ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Monday, 22 August 2011

ชายแดนใต้ขอมีเอี่ยวศพละ 10 ล้าน

ที่มา Thai E-News



โดย ปาแด งา มูกอ
22 สิงหาคม 2554

ขอนำข่าวสารจาก pyntoday.com บางช่วงบางตอนมานำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อจะได้เตรียมยาแก้ปวดหัวไว้ทาน

โดยเฉพาะท่านนายกหญิงยิ่งลักษณ์ ขอแนะนำอย่าเพิ่งใช้ยานอนหลับ น่ะครับ ใจเย็นๆ ก็อย่างที่ผมเคยเตือนไปแล้วเมื่อคราวที่กระแสการจะลงมาเล่นการเมือง ว่า โปรดระวังให้ดีในกรณีที่พรรคแมลงสาบ เป็นฝ่ายค้าน สถานการณ์และเหตุการณ์ต่างๆทางภาคใต้ จะเป็นลูกระเบิด ที่รัฐบาลจะต้องคอยเที่ยวเก็บกู้จนครบวาระ

และแล้วเวลานั้นมันก็มาถึง โปรดหาทางแก้เกมส์ให้ดี กลุ่มอสูรกายแมลงสาบทางใต้ มันเริ่มปฎิบัติการแล้ว

ข่าวสารดังกล่าวเริ่มต้นดังนี้ครับ
หลัง จากที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ (นปช.) ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน ถึงกรณีที่ นปช. จะขอให้รัฐบาล ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เยียวยาผู้ทีได้รับผลกระทบจาก เหตุการณ์สลายการชุมนุม พ.ค. 53 โดยให้ญาติผู้ที่เสียชีวิต ทั้ง 91 ศพ รายละ 10 ล้านบาท นั้น

ข่าวสารในจุดนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อาสาสมัครรักษาดินแดน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ แม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐในส่วนอื่น ๆ และ พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้ทำหน้าที่ปกป้องรักษาประเทศชาติ ดูแลรักษาความสงบสุขในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ซึ่งทางรัฐบาลได้ช่วยเหลือเยียวยา เพียงรายละ 200,000 – 500,000 บาท เท่านั้น ซึ่งถ้าหากรัฐบาล ได้ทำตามข้อเสนอของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ ยังเป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ (นปช.) ก็จะเกิดคำถามแก่ครอบครัวของผู้ที่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่ว่าผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ แม้แต่ปฏิบัติหน้าที่ในภูมิภาคอื่นของประเทศ ว่าจะเป็นการปฏิบัติที่ไม่มีความเท่าเทียมกัน จะเป็นการให้ความช่วยเหลือแบบ 2 มาตรฐาน อย่างแน่นอน

นางสุดาพร จอมคำสิงห์ ภรรยาของ นายสนิท จอมคำสิงห์ อาสาสมัครรักษาดินแดน อ.เมืองยะลา ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ขณะขับขี่รถ จยย. กลับบ้านพัก หลังจากเสร็จสิ้นการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยครู เหตุเกิดบนถนนสายทางลัดลำใหม่ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.53 ที่ผ่านมา ซึ่งต้องขาดผู้นำครอบครัว ต้องดูแลแม่ที่แก่ชรา เพียงลำพัง รายนี้ กล่าวว่า การที่มีการเรียกร้องเงินเยียวยา ผู้ที่เสียชีวิต เหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง ที่กรุงเทพฯ รายละ 10 ล้านบาท มันสิ่งที่ไม่ยุติธรรม และ ไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบกันได้ เพราะตนเองต้องสูญเสียผู้นำครอบครัว

ในส่วนที่กรุงเทพฯเกิดจากเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง แต่ผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 3 หวัดชายแดนภาคใต้เกิดจากการดูแลปกป้องบ้านเมือง และเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรคืบหน้า เหตุการณ์ก็เกิดมาหลายปีแล้ว

สำหรับเงินเยียวผู้ได้รับผลกระทบ ตนเองได้รับมาจำนวน 500,000 บาท ถ้าหากว่าทางกรุงเทพ ฯ เรียกร้องเป็นเงินรายละ 10 ล้านบาท ไม่ยุติธรรมเอามากๆ ตนเองอยากให้ทางรัฐบาลลงมาดูแลพื้นที่บ้าง ว่าพื้นที่เป็นยังไง ซึ่งทุกวันนี้คนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เหมือนถูกทอดทิ้ง ทางรัฐบาลไม่เคยลงมาดูแลจริงๆเลย

นายนิมุ มะกาเจ ผู้ทรงคุณวุฒิจังหวัดยะลา และประธานสภาที่ปรึกษาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดยะลา ในฐานะผู้นำศาสนาที่เฝ้ามองปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ กล่าวว่า กรณีการชดเชยเงินแก่ผู้ที่เสียชีวิต หรือ ผู้เสียหาย ที่ กรุงเทพฯ นั้น ในบัญญัติศาสนาอิสลาม ไม่ได้ระบุถึงค่าตัวราคาชีวิตมนุษย์ในการตาย ชดเชยด้วยราคาเท่าไร เพียงแต่บอกว่า ชีวิตต่อชีวิต ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในกรณีผิดกฎหมายซารีอะห์ คือ ฆ่าเขา เมื่อถูกเขาฆ่า ตัดมือเขาเมื่อเขาตัดมือ มิได้กำหนด ชดใช้ราคากี่บาท

ซึ่งเหตุการณ์ที่มีการชุมนุมที่กรุงเทพฯของกลุ่มเสื้อสีต่างๆ มีการบาดเจ็บ พิการ และ ล้มตาย ก็ได้มีการเรียกร้องราคาผู้เสียหาย ผู้บาดเจ็บ ผู้พิการ และ ผู้เสียชีวิต เป็นเรื่องอำนาจ พลังของกลุ่มผู้เรียกร้อง หรือ บุคคลในการต่อรองเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะกลุ่มที่เขามี ถ้าหากรัฐบาลยอมชดใช้จากเหตุการณ์ที่อ้างทำเพื่อบ้านเมือง ก็ต้องกำหนดมาตรฐานทั่วไปเป็นแนวปฏิบัติ โดยขอให้รวมทั้งเหตุการณ์เพื่อบ้านเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปด้วย ผู้ที่ได้รับการชดเชยชดใช้แต่ละคน จะเปรียบเทียบความสมดุลพอดี การได้ที่มากกว่า การได้ที่น้อยกว่า ตั้งแต่การชดเชยชดใช้ ในกรณีเหตุการณ์ ที่มัสยิดกรือเซะ จ.ปัตตานี เหตุการณ์การสลายการชุมนุม หน้า สภ.ตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส

ผช.ศ.ดร.สมบัติ โยธาทิพย์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวว่า ตนเองอยากให้คำนึงถึงมาตรฐาน วันนี้มีการเรื่องร้องแบบ 2 มาตรฐาน ถ้าหากว่าจะมีการทำสักที่หนึ่ง หรือ สักจุดหนึ่ง อย่างเช่น ในกรุงเทพฯ ที่ราชประสงค์ รัฐบาลก็ต้องกลับมามองในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยว่า คนเหล่านี้ที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เกิดการสูญเสีย เช่นกัน มีการสูญเสียของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อส. อรบ. ชรบ. พลเรือน ครู และ ที่สำคัญคือ พี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์

ซึ่งคนเหล่านี้ต้องได้รับมาตรฐานเดียวกันกับในกรุงเทพฯ ได้รับ เพราะฉะนั้น ตนเองอยากให้คำนึงถึงพี่น้องประชาชน และ เจ้าหน้า ที่ ที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะต้องยืนหยัดต่อสู้ปกป้องอธิปไตย เรื่องของแผ่นดิน ที่ต้องเสียสละชีวิต เพื่อทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินไทย คนเหล่านี้ ต้องได้รับเหมือนกับคนกรุงเทพฯเรียกร้องเช่นกัน เป็นอย่างน้อย ถ้าหากในส่วนของคนกรุงเทพฯได้มากขึ้น ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการสูญเสีย ก็ควรจะได้รับเป็นมาตรฐานในส่วนเดียวกันกับกรุงเทพฯ

เป็นยังไงบ้างครับ ความคิดเห็นของบุคคลที่ได้รับผลกระทบโดยตรงต่อเหตุการณ์ ความคิดเห็นของบุคคลผู้อาวุโส และนักวิชาเกิน แบบทางเมืองหลวง กทม. ใครจะเจ๋งกว่าใครระหว่าง จชต.กับ กทม.

ทีนี้เราก็มาลองคำนวณตัวเลขค่าเยียวยาสำหรับทางชายแดนใต้กันบ้าง ว่ามันจะระทึกใจแค่ไหน

จากข้อมูลของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เดือน สิงหาคม 2554

ข้อมูลจาก ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้รายงานสถิติเหตุรุนแรงในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ประกอบด้วยจังหวัด ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ได้แก่ อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี ดังนี้...

ปี 2547 มีผู้เสียชีวิตตลอดปี 2547 ทั้งหมด 566 คน บาดเจ็บ 639 คน เจ้าหน้าที่รัฐ เสียชีวิต 179 คน บาดเจ็บ 278 คน ประชาชน เสียชีวิต 271 คน บาดเจ็บ 351 คน และคนร้ายเสียชีวิต 116 คน

ปี 2548 เกิดเหตุการณ์ 1,889 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 574 คน บาด เจ็บ 1,113 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิต 209 คน บาดเจ็บ 409 คน ประชาชน เสียชีวิต 355 คน บาดเจ็บ 686 คน คนร้าย เสียชีวิต 10 คน บาดเจ็บ 18 คน

เหตุการณ์ห้วงระยะเวลา รัฐประหาร 2549 จนถึงรัฐบาลชุด “ดีแต่พูด”กระเด็นตกเก้าอี้

ปี 2549 เกิดเหตุการณ์ 2,064 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 648 คน บาด เจ็บ 1,187 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เสียชีวิต 222 คน บาดเจ็บ 373 คน ประชาชน เสียชีวิต 410 คน บาดเจ็บ 799 คน คนร้าย เสียชีวิต 16 คน บาดเจ็บ 15 คน

ปี 2550 เกิดเหตุการณ์ 2,664 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 943 คน บาด เจ็บ 1,687 คน แบ่งเป็น เจ้า หน้าที่รัฐ เสียชีวิต 221 คน บาดเจ็บ 567 คน ประชาชน เสียชีวิต 678 คน บาดเจ็บ 1.111 คน คนร้าย เสียชีวิต 44 คน บาดเจ็บ 9 คน

ปี 2551 มีเหตุการณ์ 1,067 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 536 คน บาดเจ็บ 970 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เสียชีวิต 155 คน บาดเจ็บ 504 คน ประชาชน เสียชีวิต 339 คน บาดเจ็บ 455 คน คนร้ายเสียชีวิต 42 คน บาดเจ็บ 11 คน

ปี 2552 มีเหตุการณ์ไม่สงบ 919 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 544 คน บาดเจ็บ 1,035 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 51 คน บาดเจ็บ 305 คน ประชาชนเสียชีวิต 455 คน บาดเจ็บ 728 คน คนร้ายเสียชีวิต 38 คน บาดเจ็บ 2 คน

ปี 2553 มีเหตุการณ์ไม่สงบทั้งหมด 922 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต ทั้งหมด 489 คน บาด เจ็บ 938 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เสียชีวิต 41 คน บาดเจ็บ 334 คน ประชาชนเสียชีวิต 428 คน บาดเจ็บ 604 คน คนร้ายเสียชีวิต 20 คน

ปี 2554 ม.ค.-มิ.ย. ตลอด 6 เดือน มีเหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น 479 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต ทั้งสิ้น 262 ราย แยกเป็นประชาชน 223 ราย ทหาร 29 นาย และตำรวจ 10 นาย

ผู้เสียชีวิต เฉพาะประชาชน เท่านั้นน่ะครับ รวม 3,159 คน (ไม่นับผู้บาดเจ็บ) ก็ลองเอา 10 ล้านคูณเข้าไป ว่ามันจะเป็นเงินเยียวยามหาศาลแค่ไหน

ปัญหานี้แก้ไขง่ายนิดเดียว ถ้ารัฐบาลจะรักษาไว้ซึ่ง หนึ่งมาตรฐาน ก็เพียงแต่ตัดงบบ้าๆบอๆของ ศอ.บต.ส่วนนึง งบโคตรลับ ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนนึง ที่ไม่เกี่ยวกับงบอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งเงินเดือน เบี้ยเลี้ยง เงินค่าเสี่ยงภัย ของเจ้าหน้าที่ เท่านี้รัฐบาลก็พอจะหายใจสะดวกขึ้น มิฉะนั้นแล้วเชื่อขนมกินได้เลย สารพัดปัญหา สารพัด

สถานการณ์ สารพัดเหตุการณ์ความรุนแรง มันจะถาโถมเข้าหารัฐบาล นายกหญิงยิ่งลักษณ์ มากเสียยิ่งกว่าสมัยท่านนายกแม้ว ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ พวกมันเอาจริงๆด้วย จะบอกให้

คอยติดตาม แผนถล่มรัฐบาล “ปู” ในตอนต่อไปน่ะครับ........