ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 28 July 2011

วิสาสะกับพฤกษ์ เถาถวิล: คำถามถึงนักปฏิรูป….ก่อนปฏิรูปกันต่อไป

ที่มา ประชาไท

บทความของพฤกษ์ เถาถวิล เรื่อง คำถามถึงนักปฏิรูป….ก่อนปฏิรูปกันต่อไป (http://www.prachatai3.info/journal/2011/07/36186) ดูเหมือนว่า พฤกษ์ วิพากษ์วิจารณ์ “ขุนนางเอ็นจีโอ” อย่างให้ความหวังลึกๆ กับ”ขุนนางเอ็นจีโอ” เพื่อให้พวกเขาทบทวน เพื่อจัก”ตาสว่าง”ขึ้นได้

บทความกล่าวไว้ส่วนหนึ่งว่า …ปรากฏการณ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ทำให้ทฤษฏี “ไม่เป็นเบี้ยล่างในการเมืองของชนชั้นนำ แต่ช่วงชิงใช้ประโยชน์จากสถานการณ์” ซึ่งได้กลายเป็นบรรทัดฐานการเมืองภาคประชาชน จะต้องถูกทบทวน

เสมือนว่า ”ขุนนางเอ็นจีโอ” ยึดหลักคิดที่ว่า “อยู่บนภูดูหมากัดกัน” แต่ผู้เขียนกับมองว่า พวกเขา”ขุนนางเอ็นจีโอ” (ไม่เกี่ยวกับชาวบ้านผู้เดือดร้อนจากปัญหาต่างๆ) มิเพียงไม่ได้อยู่บนภูเท่านั้น พวกเขาลงแรงลงทุนลงคนร่วมและยืนเคียงข้างฝ่ายอำมาตยาธิปไตยเลยทีเดียว

พวกเขามีจุดยืน วิธีคิด และผลประโยชน์”แบบปฏิกิริรยาล้าหลัง” ต่างหากที่เป็นปัจจัยให้พวกเขาเคลื่อนไหวเช่นนั้น

บทความพฤกษ์ ยังพูดถึง ทำนองว่า ”ขุนนางเอ็นจีโอ” มองจังหวะการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุด ก็คือจังหวะที่รัฐ/รัฐบาลอยู่ในฐานะเป็นรองทางการเมือง นั่นคือนาทีทองที่ภาคประชาชนจะช่วงชิงโอกาสเข้าไปกดดันให้รัฐ/รัฐบาลตอบสนองข้อเรียกร้องของตน

ผู้เขียนมองว่า ขออ้างดังกล่าวเพียงทำให้ดู “ฉลาด” และฉวยโอกาสเท่านั้นเอง

เนื่องเพราะทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 รวมทั้งการยอมรับการมีส่วนสนับสนุนรับร่างรัฐธรรมนูญ 50 ของ อำนาจเผด็จการ คมช . (พวกเขา”ขุนนางเอ็นจีโอ” ชอบวาทกรรม “คนดีมีศีลธรรม” ทั้งระดับตัวบุคคล และระดับองค์กร ควรที่ได้รับการ "แต่งตั้งจาก คมช. ซึ่ง ควรพิจารณา "วิจารณ์ตนเอง” อย่างเร่งด่วนในเรื่อง จริยธรรม และจรรยาบรรณในวิชาชีพ)

ผู้เขียนได้เห็นการเคลื่อนไหว บทบาทที่ผ่านมา โดยภาพรวมทั่วไป พวกเขา "ขุนนางเอ็นจีโอ” เคลื่อนไหวทั้งโดยตรง เปิดเผย ซ่อนเร้น แนบเนียน ร่วมมืออย่างใกล้ชิด มีระยะห่าง แต่ “ธงเดียวดัน” นั่นคือ เชียร์รัฐประหาร เกลียดทักษิณ เกลียดนักการเมือง (ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์) และไม่เคารพหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงของประชาชนทั้งประเทศนั่นเอง (ลองย้อนดูข่าวสารต่างๆจากสื่อในช่วงนั้นได้)

ผู้เขียนสรุปรวบยอดว่า พวกเขา ”ขุนนางเอ็นจีโอ” ไม่นิยมระบอบประชาธิปไตย เลือกข้างสีเหลือง และรับใช้อำนาจนอกระบบประชาธิปไตยนั่นเอง

ในส่วนของบทบาททีวีไทยนั้น ผู้เขียนเห็นด้วยกับพฤกษ์ อย่างยิ่ง และมองประมวลสังเคราะห์แล้วพบว่า ทิศทางหลักของข่าวสารกระทำตนเป็นเครื่องมือของฝ่ายอำมาตยาธิไตย มีฐานความคิดเพื่ออำมาตยาธิปไตย แต่ใช่กลยุทธหลอกลวง

หากไตร่ตรองให้รอบด้านจะเห็นว่า เนื้อแท้ชี้นำหลักของข่าวไม่ยอมรับสิทธการเลือกตั้ง หนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงของประชาชน นิยมชมชอบเผด็จการ เชียร์การรัฐประหารมาตลอด เสนอวาทกรรม นักการเมืองเลว แต่ฝ่ายเดียว โดยไม่ตรวจสอบ ไม่วิพากษ์วิจารณ์ระบบอำมาตย์ มือที่มองไม่เห็น บทบาทกองทัพ

ทีวีไทยได้ร่วมมือกับขุนนางเอ็นจีโอ และขุนนางนักวิชาการที่ไม่นิยมประชาธิปไตย สร้างภาพ ตลอดทั้งหลายครั้งที่ผ่านมาว่า กระทำข่าว “เพื่อภาคประชาชน” แต่เป็นการสร้างพรรคพวกประชาชนส่วนน้อยของขุนนางเอ็นจีโอ แต่ไม่ยอมรับเสียงประชาชนส่วนใหญ่ในแผ่นดิน

สร้างภาพเหมือนต้องการแก้ไขปัญหาประชาชน ดิน น้ำ ป่า สิ่งแวดล้อม ฯลฯ แต่ไม่นิยมประชาธิปไตย

สร้างความเชื่อว่า ปัญหาดิน น้ำ ป่า สิ่งแวดล้อม ฯลฯ สำคัญกว่าประชาธิปไตยของประเทศ ในช่วงที่มีการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างเข้มข้น กลับไม่ทำหน้าที่และบิดเบือน (โฉนดชุมชนก็ยังไม่คืบหน้า แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์สร้างภาพได้ใหญ่โต ในช่วงที่ถูกวิจารณ์สังหารคนเสื้อแดงกลางเมืองหลวง)

รวมทั้งหลายครั้งเสนอชี้นำข่าวสารที่ล้าหลังโดยเฉพาะเรื่องพิพาทไทย-เขมร ได้เสนอชี้ชวนให้ประชาชนคนดูคลั่งชาติและบ้าสงครามกับเพื่อนบ้านตามแนวทางเดียวกันกับพันธมิตรฯ

จึงเป็นเพียง “สื่ออิสระจอมปลอมและปฏิกิริยาล้าหลัง” แต่สร้างภาพให้ดูดี มีส่วนประกอบบางรายการให้เสมือนเป็นสื่อที่เป็นกลาง อิสระ รักความเป็นธรรม แต่ภาพรวมรับใช้ระบอบอำมาตยาธิปไตยอย่างมิอาจปฎิเสธได้

ผู้บริหารบางคนก็เป็นญาติใกล้ชิดกับผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักข่าวเดอะเนชั่น ที่จุดยืนรับใช้พรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน?

ขอชวนพฤกษ์ มองเลยไปจากบทความว่า พวกเขา “ขุนนางเอ็นจีโอ” ยังได้เข้ายึดครองตำแหน่ง “องค์กรอิสระ” ซึ่งโดยปรัชญาพื้นฐานขององค์กรอิสระ ต้องรับทำหน้าที่ ส่งเสริมสนับสนุน และมีจุดยืนเคียงข้างระบอบประชาธิปไตย

โดยพวกเขา ขุนนางเอ็นจีโอ สยายปีกได้ส่วนหนึ่ง พวกเขายึดองค์กรอิสระ (อิสระจากประชาธิปไตย) ที่สำคัญคือ สสส. สกว. พอช. สถาบันพัฒนาการเมือง

และการเคลื่อนไหวในรอบห้าปีที่ผ่าน กลับปรากฎให้เห็นธาตุแท้ของพวกเขาเหล่านั้น หาได้กระทำตนเช่นปรัชญาพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด

กลับกระทำตนฝืนเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ แม้ชอบอ้างกันเองว่าพวกตนเป็น “คนดีมีศีลธรรม”

ถึงเวลาต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหาร สสส. สกว. พอช. สถาบันพัฒนาการเมือง เพื่อไม่ให้บุคคลที่สนับสนุนอำนาจพิเศษทั้งหลายครอบงำองค์กรอิสระเหล่านี้ เพื่อมิให้ลัทธิประเวศและลัทธิอานันท์มีอิทธิพลต่อหลายองค์กรเหล่านี้อย่างที่เห็นและเป็นอยู่

เพื่อมิให้บุคคลเหล่านี้ใช้อำนาจสืบทอดตำแหน่งกันภายในแวดวงแคบๆ ของพวกเขา และอ้างเป็น “ภาคประชาชน” ซึ่งมักจะอนุมัติงบประมาณกันภายในกลุ่มของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วไม่สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย ร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรฯ สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด ไม่ทราบว่าใช้งบประมาณส่วนนี้ด้วยหรือไม่ ?

ไม่เคยเปิดเผยฐานะการเงิน การใช้จ่ายงบประมาณอย่างโปร่งใส หลายคนมีหลายตำแหน่ง ไม่ทราบว่ารับเงินเดือนหลายตำแหน่งด้วยหรือไม่ ? จึงต้องดำเนินการตรวจสอบ เปิดเผยข้อเท็จจริง

”ขุนนางเอ็นจีโอ”ยังร่วมมือกับ”ขุนนางวิชาการ” อีกหนึ่งองค์กร คือ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในห้วงที่อำนาจเผด็จการอำมาตย์คมช.หยิบยื่นให้ ซึ่งปัจจุบันคณะญาติวีรชน กำลังเรียกร้องให้ลาออกอยู่ เนื่องจากที่ผ่านมานั้นได้กระทำตนเป็นกรรมการปกป้องการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐ โดยเฉพาะกรณีการล้อมปราบสังหารประชาชน 92 ศพ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ขณะนี้

ทั้งใช้งบประมาณจำนวนมาก ทั้งเงินเดือน ทั้งรถประจำตำแหน่ง แต่กลับไม่รับใช้ประชาชนที่ถูกเข่นฆ่ากลางเมืองหลวง ไม่เคารพสิทธิมนุษยชนเหมือนชื่อองค์กร

ผู้เขียน จึงมิอาจฝากความหวังให้กับ “ขุนนางเอ็นจีโอ” ได้ เพราะห้วงห้าหกปีที่ผ่านมา ย่อมพิสูจน์ ธาตุแท้ กันได้แล้วกระมั้ง ?

ว่า พวกเขาคือ “พลังปฏิกิริยาอนุรักษ์นิยมล้าหลัง” หาใช่ “พลังก้าวหน้าเพื่ออนาคต ” แต่อย่างใด

พฤกษ์ว่าไหม ?