกลต.
-โบรกฯคุกคามสื่อ!เตือนแมงเม่าอย่าซื้อหุ้นจองNBC
-แฉ'เวชชาชีวะ'สมคบสื่อโล้นงาบผลประโยชน์ชาติ
-ทิ้งเนชั่นหักเหลี่ยมจึงรุ่งเรืองกิจ NBCที่มั่นใหม่หยุ่น
-ลากไส้แก๊งเด็กนรกNATION
-เดินหน้าเปิดโปงสื่อโล้น อย่าปล่อยเนชั่นลอยนวล
-ปิดฝาโลงเนชั่น เปิดสัมพันธ์แก๊งหยุ่นเปรมมาร์ค
-อ่านรวมฮิต"ลากไส้สื่อเห้"โดยคลิ้กดาวน์โหลดที่นี่http://www.4shared.com/file/108373645/c6fbb65d/Bad_Media_Series-.html