คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด
หลังกกต.มีมติรับรองว่าที่นายกฯหญิงเข้าสู่สภา
เมื่อการเมืองสดใส-เศรษฐกิจก็ตื่นตัวขึ้นเช่นกัน
วัดได้จากตลาดหุ้นไทยที่เด้งรับกกต.รับรอง"ยิ่งลักษณ์"
บวกไปถึง 12.83 จุด เกือบแตะ 1,100 จุด มูลค่าการซื้อขายกว่า 3.7 หมื่นล้านบาท
แต่ถึงแม้จะรอดพ้นจากมลทิน"ผัดหมี่" และบ้านเลขที่ 111 ร่วมหาเสียง
ก็ยังมีขวากหนามรออยู่ข้างหน้า
เช่น กรณีที่นายแก้วสรร อติโพธิ และหมอตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ยื่นดีเอสไอให้เอาผิด "ยิ่งลักษณ์" ข้อหาให้การเท็จคดีซุกหุ้น
เป็นระเบิดเวลาที่รอแค่การจุดชนวนเท่านั้น !?
กรณีที่ม็อบเหลืองยื่นร้องยุบพรรคเพื่อไทย
กล่าวหาทำผิดกฎหมายเลือกตั้งบ้าง เป็นนอมินีบ้าง
ทั้งสองกรณีมีเป้าหมายเดียวกันคือต้องการให้"ยุบ"พรรคเพื่อไทย
เป็น"การปฏิวัติทางกฎหมาย"ที่คนทั้งประเทศจับจ้องอยู่ว่าจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือเปล่า !?
ฉะนั้น จากนี้ต่อไป "ยิ่งลักษณ์" ยังต้องเผชิญกับอุปสรรคอีกเยอะ
รวมทั้งอุปสรรคที่สำคัญก็คือนโยบายของ "ยิ่งลักษณ์" ของพรรคเพื่อไทยที่เคยรับปากไว้กับพี่น้องประชาชน
เพราะ มีคนจ้องจับตานโยบายต่างๆ ทั้งค่าแรง 300 บาท เงินเดือน 15,000 บาท จำนำราคาข้าว พักหนี้เกษตรกร บัตรเครดิตเกษตรกร เลิกกองทุนน้ำมัน ฯลฯ
จะทำได้จริงตามที่หาเสียงไว้หรือไม่
ยังมีอีกเรื่องที่ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่
ปัญหาไทย-เขมรกรณีเขาพระวิหาร หลังศาลโลกมีคำสั่งให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอนทหารออกจากพื้นที่พิพาท
เริ่มจากการคัดเลือกคนดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศคนใหม่
ต้องเป็นคนที่เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและนานาชาติ
ความจริงแล้วปัญหาไทย-เขมรจะไม่รุนแรงและลุกลามเช่นนี้เลย
หากรัฐบาลที่แล้วรู้จักเลือกคนที่"เหมาะสม"เป็นรมว.ต่างประเทศ
และไม่นำเรื่องการเมืองภายในไปผูกโยงกับการเมืองระหว่างประเทศ
จนนำไปสู่ภาวะ"คลั่งชาติ"ของคนบางกลุ่ม ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้คนตามแนวชายแดน
ภารกิจนี้จึงถือว่าเป็นการพิสูจน์ฝีมือนายกฯหญิงของไทยทีเดียว !?