ยิ่งลักษณ์ สมัยเป็นนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ยิ่งลักษณ์สมัยสาวๆ
เมื่อตอนแต่งงาน กับอนุสรณ์ อมรฉัตร
กับพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร
สมัยสาวๆ
เมื่อครั้งนั่งแท่นผู้บริหาร บริษัท เอสซี แอสเซท จำกัด
ปราศรัยใหญ่ เพื่อไทย
กับหลานโอ๊ค-เอม-อิ๊ง ระหว่างหาเสียง
กล่าวขอบคุณประชาชนทุกเสียงที่เลือกพรรคเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทยแถลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ พรรคชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน พลังชล และมหาชน
น้องไปป์ ป้อนข้าวแม่ปู
ไม่เสียแรงเปล่า กับ "กำลังและพลัง" ที่ทุ่มไป.... สำหรับ พรรคเพื่อไทย ที่กำชัยชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นพรรคเสียงข้างมากอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล นั่น (อาจจะ) ส่งผลให้ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับหนึ่ง ขึ้นแท่น "ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิง" พลิกประวัติศาตร์การเมืองไทย เป็นคนแรก ?
จะด้วยบารมี จาก แรง "ผลัก ดัน เข็ญ" สุดตัวของ พี่ชาย ที่ชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" หรือ "ความศรัทธา" ของประชาชน (โดยเฉพาะมวลชนเสื้อแดง) ที่มีต่อ "พรรคเพื่อไทย" ขวัญใจรากหญ้า ก็มิทราบได้ แต่ ณ วันนี้ ชื่อของ ยิ่งลักษณ์ ดังไกลไปทั่วโลก ถึงขนาดที่สำนักข่าวต่างประเทศประโคมข่าวดัง ว่า ไทย กำลังจะได้ผู้นำคนใหม่ เป็นผู้หญิง เมื่อผลการนับคะแนนเสียงการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ปรากฎแจ่มชัดออกมา ว่า "ใคร" มาวิน
เส้นทางชีวิตของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" มานอนๆ เดินนิ่งๆ หาเสียงเพียง 6 สัปดาห์ เธอก็ได้ขึ้นแท่น ว่าที่นายกรัฐมนตรี ทันที...
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชื่อเล่นว่า ปู เป็นน้องนุชสุดท้องในจำนวน 11 คน ของ นายเลิศ และนางยินดี ชินวัตร (ระมิงวงศ์) และยังเป็นน้องเลิฟสุดๆ ของอดีตนายกรัฐนมตรี คนที่ 23 ของประเทศไทย ซึ่งเธอและเขา มีอายุห่างกันถึง 18 ปี
ปู ยิ่งลักษณ์ จบ ม.ต้นที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ และเรียนต่อ ชั้นม.ปลายที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กระทั่งสำเร็จปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อปี 2531 ก่อนจะบินลัดฟ้าไปต่อโท ด้านรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต ที่มหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตต สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2533
หลังสำเร็จการศึกษา ได้เข้าทำงานที่ บริษัท ชินวัตร ไดเร็กทอรี่ส์ จำกัด ในฐานะ"พนักงานขายฝึกหัดด้านการตลาด หรือ"เซลส์แมน" ขายโฆษณาเยลโล่เพจเจส (สมุดหน้าเหลือง)
ปี 2537 ได้ย้ายไปเป็นผู้จัดการทั่วไปบริษัท เรนโบว์ มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจด้านโฆษณา
กระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส เมื่อปี 2545 รับหน้าที่บริหารธุรกิจสื่อสารคมนาคมที่มีมูลค่าหลักหมื่นล้าน
ครั้น ในปี 2549 ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ป ให้แก่ เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของรัฐบาลสิงคโปร์ ยิ่งลักษณ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งในเอไอเอส โดยยังดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอสซี แอสเซท จำกัด อีกหนึ่งธุรกิจอหังสาริมทรัพย์ของ ตระกูล ชินวัตร เพียงตำแหน่งเดียว
ยิ่งลักษณ์ ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ในมือทั้งหมด เพื่อทำกำไรออกไปก่อน ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2548 ก่อนจะลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท เพื่อมาลุยการเมืองกับพรรคเพื่อไทยแบบเต็มตัว ในฐานะ "ตัวแทนสายตรง" ของพี่แม้ว ....เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมา หลังประกาศการยุบสภา ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีสุดหล่อ ที่สุดท้ายแล้วก็ยอมศิโรราบผลเลือกตั้งพ่ายให้กับ กระแส เพื่อไทย และ ความสาว สวย เก่ง ปราดเปรียว ดีกรี "น้องทักษิณ" ของ "ยิ่งลักษณ์" แต่โดยดี ด้วยคะแนนเสียงที่นั่งพรรคประชาธิปัตย์ ที่เพลี่ยงพล้ำน้อยกว่า จน พี่มาร์ค ทนไม่ได้ต้องประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค
ด้านครอบครัวยิ่งลักษณ์ สมรสแบบไม่จดทะเบียนกับนายอนุสรณ์ อมรฉัตร อดีตผู้บริหารในเครือบริษัท ซีพี และ(อดีต)กรรมการผู้อำนวยการบริษัท เอ็ม ลิงก์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ของนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่สาวคนที่ 5 ในตระกูลชินวัตรเมื่อปี 2538 มี ด.ช.ศุภเสกข์ หรือ น้องไปป์ บุตรชายวัย 9 ขวบ เป็นโซ่ท้องคล้องใจความรักแบบไม่ค่อยอยากเปิดเผยมายาวนานถึง 16 ปี ...
ในวัย 44 ปี กับก้าวแรกบนเส้นทางการเมือง ด้วยการลุ้นตำแหน่งว่าที่ผู้บริหารประเทศ เป็นงานโคตรช้าง หาใช่เรื่องเล่นๆ กับการฝากอนาคตของประเทศ ไว้กับผู้หญิง ตัวเล็กๆ ที่ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ไม่เคยผ่านประสบการณ์ทางด้านการเมืองมาก่อนเลย แม้แต่น้อย จึงเป็นบทพิสูจน์ นโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่วางมาหลายด้าน โดยเฉพาะการชูแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ทั้งเรื่องรายได้จากการทำมาหากิน การศึกษา ที่เอาใจคนรากหญ้า และชนชั้นกลาง รวมไปถึงการเดินหน้าสร้างความปรองดองสามัคคีในชาติให้กลับคืนมา(อีกครั้ง) ด้วยการจับมืออีก 4 พรรคร่วมรัฐบาลไปแล้ว เพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ลืมเรื่องอดีตที่ผ่านมาแล้วเริ่มต้นกันใหม่ พร้อมกับย้ำหนักแน่นจะไม่มีการนิรโทษกรรมเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง....
สาวปู และเพื่อไทย จะทำได้อย่างที่พูด หรือเป็นเพียงแค่ราคาคุยไม่ต่างจากพรรคการเมืองคู่แข่ง คงต้องจับตาต่อไปหลังจากนี้ ก็ได้แต่เฝ้าภาวนาให้ชาติของเรามีแนวโน้มสู่ทางที่ดีกว่า ...รอกันได้หรือ เปล่าคะพี่น้องงงงงงงง