ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Tuesday, 9 August 2011

เร่งคดีจนท.ฆ่า13ศพ ธาริตทันที สอบทหารยิงวัดปทุม

ที่มา ข่าวสด

สรุปสิ้นเดือนนี้ ส่งฟ้องอัยการ ญาติเกดตามบี้ ปมเอกสารศอฉ.



แฟ้มภาพ - ญาติคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตในเหตุการณ์
ทนาย เสื้อแดงใช้เอกสารลับศอฉ.สั่งยิง เป็นหลักฐานเตรียมฟ้อง "มาร์ค-เทพเทือก" ทั้งอาญา-แพ่ง คดีสลายม็อบ 91 ศพ คาดสิ้นเดือนส.ค. น้องชายพยาบาลอาสาก็เตรียมเปิดอีกเอกสารลับ แง้มชุดนี้มีชื่อ "ธาริต" ด้วย ขณะที่ส.ส.เพื่อไทย ย้ำคนออกคำสั่งต้องรับผิดชอบเต็มๆ ต้นเหตุบาดเจ็บล้มตาย ยันไม่เช็กบิล แต่ถูกผิดว่าไปตามกฎหมาย ด้าน "เสธ.ไก่อู" อดีตโฆษกศอฉ. ระบุไม่รู้เอกสารหลุดมาได้อย่างไร หลังจบเหตุการณ์มีกรรมการหลายชุดเข้ามาตรวจสอบ เลยแจกไปให้หมด ธาริตสนองรัฐบาลใหม่ สั่งเร่งสรุปสำนวนเจ้าหน้าที่รัฐฆ่า 13 ศพ ทั้งเตรียมเชิญทหารบนรางรถไฟฟ้ามาให้การเพิ่มเติมคดี 6 ศพวัดปทุมฯ

เมื่อ วันที่ 8 ส.ค. นายคารม พลทะกลาง ทนายความแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงเอกสารลับของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่สั่งให้ทหารใช้อาวุธปืนในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อเดือนเม.ย.2553 ว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะใช้ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตผอ.ศอฉ. รวมทั้งบุคคลที่อยู่ใน ศอฉ.ทุกนายที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม โดยจะยื่นฟ้องในลักษณะแบบตัวบุคคล ทั้งคดีอาญาและแพ่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานจากทางญาติของผู้เสียชีวิตทั้งหมด และเริ่มมีญาติผู้เสียชีวิตทยอยนำเอกสารหลักฐานมามอบ เพื่อให้เป็นตัวแทนยื่นฟ้องแล้วหลายราย คาดว่าจะสามารถยื่นฟ้องได้ภาย ในสิ้นเดือนส.ค. ส่วนการฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศนั้น จะประสานกับโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมายนปช.

ทนายนปช. กล่าวต่อว่า การที่ญาติของผู้เสียชีวิตออกมายื่นฟ้องเอง จะได้ผลเร็วกว่าไปแจ้งความกับตำรวจ และจากการตรวจสอบเอกสารลับ พบว่ามีความจงใจในการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้อาวุธยิงใส่ต่อเป้า หมายได้ในระยะ 30-50 เมตร เพื่อเป็นการควบคุมวิถีกระสุน และควบคุมความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ให้สมควรแก่เหตุ และห้ามใช้อาวุธต่อเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงและเด็ก แต่ขั้นตอนการปฏิบัติจริงผิดหลักการสลายจากเบาไปหาหนัก โดยยังเล็งเห็นผลที่จะตามมาจากการปฏิบัติการดังกล่าว คือนำเอาอาวุธปืนลูกซอง และเอ็ม 16 ออกมาใช้ อย่างไรก็ตาม การฟ้องไม่ได้เป็นการออกมากดดันทหาร แต่เพื่อต้องการป้องปราม เมื่อมีคำสั่งสลายการชุมนุมแบบนี้อีกในอนาคต จะได้ไม่นำเอาอาวุธสงครามออกมาปราบปรามประ ชาชนได้อีก

ส่วนนายณัท พัช อัคฮาด น้องชายของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม กล่าวถึงกรณีที่นาย สุเทพ ยอมรับว่าเอกสารลับเป็นของจริงว่า ตลอด 1 ปี ที่ผ่านมานายสุเทพพูดโกหกมาตลอดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ มาวันนี้ความจริงก็ถูกเปิดเผยว่าใครเป็นคนสั่งฆ่า ในฐานะผู้เสียหายจะเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้พี่สาว และผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ ต่อไป โดยประเด็นสำคัญอยู่ที่นายสุเทพเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ ประชาชนใช่หรือไม่ ดังนั้น การที่นายสุเทพบอกว่าพร้อมสู้คดีพิสูจน์ความจริงนั้น ขอให้เตรียมพร้อมไว้ ทางเรากำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ จะแถลงรายละเอียดให้ทราบในวันที่ 10 ส.ค. เวลา 11.00 น. ที่ห้างอิมพีเรียล ลาดพร้าว โดยจะนำเอกสารลับที่เพิ่งได้มานำมาเปิดเผยด้วย และเอกสารนี้มีชื่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รวมอยู่ด้วย

ขณะที่ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษากฎหมายนปช. ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ได้จริงๆ เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อรูปคดีการฟ้องร้องของกลุ่มนปช.ได้ แต่สิ่งที่อยากจะพูดคือ ไม่เคยเชื่อถือสิ่งที่นายสุเทพอ้างอิงเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้านี้ หรือตอนนี้ อย่างไรก็เชื่อไม่ได้

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก และอดีตโฆษกศอฉ. ให้สัมภาษณ์เรื่องเอกสารคำสั่งลับว่า ว่า เรื่องศอฉ.จบไปแล้วหลังจากจบเหตุการณ์ทั้งหมด มีคณะกรรมการหลายชุดเข้ามาตรวจสอบ และทางศอฉ.แจกจ่ายเอกสารออกไปให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และกรรมการทุกชุดที่เข้ามาตรวจสอบ เลยไม่รู้ว่าหลุดออกมาจากใคร

ที่ พรรคเพื่อไทย นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องมีผู้รับผิดชอบ โดยเฉพาะผู้ออกคำสั่งนั้น ออกคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติถูกต้องตามหลักหรือไม่ เมื่อเกิดความผิดพลาดแล้วผู้ออกคำสั่งจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ เมื่อศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธยิงจริงจนเกิดความผิดพลาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 91 ศพ ดังนั้น ผู้ออกคำสั่งต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบเต็มๆ เพราะผู้ออกคำสั่งต้องรับรู้ว่าคำสั่งให้ยิงจริงนั้น มีโอกาสทำให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตายได้

ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อถึงกรณีที่นายสุเทพ ระบุไม่กลัวการเช็กบิลจากพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ได้เข้ามาแก้แค้น หรือเช็กบิลใคร เพราะเราจะดำเนินการตามกฎหมาย ผิดถูกก็ว่ากันตามกระบวนการ จะไม่เร่งรัด หรือบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดีสลายม็อบอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม สิ่งแรกที่พรรคเพื่อไทยจะเร่งดำเนินการหลังเข้ามาเป็นรัฐบาล คือแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน ราคาสินค้าแพง รวมทั้งปัญหาน้ำท่วม ส่วนคดี 91 ศพจะปล่อยตามกระบวนการทางกฎหมาย

ส่วน นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และหนึ่งในแกนนำนปช. กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก หรือเกินความคาดหมาย เมื่อน้ำลด ตอก็ผุดขึ้นมา แต่ไม่อยากให้นายสุเทพพูดว่าพรรคเพื่อไทย เตรียมเช็กบิล หรือแก้แค้นอะไร เพราะความจริงต่างๆ จะปรากฏขึ้นเอง ขณะที่ผู้ที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา และเสมอภาคตามกระบวนการยุติธรรมอย่างแน่นอน ไม่เหมือนรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ที่ไม่เคยบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ใช้อำนาจแบบสองมาตรฐานกับฝ่ายตรงข้าม

"พรรคเพื่อไทยต้องเข้ามาดูแล คดีนี้จนถึงที่สุด ไม่ว่ารัฐบาลไหนต้องทำให้เรื่องนี้สมบูรณ์แบบ เพราะมีคนตายอยู่กลางเมืองจำนวนมาก ต้องคืนความเป็นธรรมให้ผู้ตาย ต้องใช้กระ บวนการยุติธรรมอย่างตรงไปตรงมาและเท่าเทียม ที่ผ่านมาที่บ้านเมืองไม่สงบ มีแต่ความวุ่นวาย เพราะบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เท่าเทียม ดังนั้น เราต้องเข้ามาดูแล เพราะไม่อย่างนั้นเราจะถูกมองว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่" แกนนำนปช.กล่าว

ที่ ศาลแพ่ง นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความนปช. เข้ายื่นคำให้การโต้แย้งคำฟ้องของนางนุชิต บรรจงศิลป์ ผู้ประกอบการค้าย่านราช ปรารภ ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ นาย จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. และ ส.ส. พรรคเพื่อไทยกับพวกรวม 10 คน เป็นจำเลยเรื่องละเมิด และเรียกค่าเสียหาย 7,000,000 บาท กรณีการชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 เป็นเหตุทำให้รัฐบาลใช้กำลังสลายการชุมนุม และทำให้ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ร้านค้า

นายธนเดช กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากแกนนำนปช. ให้มายื่นคำให้การโต้แย้งปฏิเสธคำฟ้องของโจทก์ เนื่องจากไม่ได้สร้างความเสียหายแก่โจทก์ และขณะเกิดเพลิงไหม้ แกนนำนปช.ได้ประกาศยุติการชุมนุม และเข้ามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ภายหลังยื่นคำโต้แย้ง ศาลแพ่งนัดชี้ 2 สถาน ในวันที่ 23 ก.ย. เวลา 09.00 น.

วันเดียวกัน ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงคดีสลาย 91 ศพ ที่ผลการสอบสวนของดีเอสไอก่อนหน้านี้ระบุมี 13 ศพเสียชีวิตเพราะเจ้าหน้าที่รัฐว่า ตำรวจส่งสำนวนคืนกลับมายัง ดีเอสไอทั้งหมดแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการ พิจารณานำเสนอความเห็นส่งอัยการคาดว่าจะใช้เวลาสรุปสำนวนภายในสิ้นเดือน ส.ค.นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของกลุ่มพยาบาลอาสาและอาสาสมัครกู้ภัย รวม 6 ศพ ภายในวัดปทุมฯ นั้น ทางพนักงานสอบสวนคดีนี้เตรียมทำหนังสือเสนอต่อนายธาริต เพื่อขออนุมัติออกหนังสือเชิญตัวทหารที่รับผิดชอบพื้นที่หน้าวัดปทุมฯ และบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอส มาให้ปากคำเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ทีมสอบสวน ดีเอสไอลงพื้นที่ตรวจสอบวัดแห่งหนึ่งใน จ.ฉะเชิงเทรา เนื่องจากทราบว่ามีพระลูกวัดรูปหนึ่งอยู่ในเหตุการณ์หน้าวัดปทุมฯ และยังช่วยเหลืออุ้มผู้บาดเจ็บรายหนึ่งที่ถูกยิงบาดเจ็บเข้ามาหลบในวัด แต่ไม่พบตัว ทราบว่าพระรูปดังกล่าวหนีออกจากวัดไปอยู่วัดอื่นตั้งแต่เกิดเหตุ เพราะกลัวอันตราย เนื่องจากมีคนติดตาม