เชื่อกันมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปีมานี้ว่า ผู้แทนราษฎรภาคใต้รายใด หากตัดสินใจก้าวเดินออกจากอ้อมอกพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีวันหวนกลับมาเกิดทางการเมืองในสังกัดพรรคการเมืองอื่นได้อีกอย่าง เด็ดขาด
ทว่า นับเป็นข้อยกเว้นสำหรับแมวเก้าชีวิตนาม “ธานินทร์ ใจสมุทร” สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูล ผู้ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมาอย่างโชกโชน ด้วยความช่ำชองกลเกมการเมืองในระบบตัวแทน จนกลายเป็นนักเลือกตั้งผู้มากฝีมือ ชนิดหาตัวจับยาก
อันเห็นได้จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง เคยให้ใบแดงตัดสิทธิเลือกตั้งมาแล้ว 2 ครั้ง 2 สมัยเลือกตั้ง แต่ธานินทร์ ใจสมุทร ก็ยังผงาดกลับมาเป็นผู้แทนราษฎรอยู่ได้ในปัจจุบัน แถมยังล้มนักการเมืองจากพรรคใหญ่ขวัญใจชาวใต้อย่างพรรคประชาธิปัตย์
ทำไมถึงทำได้เยี่ยงนี้ โปรดดูลีลาทางการเมืองของธานินทร์ ใจสมุทร ผ่านคำให้สัมภาษณ์ ณ บัดนี้
0 0 0
ชีวิตทางการเมืองเป็นมาอย่างไร
ผมจบโรงเรียนการไปรษณีย์และโทรคมนาคม เริ่มต้นทำงานไปรษณีย์ที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ในตำแหน่งนายไปรษณีย์ กระทั่งเลื่อนเป็นหัวหน้าแผนกมีผู้ใต้บังคับบัญชาถึง 90 คน ก่อนจะย้ายไปทำงานที่การสื่อสารแห่งประเทศไทย
ช่วงเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 เข้าร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่หาดใหญ่ ในฐานะเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจภาคใต้ หลังจากนั้นลาออกไปลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสตูล พรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งปี 2535/1 อยู่กับพรรค ประชาธิปัตย์นานถึง 19 ปี ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูล 5 สมัย และได้รับเลือกเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูลอีก 1 สมัย
ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในปี 2549 ได้รับใบแดงจากการนำเทปบันทึกภาพเหตุการณ์สลายการชุมนุม ที่หน้าสถานีตำรวจตากใบ จังหวัดนราธิวาส ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเผยแพร่ให้ประชาชนดู ในระหว่างการปราศรัยหาเสียง ทางคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นการให้ร้ายว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สั่งฆ่าประชาชน และแก้ปัญหา 3 จังหวัดโดยใช้ความรุนแรง ถูกเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี
จากนั้น ผมได้รับเลือกเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล 11 เดือน ก็ถูกใบแดงอีกครั้ง เนื่องจากเสนอนโยบาย 1 ตำบล 1 ฮัจย์ ในระหว่างการหาเสียง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง เห็นว่าศาสนาห้ามนำเงินส่วนอื่นไปประกอบพิธีฮัจย์ จึงเป็นการหาเสียงเกินจริง ไม่สามารถปฏิบัติได้
ตอนหาเสียง ผมไม่ได้ระมัดระวังอะไร เพราะเป็นนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง หลักการศาสนาอนุญาตทำได้ กฎหมายไทยก็อนุญาตให้ทำได้ แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งกลับบอกว่า ผมเสนอนโยบายผิดหลักการศาสนา เนื่องจากการทำฮัจย์ต้องไปด้วยความสามารถของตัวเอง ไม่สามารถนำทรัพย์สินของคนอื่นไปทำฮัจย์ได้ ผมนำทั้งพยานบุคคล หลักฐานทางศาสนาไปชี้แจง แต่คณะกรรมการการเลือกตั้งก็ไม่ฟัง ศาลก็ไม่ฟัง
คณะกรรมการการเลือกตั้งบอกว่า ผมทำผิดระเบียบ ถ้าทำเรื่อง 1 ตำบล 1 ฮัจย์ ก็เสนอนโยบาย 1 ตำบล 1 อังกฤษได้ไม่ผิด คราวนี้ผมเจอใบแดงอีก 2 ปี ผมจึงกล้าพูดว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งเสือกมากเกินไป 1 ตำบล 1 ฮัจย์ ผิด เพราะเราเป็นมุสลิมใช่หรือไม่ รัจเกียจกันถึงขนาดนี้เลยหรือ พูดง่ายๆ จงใจให้ใบแดงผม
ชีวิตหลังโดนใบแดง
พอถูกเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี ผมก็หันไปทำงานด้านศาสนา และเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลสตูล
จากประสบการณ์ทางการเมือง มองใบแดงที่ได้รับทั้ง 2 ใบอย่างไร
ใบแดงแรกเรายอมรับ เพราเราทำจริง เราด่าจริง แต่ด่าเรื่องการทำงาน ไม่ใช่ใส่ร้ายป้ายสี เหตุการณ์ตากใบเกิดขึ้นจริง รัฐบาลขณะนั้นปฏิบัติกับกลุ่มผู้ประท้วงหน้าสถานีตำรวจตากใบเกินเหตุก็จริง เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดง ผมก็ยอมรับ
ส่วนใบที่สอง ผมไม่ยอมรับ และกล้าพูดว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เรื่องของหลักการศาสนา คนนอกเข้ามายุ่งไม่ได้ ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้ ที่ตัดสินเรื่องการเมืองโดยอ้างหลักการศาสนา แต่ประเทศไทยกลับนำหลักการทางศาสนามาใช้ตัดสินทางการเมือง ผมได้รับใบแดงในเรื่องที่ได้รับการรับรองจากรัฐธรรมนูญ ถือเป็นคำตัดสินที่ไม่ยุติธรรมต่อผม
ตอนนี้ช่วงรอมฎอน นักการเมืองเอาลูกอินทผาลัม เอาข้าวสาร เอาอาหารแห้งไปให้ไม่ได้ แต่รัฐให้ได้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ได้ พาไปทำฮัจย์ได้ มันคืออะไร พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกันหรือไม่ ผมขอฝากคำถามไปถึงจุฬารราชมนตรี หรือใครก็ได้ ถ้าการให้เงินงบประมาณของรัฐไปทำพิธีฮัจย์เป็นเรื่องผิดหลักการศาสนา แสดงว่านรกกำลังรอต้อนรับ คนในศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งจุฬารราชมนตรีด้วย ถูกไหม เพราะปีนี้ก็นำคนไปทำอุมเราะห์อยู่มิใช่หรือ
ถ้าคิดว่าพุทธทำอะไรก็ได้ อิสลามทำอะไรก็ไม่ได้ คิดแบบนี้เปรตไหม ผมเบื่อระบบคณะกรรมการการเลือกตั้งมาก ถ้าเป็นเรื่องซื้อเสียง ผมไม่ว่า ทุจริตการเลือกตั้ง ผมไม่ว่า แต่นี่เอาเรื่องบนเวทีปราศรัยมาจับผิด มีที่ไหนใครจะคิดนโยบายที่ผิดหลักการศาสนามาใช้หาเสียง
ผมไม่ได้โกรธแค้น แต่อยากให้สังคมร่วมกันกำจัดมนุษย์ประเภทนี้ พวกดัดจริต พวกตอแหล พวกนี้มีมากในเมืองไทย พวกที่คิดว่าตัวเองทำถูกคิดถูกอยู่กลุ่มเดียว คนอื่นผิดหมด
ผมกลัว พระผู้เป็นเข้าอย่างเดียว อย่างอื่นผมไม่กลัว
คิดอย่างไรถึงออกจากพรรคประชาธิปัตย์ มาอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา
พรรคชาติไทนพัฒนาติดต่อมา เหตุผลก็คือว่าชาวสตูลอยากเปลี่ยนผู้แทน เขาไปขอให้พรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยน แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยน เพราะจะให้เปลี่ยนผู้สมัครของพรรคจากนายอสิ มะหะมัดยังกี มาเป็นผม พรรคประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว
พูดตรงๆ ผมกับประชาธิปัตย์ไม่ลงรอยกันแล้ว ไม่ใช่คุย ผมเองเบื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ขณะนั้นแล้ว แรกๆ จะไปอยู่กับพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน แต่นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ชวนให้มาอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา พูดง่ายๆ การตัดสินใจเลือกผมของคนสตูล ไม่เกี่ยวกับพรรค อยู่พรรคไหนก็ได้ขอให้เป็นนายธานินทร์ ใจสมุทร
ตอนที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์อยู่กลุ่มเดียวกับนายนิพนธ์ บุญญามณี รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากย้ายพรรคแล้ว ความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิมหรือไม่
ก็ยังเหมือนเดิม ไม่ใช่พอย้ายพรรคแล้วจะคบกันไม่ได้ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
นักการเมืองภาคใต้ที่เคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ พอย้ายพรรคมักจะหมดอนาคตทางการเมือง คุณธานินทร์ ใจสมุทร เป็นคนแรกที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้ ทำได้อย่างไร
เรื่องแรก คนอยากเปลี่ยนผู้แทน เรื่องที่2 คนต้องการได้ผู้แทน ที่สามารถแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ ตอนนี้จัดคณะรัฐมนตรีเสร็จแล้ว แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาแล้ว หลังจากนี้ก็จะได้เห็นอะไรออกมา ผมเองอาสาไปแล้วว่า จะเข้าไปช่วยแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และแก้ปัญหายาเสพติด ในฐานะผู้แทนคนเดียวของรัฐบาลในภาคใต้
รัฐบาลประชาธิปัตย์ มีผู้แทนเป็นคนภาคใต้เป็นทั้งรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรี และเคยเป็นนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบแก้ปัญหาภาคใต้ ผมนายธานินทร์ ใจสมุทรคนเดียวมาพิสูจน์กัน
ความตั้งใจในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร
ผมตั้งใจอาสามาเป็นผู้แทนครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะความอยาก แต่ต้องการแก้ปัญหาให้พี่น้องมุสลิม ถ้าเป็นไปตามที่คิด จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ตรงจุด ด้วยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 5 จังหวัด แทนการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจากส่วนกลาง และเพิ่มจังหวัดใหม่ขึ้นมาอีก 1 จังหวัดคือ จังหวัดนาทวี นี่คือเงื่อนไขการย้ายมาอยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนา
ถึงแม้จะอยู่ร่วมรัฐบาล แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับนโยบายตั้งนครปัตตานี เพราะจะกลายเงื่อนไขนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน
ในส่วนของจังหวัดสตูล มีแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างไร
เดินหน้าสนับสนุนแผนพัฒนา ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่จะดำเนินการโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา–สตูล และท่าเรือน้ำลึกปากบารา รวมแผนพัฒนาสตูลสู่รัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย
ผมขอให้กลุ่มต่อต้านท่าเรือน้ำลึกปากบารามาคุยกัน ไม่ใช่คอยแต่จะเดินขบวนต่อต้าน อ้างปัญหาโน้นปัญหานี้ ขอให้มามาคุยกัน เรามีเหตุผลที่ต้องสร้าง ไม่ใช่มาชวนกันเดินขบวนต่อต้าน มันไม่ใช่ มาคุยกัน มาบอกเหตุผลว่า ทำไม่ไม่อยากให้สร้าง มีปัญหาอะไรให้มาคุยกัน เราเจ็บปวดกับการเดินขบวนมามากพอแล้ว
ส่วนเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ความขัดแย้งระหว่างรัฐกับชาวบ้าน ในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องสอบถามพูดคุยกับชาวบ้าน ชาวบ้านเขาอยู่มาก่อนรัฐ รัฐไม่ควรเอากฎหมายมาล้อมจับเจ้าของบ้าน อ้างว่าเพื่อรักษาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะกฎหมายไปบอกว่า ที่ตรงนี้เป็นอุทยานแห่งชาติ ที่ตรงนี้เป็นป่าชายเลน เป็นสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายที่ต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ พันธุ์พืช จังหวัดสตูลไม่ต้องการกฎหมายแบบนี้
ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ใช้กลยุทธ์อะไร ถึงสามารถเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์มาได้
คนสตูลส่วนใหญ่ไม่เอา นายอสิ มะหะมัดยังกี สังเกตุได้จากนายชวน หลีกภัย มาช่วยหาเสียงในเมือง 2 ครั้ง ปกติถ้านายชวน หลีกภัยมา จะมีผลต่อคะแนนเสียง แต่ครั้งนี้กลับไม่มีผลอะไร
พอย้ายพรรคมีเสียงโจมตีจากคนในพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
ไม่เห็นใครโจมตีผม มีก็แต่นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนเดียว ที่โจมตีผมว่า เป็นคนล้มละลาย เป็นมาเฟีย เป็นการพูดโจมตีทั่วๆ ไป ตามสไตล์ของนายกษิต ภิรมย์
ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เชิญให้กลับไปอยู่ด้วยจะว่าอย่างไร
ไม่กลับไปแล้ว อายุมากแล้ว อายุเขนาดนี้อยู่กับพรรคชาติไทยพัฒนาทำประโยชน์ให้ชาวบ้านได้มากกว่าอยู่กับ พรรคประชาธิปัตย์ ถ้าทำงานการเมืองไม่ได้ก็หยุดเล่น ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์เล่นไป แต่ถ้ายังทำได้ ผมจะย้ายไปลงสมัครรับเลือกตั้งที่เขต 2 จังหวัดสตูลต่อ ต้องทำงานแข่งกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างด่า
คราวนี้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล 2 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่ใช้งบประมาณมากที่สุด หลังเลือกตั้งแพ้ แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีฝีมือ ออกนโยบายต่างๆ มามากมาย โดยเฉพาะนโยบายประชานิยมแจกอย่างเดียว ทำไม
ถึงขนาดนี้ประชาชนยังไม่เลือก ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า พรรคประชาธิปัตย์ทำงานไม่เป็น
ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ ในพรรคร่วมรัฐบาลเพียงคนเดียว รับคิดว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้ณํฐตำแหน่งรัฐมนตรีไหม
ตอนนี้เร็วเกินไป ในอนาคตอาจจะเป็นไปได้
อยู่ในแวดวงการเมืองมาหลายปี มองการเมืองไทยอย่างไร
การเมืองไทยไม่พัฒนา มีสาเหตุอยู่หลายปัจจัย แต่ผมไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากปัจจัยตัวไหน
ตั้งเป้าอนาคตทางการเมืองอย่างไร
ขอเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้ให้ดีก่อน ถ้ามีโอกาสก็ขอเป็นรัฐมนตรีสมัยหน้า ถึงเวลาไม่ได้เป็นผู้แทน ก็สามารถทำประโยชน์ให้กับชาวบ้านได้ ผมมีจิตวิญญาณอาสาที่จะเข้าไปแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน เป็นผู้แทนมุสลิมคนเดียวที่อยู่ฝ่ายรัฐบาล ก็อยากช่วยแก้ปัญหาให้กับคนภาคใต้ เพราะวันนี้ภาคใต้เจอปัญหาหนัก ปัญหาของชาวมุสลิมคือยาเสพติด เราอยากแก้ปัญหายาเสพติดด้วยหลักศาสนา
ภูมิใจกับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ไหม
ไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไร แค่อยากจะบอกให้พรรคประชาธิปัตย์รู้ว่า ชาวสตูลต้องการเปลี่ยนผู้แทน ผมบอกกับพรรคประชาธิปัตย์ก่อนแล้ว บอกกับคุณนิพนธ์ บุญญามณี แต่นิพนธ์ บุญญามณีบอกผมว่า ในจังหวัดสตูลเขามีผู้แทนเดิมอยู่แล้ว ทั้ง 2 เขต
การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎคราวนี้ มีข่าวว่านักการเมืองท้องถิ่นระดับบิ๊กในพื้นที่ อย่างนายสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพราะไม่ต้องการให้กลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดสตูล สมัยหน้า
มีกระแสแบบนี้เข้ามา หลังจากผมลงสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ถ้าคุณสัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ จะเข้ามาช่วยสนับสนุนผมในทางการเมือง ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องอื่นๆ คนคิดกันไปเอง