ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Wednesday, 31 August 2011

ยุติสื่อทาสเผด็จการคุกคามประชาชน ขยายวงฮือต้าน7สีบอยคอต,วางหรีด,ร้องฟันนักข่าวสาวกมาร์ค

ที่มา Thai E-News

ภาพบรรยากาศไปยกป้ายประท้วงและยืนแถลงการณ์ให้ปลดนักข่าวช่อง 7 สีที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ช่วงบ่ายวันนี้(ภาพ:เฟซบุ๊คหน้าเพจ ไม่เอา ไม่ดู ไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่อง7 โฆษณา)


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
30 สิงหาคม 2554

ยื่นแล้วให้ปลดนักช่าว7สีไปกัน20นักข่าวมาเป็นร้อย

เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น.วันนี้ คนเสื้อแดงในนามสมัชชาประชาชนเพื่อการปฏิวัตประเทศไทย ประมาณ 20คนได้ไปยื่นแถลงการณ์ต่อสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ให้ปลดนักข่าวที่พวกเขาเห็นว่าลำเอียงมีอคติชื่นชอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นการส่วนตัว และตั้งคำถามกับนายกฯยิ่งลักษณ์จนต้องเดินหนี ต่อมามีการดำเนินคดีกับแกนนำเสื้อแดงเพชรบุรี โดยไม่ถอนแจ้งความทั้งที่มีการขอโทษไปแล้ว

แกนนำผู้ประท้วงได้ยื่นแถลงการณ์ดังกล่าวต่อตัวแทนของช่อง 7 สี ท่ามกลางวงล้อมของนักข่าวนับร้อยที่มาดักรอทำข่าว"บรรยากาศยังกับว่าเราไป ชนะเหรียญทองโอลิมปิกหรือได้นางงามจักรวาลกลับมา นักช่าวแห่มาเป็นร้อยสายไมล์ระโยงระยางเต็มไปหมด กล้องแทบกระแทกหน้าพวกเรา ขนาดผมผ่านการชุมนุมประท้วงมาไม่อยยังไม่วายตื่นเต้นกับบรรยากาศนักข่าว รุม"แกนนำประท้วงกล่าว

เขาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่าไม่เฉพาะกรณีนักช่าวช่อง 7 รายนี้ลำเอียงนำเสนอข่าวแบบมีอคติเท่านั้นในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาสื่อมวลชนได้เลือกข้างอย่างชัดเจนที่จะสนับสนุนเผด็จการต่อต้าน ความเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยหลายกรณี ในฐานะประชาชนก็ต้องการเพียงแค่ให้สื่อกลับมานำเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง ไม่จำเป็นต้องเข้าข้างคนเสื้อแดง

"แต่สื่อคงผิดหวังหน่อยที่วันนี้พวกเราคนเสื้อแดงไปด้วยมารยาทอันดี ใช้สิทธิประท้วงตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ หรือทำท่าคุกคามใดๆ สื่อที่หวังอยากเสนอภาพแบบนั้นน่าจะผิดหวัง"เขากล่าว

การไปประท้วงใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็สลายตัวแยกย้ายกันกลับ โดยไม่ได้คาดคั้นว่าผู้บริหารช่อง 7 จะต้องปลดนักข่าวคนดังกล่าวเมื่อใด เพราะถือว่าเราได้มาแสดงเจตนารมณ์ของเราแล้ว

นักข่าว7สีอ้างไม่มีอคติกับยิ่งลักษณ์แต่ให้สัมภาษณ์แดกดันอีกแล้ว

น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ซึ่งถูกคนเสื้อแดงกดดันให้สถานีปลดออกจากหน้าที่ ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นแชนแนลว่า ตนมองว่าการเคลื่อนไหวให้ปลดเป็นสิทธิที่จะเรียกร้องได้ แต่ในแง่การทำงานก็มองได้ว่าเรากำลังถูกคุกคามหรือไม่ เพราะท่าทีที่เขาดำเนินการมีลักษณะการคุกคาม ข่มขู่กดดัน หากย้อนไปดูคำถามก็จะได้คำตอบว่าตนทำหน้าที่ในฐานะสื่อหรืออคติกับตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

น.ส.สมจิตต์กล่าวต่อว่า ผู้บริหารช่อง 7 เข้าใจในการทำหน้าที่ และตนขอโทษผู้บริหารที่ทำให้สถานีได้รับผลกระทบจากการรักษาสิทธิ ซึ่งผู้บริหารก็เข้าใจว่าเป็นการรักษาสิทธิตามกฎหมาย โดยยืนยันว่าจะไม่ถอนแจ้งความและจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะหากคนในสังคมไม่สามารถรักษาสิทธิได้ และนำคนมาข่มขู่บ้านเมืองคงอยู่ยาก และคดีนี้ก็เป็นเพียงแค่ลหุโทษเท่านั้นและคนที่มีชื่อในอีเมลก็ออกมาขอโทษ และตนก็รับ แต่เรื่องการดำเนินคดีเป็นคนละส่วนและอยากให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ไม่ว่าโทษ หนักหรือเบา อย่างวานนี้คู่กรณีก็จะฟ้องกลับตนก็ยินดีหากเห็นว่าตัวเองเสียหาย นี่คือการใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรม อย่าใช้ความรู้สึกตัวเองมาตัดสิน

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า ผู้บริหารยืนยันว่าจะปลดหรือไม่ น.ส.สมจิตต์กล่าวว่า ผู้บริหารหนักแน่นเพียงพอ และมั่นใจว่าที่ตนทำงานไม่มีส่วนไหน ที่อคติกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์หรือกลั่นแกล้ง เพราะคำถามเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ หากไม่ออกจากปากของตน ก็จะมีคนอื่นถามเช่นกัน และต้องผจญกับคำถามนี้ไปอีกหลายครั้ง

"คนมีอารมณ์มากในสังคมที่ขัดแย้งสูง เราอย่าทำให้สังคมไทยเป็นสังคมเด็กเทคนิค ต้องอยู่ด้วยเหตุและผล ไม่ใช่ว่าถูกรังแกและยกพวกไปขู่อีกฟาก เราไม่ควรให้เกิดเรื่องแบบนี้ในสังคม นายกรัฐมนตรีบอกอยากสลายทุกข์สร้างสุข ทำทีทำได้คือให้ทุกคนใช้ชีวิตได้ตามปกติ เคารพหน้าที่ซึ่งกันและกัน และหากทุกคนเคารพกฎหมาย กติกา ก็จะทำให้สังคมมีรอยยิ้มอย่างที่ต้องการ" น.ส.สมจิตต์กล่าว

เมื่อถามว่า วันนี้ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. ระบุว่กาารเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่มีแกนนำร่วมด้วยแต่ก็เป็นสิทธิที่ทำได้ น.ส.สมจิตต์กล่าวว่า ไม่เถียงว่าทุกคนมีสิทธิในการแสดงออกภายใต้กรอบกฎหมาย แต่ขอย้อนถามว่าวันที่ นักศึษา 2 คน ไปแสดงความเห็นโดยการวางพวงหรีดที่หน้าสภา มีใครมีสิทธิจะไปทำร้ายเขา และวันนี้มีใครไปทำร้ายคนเสื้อแดงในการแสดงออกหรือไม่ หากบอกว่าเรามีสิทธิต้องให้คนอื่นมีสิทธิเหมือนกันไม่ใช่เสื้อแดงมีสิทธิ เหนือคนอื่น อย่างนี้เป็นสองมาตรฐานใช่หรือไม่

น.ส.สมจิตต์ กล่าวต่อว่า ถึงวันนี้ยังไม่จำเป็นต้องขอความคุ้มครองจากตำรวจ เพราะเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง และเชื่อว่าความดีจะคุ้มครอง การทำงานไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว และไม่ทำให้หวั่นไหว แต่การส่งสัญญาณลักษณะนี้จะทำให้สัมคมเกิดความรู้สึกว่าจะสร้างอาณาจักรความ กลัวให้เกิดขึ้นหรือไม่ อย่าเซ้นเซอร์ให้เกิดความกลัว อย่าบริหารประเทศท่ามกลางความหวาดกลัว

ทำหนังสือร้องนายกฯยิ่งลักษณ์พฤติกรรมสื่อไร้จรรยาบรรณและคุณธรรม

ขณะเดียวกันกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า เครือข่ายรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือร้องเรียนพฤติกรรมสื่อไร้จรรยาบรรณและคุณธรรม" เสนอต่อนายกรัฐมนตรี โดยยื่นผ่าน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสื่อ (กฤษณา สีหลักษณ์) โดยมีเนื้อหาว่า

ตามที่เราทราบข่าวดีกันดีว่า กลุ่มนปช.ท่านหนึ่งชื่อ"พรทิพย์ ปักษานนท์" ประธานกลุ่มแดงเพชรบุรี ได้โพสต์ข้อความคุยกันเฉพาะภายในกลุ่มของตนเอง เรื่องผู้สื่อช่อง 7 คนหนึ่งได้มีอคติต่อกลุ่มคนเสื้อแดง พรรคเพื่อไทย และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และได้ยิงคำถามเพื่อให้ท่านนายกจนมุมจนต้องเดินหนีตามเป็นข่าวมาแล้ว

จนทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนดังกล่าวเกิดความแค้นนักข่าวช่อง 7 คนดังกล่าว จนเป็นที่มาของการส่งอีเมล์ข่มขู่ตามที่เป็นข่าวดังกล่าวไปแล้วนั้น ซึ่งเมื่อดูปูมหลังของนักข่าวคนนี้แล้ว ปรากฏว่า มีความชื่นชอบในตัวอดีตนายกคนเก่าจริง โดยได้มีพยายามทุกวิถีทางที่จะแนะนำ ส่งเสริม สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีท่านดังกล่าว

ถึงขนาดล่าสุดนักข่าวท่านนี้ถึงขนาดให้สัมภาษณ์ทางสื่อว่า
"นายก ยิ่งลักษณ์ไม่เคยมีบารมีทางการเมือง ถ้าไม่ได้บารมีพี่ชาย(พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร)นายกยิ่งลักษณ์จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่? และตอนนี้ได้เป็นนายกสมใจแล้ว นายกยิ่งลักษณ์จะตอบแทนใคร? ระหว่างพี่ชายกับประชาชน?"
ซึ่งถ้าเป็นนักข่าวที่มีจรรยาบรรณจริงคงไม่มีคำพูดแบบนี้ออกมา(อ้างอิงได้จากคลิปเสียงตามลิ้งค์นี้ http://webboard.news.sanook.com/forum/?topic=3484922
จึงถือว่าเป็นสื่อมวลขนที่ไร้จรรยาบรรณโดยสิ้นเชิง

กลับมาเรื่องเป็นข่าว ล่าสุดคุณพรทิพย์ได้ออกมาขอโทษผู้สื่อข่าวผู้นี้ ทั้งๆที่ คุณพรทิพย์ไม่ใช่คนโพสต์ข้อความข้อความข่มขู่แต่อย่างใดทั้งสิ้น แต่มีชายคนหนึ่งที่ได้รับข้อมูลของพรทิพย์ด้วยวิธีใดไม่ทราบ และเป็นผู้โพสต์จดหมายข่มขู่ฉบับดังกล่าว (ผู้สื่อข่าวคนนี้บอกเรื่องกับตำรวจเอง)ซึ่งผู้สื่อข่าวผู้นี้ก็รู้เรื่อง นี้มาตั้งแต่ต้น แทนที่จะให้อภัยคุณพรทิพย์ กลับยืนกรานที่จะดำเนินคดีกับคุณพรทิพย์ให้ถึงที่สุด โดยให้เหตุผลว่า"เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง"

ซึ่งหากเป็นบุคคลปรกติ เป็นกลาง และคุณธรรมในใจ เรื่องแค่นี้ย่อมให้อภัยกันได้ แต่ยืนกรานที่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดของนักข่าวคนดังกล่าวเหมือนมีอคติต่อ คุณพรทิพย์และกลุ่มเสื้อแดงอย่างแรงในใจจึงถือได้ว่านักข่าวคนดังกล่าวนี้ ขาดคุณธรรมเป็นอย่างยิ่ง

และเมื่อสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ทราบเรื่องทั้งหมด แทนที่จะเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยให้แก่บุคคลทั้งสอง และดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง กับพนักงานผู้สื่อข่าวผู้ไร้คุณธรรมและจรรยาบรรณท่านนี้ กลับวางตัวนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงเปรียบเสมือนสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7จงใจสนับสนุนพฤติกรรมไร้จรรยาบรรณและคุณธรรมของนักข่าวคนดังกล่าว

พฤติกรรมของสื่อมวลชนผู้นี้นอกจากจะฝักใฝ่เอนเอียงไปทางคุณอภิสิทธิ์จนออก นอกหน้าแล้วยังดูถูกเหยีดหยามนายกรัฐมนตรีของเราว่า ไร้ความสามารถต้องอาศัยบารมีพี่ชาย รวมถึงการไม่มีคุณธรรมความเมตตากับคุณพรทิพย์ผู้ที่ออกมายอมรับผิดยิ่งกว่า ลูกผู้ชายบางคนเสียด้วยซ้ำ นี่คือที่มาของแบนสื่อมวลชนที่ไร้คุณธรรม และจรรยาบรรณดังกล่าว

จึงกราบเรียนมายังพณฯท่านได้โปรดสั่งการเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้องได้โปรด ตรวจสอบ และดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อปฏิรูปสื่อให้ดำเนินการ ตามความเหมาะสมต่อไป

กราบเรียนมาเพื่อทราบ และโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถือ

เครือข่ายรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อแห่งประเทศไทย

ขยายวงต้านแถลงการณ์งดดูช่อง7งดอุดหนุนสินค้าที่ลงโฆษณาโต้ตอบ

ขณะที่กระดานสนทนาInternet Freedom ได้ออกแถลงการณ์สั้นๆ แต่มีผู้เข้าร่วมแสดงความเห็นด้วยอย่างยาวเหยียดและกว้างขวาง ดังต่อไปนี้

แถลงการณ์ตอบโต้ช่อง ๗

เนื่องจาก ช่อง ๗ มีพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยอคติ เพราะพนักงานคนนี้ มีความนิยม นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะเป็นการส่วนตัว ... จึงนำเอาหน้าที่ของตัวเองมาใช้พื่อสนองความต้องการของตัวเอง ทั้งที่หน้าที่ของสื่อสารมวลชนต้องนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเที่ยง ตรง แต่ทางช่อง ๗ ยังให้พนักงานคนนี้ปฏิบัติหน้าที่ พวกเราในฐานะประชาชน จึงขอประกาศงดการรับสื่อจาก ทางช่อง ๗ และงดการซื้อสินค้าที่โฆษณาทางช่อง ๗ จนกว่า ช่อง ๗ จะปลดพนักงานนี้ ออกจากการปฏิบัติหน้าที่ แถลงการณ์จากประชาชน

เปิดหน้าเพจไม่เอา ไม่ดู ไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่อง7 โฆษณา บนเฟซบุ๊ค

ขณะเดียวกันในโลกไซเบอร์ ได้มีการเปิดหน้าเพจ ไม่เอา ไม่ดู ไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่อง7 โฆษณา ตามลิ้งค์ http://www.facebook.com/event.php?eid=130854710343947ขึ้นเมื่อค่ำวานนี้ เบื้องต้นมีผู้เข้าร่วมแล้วราวเกือบ 1,000 ราย

โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์สามารถนำโลโก้ ไม่เอา ไม่ดู ไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ช่อง7 โฆษณา ลงในรูปประจำตัวบนฌฟซบุ๊คได้โดยดาวน์โหลดที่ http://www.picbadges.com/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%877/2199475/ เพื่อแสดงการเข้ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมนี้

ประธานนปช.ว่าแดงนัดวางพวงหรีดช่อง7ปลดนักข่าวเป็นสิทธิ์ แต่อย่าไปเข้าทางเขา


VOICE TV รายงาน ว่า รักษาการประธาน นปช.มองกรณีคนเสื้อแดงวางพวงหรีดช่อง7 ให้ปลดนักข่าวเป็นสิทธิ์ เข้าใจว่าจะเป็นการนัดกันของมวลชนในโลกไซเบอร์ ซึ่งถือเป็นอิสระของเขา โดยตนคาดว่าน่าจะมีคนไปร่วมแสดงปฎิกริยาในครั้งนี้ประมาณ 20กว่าคนเท่านั้น เพราะพวกตนเคยแนะนำมวลชนคนเสื้อแดงไปแล้วว่าอย่าไปทำอะไรให้เข้าทางเขา หรืออย่าไปทำอะไรที่เป็นการแสดงความรุนแรง เพราะคนที่อยู่กลางๆ อาจจะมองเราในทางที่ไม่ดีได้

ดังนั้นหากมวลชนกลุ่มดังกล่าวแค่ไปชูป้ายเฉยๆ แล้วกลับบ้านก็ถือเป็นอิสระที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามก็อยากให้ระวังด้วย เพราะอาจจะมีคนเข้ามาสวมรอย ตัวอย่างกรณีคนเสื้อแดงไปบ้านป๋าเปรม ตนเห็นภาพแล้ว การแต่งกาย และการปิดหน้าตาแล้วไม่ใช่วิธีการของคนเสื้อแดง เพราะคนเสื้อแดงเวลาไปไหนเราไม่จำเป็นจะต้องปกปิดอะไร

ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบข่าวดังกล่าว ดังนั้นคงจะต้องขอเวลาในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อความถูกต้องว่าเป็นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่มีผู้บริหาร หรือผู้สื่อข่าวของช่อง 7โทรมาประสานแต่อย่างใด

ส่วนนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนทราบข่าวดังกล่าวจากสื่อ แต่เรื่องนี้เข้าใจว่าเป็นมวลชนที่คิดและแสดงออกกันเอง ไม่มีแกนนำไปร่วมด้วย ทั้งนี้การดำเนินการกับสื่อมวลชนที่ถูกกล่าวหาว่าทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง เป็นสิทธิ์ของผู้บริหารสถานีนั้นๆ เราไม่ควรไปกดดัน แต่ถ้ามีสื่อมวลชนท่านที่ทำหน้าที่ไม่เป็นกลางคนเสื้อแดงก็มีสิทธิ์วิพากษ์ วิจารณ์ได้ เพื่อขอให้ผู้บริหารของสื่อนั้นๆช่วยพิจารณาให้ อย่างไรก็ตามการไปยื่นหนังสือ เพื่อขอให้หน่วยงานช่วยตรวจสอบการทำหน้าที่ของสื่อนั้นไม่น่าจะมีปัญหา เพราะหากทางช่อง 7มีการตรวจสอบแล้วสื่อทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้บอกกับสาธารณะด้วยว่าผลตรวจสอบเป็นอย่างไร เพื่อจะได้เคลียร์จากการถูกเข้าใจผิดด้วย

ด้าน นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยกล่าวว่า ไม่เห็นด้วยเสื้อแดงคุกคามสื่อเตรียมบุกไปช่อง7บอกรอดูความเคลื่อนไหวหลัง นายกฯยืนยันจะไม่ให้เกิดการคุกคาม

ประธานนปช.เผยนักข่าว7สีมีอคติเพราะขื่นชอบมาร์คเคยเจอมากับตัว

นายแพทย์สลักธรรม โตจิราการ เขียนลงในเฟซบุ๊คของ เขาว่า "ตะกี้คุยกับคุณแม่ (ธิดา ถาวรเศรษฐ์)คุณแม่เล่าให้ฟังว่านักข่าวช่อง7คนที่ตกเป็นข่าวเป็นนักข่าวที่ มีหน้าที่ติดตามนายกรัฐมนตรี(อภิสิทธิ์) ตอนที่บังเอิญคุณแม่พบอภิสิทธิ์ที่มิราเคิลแกรนด์ (เพื่อหารือเรื่องประกันตัวนักโทษการเมือง)จำได้ว่านักข่าวคนนี้พยายามถามคำ ถามจนกระทั่งนักข่าวคนอื่นไ่ม่สามารถถามคำถามได้ จนคุณแม่ต้องเตือนให้เปิืดโอกาสให้นักข่าวคนอื่นถามคำถามบ้าง และดูกริยาและคำถามแล้วเป็นผู้ที่ชื่นชอบคุณอภิสิทธิ์อย่างมาก

แต่ว่าคุณแม่คิดว่า เรื่องการจะประท้วงเขานั้น น่าจะลองสืบประวัติของเขาและเผยแพร่ผลงานและทรรศนะของเขาให้สังคมรับรู้ว่า เขามีความเป็นกลางแค่ไหน น่าจะได้ผลกว่า"

สมบัติทวิตไม่เห็นด้วยแดงชุมนุมหน้าCH7-สี่เสา

สำนักข่าวINN รายงาน ว่า นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ไม่เห็นด้วย กลุ่มเสื้อแดงชุมนุมหน้าช่อง7 ระบุเสียทางการเมือง พร้อมค้านวางหรีดหน้าบ้าน พลเอก เปรม ในวันเกิด

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด หนึ่งในแกนนำคนเสื้อแดง ได้ทวิตข้อความทางทวิตเตอร์ ในชื่อ @nuling แสดงความไเห็นด้วยต่อการที่คนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งจะไปประท้วงที่สถานี โทรทัศน์ช่อง 7

โดยระบุว่า เห็นว่าจะมีเสื้อแดงบางกลุ่มไปที่ช่อง7 เพื่อประท้วงนักข่าวและสถานี ผมประกาศตรงนี้ว่า ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว กรณีนักข่าวสาวช่องเจ็ด ถ้าเขาพูดจาไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติ ควรแค่การวิพากษ์วิจารณ์ แต่การข่มขู่ใด ๆ ไม่ควรทำ คนที่ส่ง email เขาออกมาขอโทษนั้นถูกต้องแล้ว เสื้อแดงคนอื่นควรยุติเรื่องนี้ เสื้อแดงกำลังขยายแนวร่วมให้คู่กรณีโดยไม่จำเป็น เขามีแต่หดแคบศัตรู สร้างแนวร่วม เดินเกมแบบนี้ เสียการเมือง เมื่อเราทำผิดพลาด เราควรยอมรับ และเอามาเป็นบทเรียน ไม่ใช่แก้ตัว เบี่ยงประเด็น

การเคลื่อนไหวการเมือง ต้องประเมินถึงผลทางการเมืองที่เกิดขึ้น ถามว่าไปประท้วงที่สถานี แล้วผลทางการเมืองจะเป็นยังไง คนด่า คุ้มมั๊ย ?นอกจากเรื่องไปประท้วงที่ช่อง 7 แล้ว การไปวางพวกหรีดที่หน้าบ้านสี่เสา ในวันเกิดพลเอกเปรม ก็ไม่ควรทำ อย่าเย้อกันแบบนั้นนั้นมันวันเกิดคน การวิจารณ์พลเอกเปรมทำได้ แต่ต้องไม่เหยียดหนาม ควรวิพากษ์ตรงไปที่ประเด็นและพฤติกรรม

นายกฯไม่ตอบเรื่องเสื้อแดงกดดันผู้บริหารช่อง 7 ปลดนักข่าวหญิง

เดลินิวส์ รายงานว่า ที่ทำเนียบรัฐบาล วันนี้(30 ส.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนการประชุม ครม. ว่า ผู้สื่อข่าวได้ถามนายกรัฐมตรีว่าจ ะมีการประสานไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อไม่ให้ไปกดดันให้ผู้บริหารสถานี โทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ปลดผู้สื่อข่าวหญิงคนหนึ่งที่มีปัญหากับกลุ่มคนเสื้อแดงหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หยุดฟังแต่ไม่ตอบคำถามดังกล่าว จากนั้นได้เดินขึ้นไปประชุม ครม.ทันที

พรทิพย์แกนนำเพชรบุรีในเมื่อขอโทษแล้วยังโดนสื่อคุกคามก็ต้องหันกลับมาสู้



คุณพรทิพย์ ปักษานนท์ แกนนำเสื้อแดงเพชรบุรี

คุณพรทิพย์ ปักษานนท์ แกนนำเสื้อแดงเพชรบุรี ซึ่งถูกนักข่าวช่อง 7 สีดำเนินคดีและประกาศไม่ถอนแจ้งความ เปิดเผยว่า "เรื่องมีอยู่ว่า ข่าวที่ส่งอีเมล์นั้น ไม่ได้เขียนเอง แต่ได้คัดสำเนามาจากเวปไซต์แห่งหนึ่ง โดยไม่ได้เขียนต่อเติมใใดๆลงไปเลย โดยมีเจตนาส่งไปยังเพื่อนๆในกลุ่มที่ส่งข่าวสารกันทางอีเมล์ให้ได้อ่าน ซึ่งก็ปฏิบัติแบบนี้เป็นปกติ

ทีนี้ก็เห็นมีแถลงการณ์ของ สส.ปชป.สงขลา ออกมาขานรับนักข่าวว่าแกนนำเสื้อแดงเพชรบุรีคุกคามนักข่าว

ดิฉันเองก็ตกเป็นผู้เสียหายเช่นกัน เพราะการที่นักข่าวผู้นี้นำอีเมล์ของดิฉันไปเปิดเผย พร้อมชื่อนามสกล ทำให้มีคนส่งอีเมล์มาด่าหยาบๆคายมากมาย ซึ่งก็เซฟเก็บไว้ทั้งหมดแล้ว

การที่นักข่าวไปแจ้งความนั้น ความจริงแล้วไม่สามารถเอาผิดได้ ไม่ว่า พรบ.คอมพิวเตอร์ หรือ ข้อหา ข่มขู่ คุกคาม ก็ไม่เข้าข้อกฏหมายใดๆทั้งสิ้น ตำรวจคงจะบอกว่าเอาความไม่ได้ นักข่าวรายนี้จึงออกมาบอกว่า แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ก็รออยู่ค่ะ อยากให้เขาฟ้อง เราก็ได้จะฟ้องกลับทันที

ทั้งที่เราก็ได้แสดงสปิริต ตามที่วิญญูชน จะพึงกระทำแล้ว โดยขอโทษทั้งๆที่ไม่ผิด เราไม่ได้ส่งให้ นักข่าวคนนี้เลย ไม่ได้เผยแพร่ในวงกว้างอะไรเลย เราส่งให้ในกลุ่มเพื่อนเสื้อแดง...การที่เขาทำอย่างนี้ เราในฐานะประชาชน..กำลังถูกสื่อคุกคามเสรีภาพ กำลังถูกละเมิดสิทธิของความเป็นมนุษย์ ที่สำคัญถูกละเมิดโดยสื่อ....สื่อ ฐานันดร ที่ใครก็แตะไม่ได้วิจารณ์ไม่ได้

ยิ่งพวกสมาคมสื่อ ลงมาออกหน้าแบบนี้..เห็นควรว่า..น่าจะหันกลับไปดูความเป็นองค์กร ที่ทำข่าวสู่สายตา ประชาชนแล้ว ลุกขึ้นมา ประกาศต่อๆกันไป..โดยไม่ได้หันกลับมาดู พิสูจน์ด้วยสายตาว่า...ข้อเท็จจริงนั้นคนที่พวกตนกล่าวหานั้น เป็นจริงหรือไม่?...ผิดวิสัยของความเป็นนักข่าว....ดิฉัน..คิดว่า..ใคร?กัน แน่..ที่ถูกคุกคาม ใคร?มาละเมิสิทธิมนุษยชน...ใคร? รังแกประชาชน"คุณพรทิพย์กล่าว

นักข่าว7สีประกาศศึกเสื้อแดงขอโทษก็ขอโทษไปไม่ถอนแจ้งความ

ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นางพรทิพย์ ปักษานนท์ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดงเพชรบุรี ออกมายอมรับว่า เป็นผู้ส่งจดหมายอิเล็คทรอนิกส์ลูกโซ่ข่มขู่ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 และระบุว่าจะเดินทางมาขอโทษ น.ส.สมจิตต์ เพราะไม่มีเจตนาที่จะข่มขู่นั้น

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง น.ส.สมจิตต์ โดยได้รับคำยืนยันว่า แม้นางพรทิพย์ จะกล่าวขอโทษ แต่คงไม่สามารถถอนแจ้งความได้ เพราะได้แจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ยังไม่ปักใจเชื่อว่า นางพรทิพย์ จะทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เนื่องจากถ้อยคำที่มีลักษณะข่มขู่นั้นระบุว่า "จำหน้าหล่อนไว้นะครับ เจอหน้าที่ไหนช่วยกันจัดให้หน่อยนะครับ" แสดงว่าผู้โพสต์ข้อความนี้ น่าจะเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง จึงอยากให้ตำรวจสืบสวนให้ถึงต้นตอไม่อยากให้มีการตัดตอน เรื่องนี้ทางตำรวจ ก็แจ้งว่าหากจะสืบหาต้นตอการส่งจดหมายอิเล็คทรอนิกส์ผู้เสียหาย ต้องเป็นฝ่ายยื่นเรื่องถึงกระทรวงไอซีทีเพื่อให้ตรวจสอบ

โดยตนที่จะทำหนังสือถึงกระทรวงไอซีที เพื่อขอให้มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว และหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากกระทรวงไอซีทีดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรง ไปตรงมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่ากระทรวงไอซีที พร้อมที่จะคุ้มครองประชาชน จากการกระทำผิดผ่านโลกออนไลน์

"ถือเป็นเรื่องดีที่คุณพรทิพย์ ออกมายอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ และดิฉันก็รับคำขอโทษจากคุณพรทิพย์ ที่พูดผ่านสื่อแล้ว ดังนั้นคุณพรทิพย์ คงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาขอโทษด้วยตัวเอง เพราะในที่สุดก็จะต้องได้พบกันที่สถานีตำรวจอยู่แล้ว โดยในวันจันทร์นี้ จะไปสอบถามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากคุณพรทิพย์ ได้ออกมารับสารภาพ มีหลักฐานเป็นคำสัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวช่วงเย็นของช่อง 7 ในวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงอยากให้ทางตำรวจได้ดำเนินการตามกฎหมาย ด้วยการเชิญคุณพรทิพย์ มาให้ปากคำเพื่อสอบสวนและดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป" น.ส.สมจิตต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมจึงยังดำเนินคดีต่อโดยไม่ถอนแจ้งความ ทั้งที่อีกฝ่ายกล่าวคำขอโทษแล้ว น.ส.สมจิตต์ กล่าวว่า ต้องการให้คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างว่า ก่อนที่ใครจะทำอะไรก็ตามควรจะไตร่ตรองก่อนว่าสิ่งที่่ตัวเองทำผิดกฎหมายหรือ ไม่ ละเมิดสิทธิของคนอื่นหรือเปล่า เพราะเป็นเรื่องง่ายที่จะบอกว่าเสียใจและไม่มีเจตนา ซึ่งหากนางพรทิพย์ มีสติยั้งคิด เคารพกฎหมายและสิทธิของผู้อื่นการกระทำผิดในลักษณะนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

"คดีข่มขู่ทำให้เกิดความหวาดกลัวเป็นคดีลหุโทษมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392 ผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจโดยการขู่เข็ญต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 พัน หรือทั้งจำทั้งปรับ แม้จะเป็นโทษเบา แต่ก็จะดำเนินคดีจนถึงที่สุด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะปัญหาของสังคมไทยวันนี้เกิดจากคนในสังคมไม่เคารพกฎหมายและสิทธิของผู้ อื่น

นอกจากนี้กรณีการฟอเวิร์ดเมล์ครั้งนี้ ไม่มีใครทราบว่ามีผู้ได้รับข้อความข่มขู่ดังกล่าวกี่ราย เพราะเพียงแค่การส่งก้อนเดียวที่ปรากฏออกมาก็มีการส่งถึงผู้รับในครั้งนี้ แล้ว 47 ราย การเผยแพร่ต่อจึงอาจเป็นพันแล้วในขณะนี้ เพราะคนที่ได้รับก็จะส่งต่อกันไปเรื่อย ๆ จึงไม่ใช่การส่งเป็นการภายในตามที่คุณพรทิพย์กล่าวอ้าง และเราไม่มีทางทราบเลยว่าคนเหล่านั้น จะมีความรู้สึกผิดเสียใจเหมือนคุณพรทิพย์ หรือเจอหน้าดิฉันแล้วจะจัดให้ตามข้อความปลุกระดมนั้น คำขอโทษของคุณพรทิพย์ จึงไม่ใช่หลักประกันว่าดิฉันจะปลอดภัย จากผล กระทบที่เกิดจากอีเมล์ดังกล่าว" น.ส.สมจิตต์ กล่าว

น.ส.สมจิตต์ ยังกล่าวขอบคุณองค์กรสื่อที่ออกแถลงการณ์ปกป้องสิทธิเสรีภาพของสื่อสารมวลชน พร้อมกับฝากให้ผู้บริหารองค์กรสื่อได้พิจารณาเพิ่มเติมว่ายังสามารถดำเนิน การอย่างอื่นมากกว่าการออกแถลงการณ์เพียงอย่างเดียวหรือไม่ เพราะในยุคที่สังคมมีความขัดแย้งสูง การทำงานของสื่อมวลชนก็จะมีความยากและเสี่ยงมากขึ้นตามลำดับ ดังนั้นนอกจากสื่อมวลชนจะใช้สิทธิในการปกป้องตัวเองผ่านการดำเนินคดีตาม กฎหมายแล้ว น่าจะมีความคุ้มครองตามหลักวิชาชีพที่มีผลในทางกฎหมายเพิ่มเติม เพี่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฏิบัติงานมากขึ้นด้วย

รู้จักนักข่าว 7 สีแฟนพันธุ์แท้มาร์ค ข้องใจลุยนายกฯปูเพราะอคติ

ความน่าประทับใจในตัวอาจารย์อภิสิทธิ์สำหรับฉัน ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก แม้ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งแรกที่คนมองเห็น แต่สิ่งที่ปรากฎภายใน คือความเมตตานั้นต่างหาก-นักข่าวช่อง 7 ซึ่งตั้งคำถามจนนายกฯยิ่งลักษณ์ต้องเดินหนี และแจ้งความแกนนำเสื้อแดงเพชรบุรี


เย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา นักข่าวสาวช่อง 7 ที่ตกเป็นข่าวว่าถูกเสื้อแดงคุกคาม จนสมาคมสื่อ 3 สมาคมออกแถลงการณ์ประณามเสื้อแดง และไปแจ้งความแกนนำนปช.เพชรบุรีให้สัมภาษณ์TPBSว่า เธอเป็นกลาง ใครจะมองยังไงก็ช่าง เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ

เธอยังให้สัมภาษณ์วิทยุผู้จัดการ 97.75 กล่าวถึงคนเสื้อแดงว่า

...คนเสื้อแดงเราต้องเข้าใจเขาว่าเขาเป็นพวกที่ถูกปลุกปั่นด้วย ข้อมูลข้างเดียว.....และเราต้องทำความเข้าใจให้เขารู้ความจริงเพื่อที่จะ อยู่กับคนที่คิดต่างในสังคมได้...

กล่าวถึงนายกฯยิ่งลักษณ์

...คุณยิ่งลักษณ์ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าจะตอบแทนประชาชน หรือตอบแทนญาติที่ช่วยให้เป็นนายกฯได้ในเวลาไม่ถึงห้าสิบวัน...

กล่าวถึงอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร

"โจรหนีคดีต่างประเทศ"

ส่วนหนังสือที่เธแคยเขียนด้วยความชื่นชมอดีตนายกฯอภิสิทธิ์ 2 เล่มนั้น เธอกล่าวว่า

ความน่าประทับใจในตัวอาจารย์อภิสิทธิ์สำหรับดิฉัน ไม่ใช่รูปลักษณ์ภายนอก แม้ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งแรกที่คนมองเห็น แต่สิ่งที่ปรากฎภายใน คือความเมตตานั้นต่างหาก

ที่เว็บบอร์ดเสรีไทยซึ่ง เป็นแหล่งรวมของผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เขียนถึงเธอว่า เป็นผู้ที่มีแนวคิดชื่นชอบ ท่านอภิสิทธิ์ และ เรียกขานท่านว่า " อาจารย์ " ทุกคำ

แต่ สิ่งหนึ่งที่ค้นหาเจอ และชอบมากคือ .. บทกลอนที่เธอส่ง เป็นเมสเสส เข้ามือถือ ท่านมาร์คในวันที่ ท่านได้รับโหวต เป็น นรต คนที่ ๒๗ คือ .....

“อุปสรรคจักทายท้า ด้วยหาญกล้าและอดทน
รู้จักปกครองคน ทบทวนตนอย่ามัวเมา
เป็นหงส์กลางฝูง*** อย่าเสียเหลี่ยมรู้ใครเขา
รักษาตัวตนเรา ภาระเจ้าเพื่อแผ่นดิน”

แล้วเธอ..จบด้วยข้อความว่า “อาจารย์ทำได้”
หลังจากนั้นอาจารย์อภิสิทธิ์ส่งข้อความกลับมาว่า “เพิ่งได้อ่าน ขอบคุณครับ"

เขียนหนังสือเชียร์อภิสิทธิ์2เล่ม กรณ์อีกเล่ม

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือ อภิสิทธิ์คนเดิมบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ของนางสาวสมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวการเมืองสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ภายในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 14

สำหรับหนังสือ "อภิสิทธิ์คนเดิมบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี" ผู้เขียนได้บันทึกเหตุการณ์ที่สำคัญ ๆ ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์ฯ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนถึงการบริหารงานในปัจจุบัน นอกจากนี้เนื้อหาภายในเล่ม ยังเป็นลักษณะของการตอบคำถามหรือการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีผ่านหนังสือ ดังกล่าว ซึ่งมีทั้งการสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการคิดในการบริหารประเทศ และแนวทางของการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ตลอดจนเนื้อหาสาระที่เกี่ยวกับแง่มุมชีวิตส่วนตัว และภารกิจหน้าที่ประจำวันภายในครอบครัวที่นายกรัฐมนตรีได้ปฎิบัติเป็นประจำ ทุกวัน ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยทราบ โดยเฉพาะวิธีการดูแลเอาใจใส่ นางพิมพ์เพ็ญ เวชชาชีวะ ภรรยา และบุตรทั้งสองคน ซึ่งเป็นอีกบทบาทหนึ่งของนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำครอบครัว 22ตุลาคม2552 (The Official Site of The Prime Minister of Thailand Photo by พีรพัฒน์ วิมลรังครัตน์)

จัดรายการกับช้างแนวหน้าที่วิทยุประชัย92.25
จัดรายการที่ 92.25กับสมชาย มีเสน (ช้าง) อดีตบก.แนวหน้า (เมื่อล้มรัฐบาลทักษิณแล้วสมชาย มีเสน ได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ)

ถ้าวันใดวันหนึ่งนักข่าวสาว 7 สีรายนี้เลิกถามชนิดที่นายกฯยิ่งลักษณ์ต้องเดินหนี แต่หันมาส่งSMSเชียร์ หรือเขียนหนังสือพ็อคเก็ตบุ๊คเชียร์ และทำให้กนก รัตน์วงศ์สกุล หาว่าเธอเป็นนักข่าวที่ยอดแย่...เมื่อนั้นก็นะ ความเป็นกลางของนักวิชาชีพสื่อก็คงจะปรากฎเป็นจริง

ตอนนี้ก็กลางใจ"อาจารย์มาร์ค"ไปพลาง


ลากไส้สื่อเหี้ยม..ม.ม้าหายทุกค่ายทุกเม็ดทุกขด ประจานฐานันดรสี่ จงสำเหนียกโลกกะลาใบเล็กของพวกคุณมันจบสิ้นแล้ว


จากกระทู้สุดฮิต"ลากไส้สื่อเห้"ในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน ซึ่งมีผู้เข้าเยี่ยมชมมากกว่า100,000คลิ้ก เปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังวงการสื่อไทยอย่างล่อนจ้อน ด้วยสำนวนภาษาฮาร์ดคอร์ดิบเถื่อน และต่อมาไทยอีนิวส์ได้นำเสนอเป็นตอนๆทั้งสิ้น18ตอน

ล่าสุดได้มีผู้จัดทำลงเป็นไฟล์ pdf โดยจัดหน้า ลงรูปภาพประกอบสวยงามอ่านง่ายแล้ว ขอเชิญอ่านและเผยแพร่ต่อ โดยคลิ้กดาวน์โหลดที่นี่

http://www.4shared.com/file/108373645/c6fbb65d/Bad_Media_Series-.html

สารบัญซีรีส์สุดมันส์ลากไส้สื่อเห้

(-ตอน1):ค่ายเนชั่นข้อตกลงกับปีศาจ เบื้องหลังโชคมหาศาล มันคืออาชญากรรม
(-ตอน2):จากไดโนเสาร์กลายพันธุ์มาเป็นเหี้้ย
(-ตอน3):ลิ้มนักแบล็กเมล์เจอแบล็กลิสต์ เจาะลึกสำราญ รอดเพชร
(-ตอน4):สมาคมสื่อโจร พวกมึงแหละตัวดีที่ต้องหยุดทำร้ายประเทศไทย
(-ตอน5):ขุดประจานแก๊งเด็กนรกเนชั่น จอมขวัญ ธีระ กนก สรยุทธ
(-ตอน6):ชื่อของนก นามของไม้ ศักดิ์ศรีของคนชายคามติชน
(-ตอน7):เปลว สีเงินปฏิบัติการแค้นฝังเหลี่ยม
(ตอน8)'จารย์เจิมเสือเจ็บร้อง"เอ๋ง"!
(-ตอน9):ชำแหละอ.ย.ม.ชัยอนันต์ สู่อ.ล.ม.กุนซือลิ้ม
(-ตอน10):ภารกิจลับระดับสูงของปีย์-พญาไม้-ไพศาล
(-ตอน11):แทงกั๊กสไตล์ไทยรัฐมีตั้งแต่เหลืองอื๋อไปยันแดงแปร๊ด
(-ตอน12):อัญชะนีชีวิตนี้พลีเพื่อเฮียเอี่ยม
(-ตอน13):เปิดโฉมหน้าอรหันต์คอลัมนิสต์ไทยรัฐ
(-ตอน14):บุญเลิศ ช้างใหญ่,นงนุช สิงหะเดชะ,ก่อเขต จันทเลิศลักษณ์
(-ตอน15):อาจารย์สุนันท์ ศรีจันทรา-โสภณ องค์การณ์ แสบคูณสอง
(-ตอน16):ยำใหญ่คนอ่านข่าวหน้าจอทีวี พวกเขากับเจ้าหล่อนคือใคร?
(-ตอน17):ประชาทรรศน์ ไฮทักษิณ ประดาบ สื่อลูกกะโปกห้อย
(-ตอนจบ):กำเนิดและอวสานของมหากาพย์ถลกหนังสื่อเหี้้ยมม.ม้าหาย

หรือคลิ้กอ่านรวมบทความทุกตอนที่ลิ้งค์นี้ http://www.thaienews.blogspot.com/2009/05/blog-post_7852.html

อย่าพลาด!เพิ่มเติมโดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์


- รู้จักนักข่าว7สีผู้มีความเป็นกล๊างเป็นกลาง(ใจมาร์ค)

-ใช้เสี่ยต้อยนักข่าวร้อยล้าน TNEWS และผู้แทนสำนักงานทรัพย์สินฯไล่ล่าแม่มดคดีหมิ่น ดร.จิรายุคิดดีแล้วหรือ?

-ศึกเฮียกัดเฮียขยายวง:เฮียโล้นกัดเฮียลิ้ม

-เปิดโปงสื่อโล้น อย่าปล่อยเนชั่นลอยนวล

-สื่อกระหายเลือดเปลว สีเงิน:ฆ่าเสื้อแดงไม่บาป!..

-หยันเปลวไทยโพสต์อัปยศไร้ยางอายคุกคามสื่อ'ใบตองแห้ง'

-สุนันท์ ศรีจันทรา สวมบทเหี้ยม'ไอ้คลั่งรวันด้าเมืองไทย'ปลุกระดมผ่าน'สื่อแห่งความตาย'ฆ่าเสื้อแดง