เหล็กใน
มันฯ มือเสือ
ถึงปัญหาภายในพรรคที่กำลังระส่ำระสาย
ภายหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แสดงสปิริตลาออกจากหัวหน้าพรรค เพื่อรับผิดชอบผลเลือกตั้งของพรรคที่แพ้ขาดลอยให้กับพรรคเพื่อไทย
มีผลให้กรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ พ้นสภาพตามไปด้วย รวมถึงตำแหน่งเลขาธิการพรรคที่เคยเป็นของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
นายพิเชษฐยอมรับว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สถาน การณ์ของพรรค 'ถดถอย' ลงไปมาก ถึงเวลาแล้วจะต้องปรับปรุงองค์กรครั้งใหญ่
หัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น นายพิเชษฐไม่ได้พูดชัดๆ ว่าใครควรมาแทนนายอภิสิทธิ์ แล้วก็ไม่ว่าอะไรถ้านายอภิสิทธิ์จะกลับมารับตำแหน่งอีกสมัย
เพียง แต่กรรมการบริหารพรรคชุดต่อไปควรผสมผสานระหว่างคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่า ต้องเป็นที่ยอมรับของคนในพรรคและชาวภาคใต้ที่เป็นฐานเสียงใหญ่
แต่ ในส่วนเก้าอี้เลขาฯ พรรค นายพิเชษฐเจาะจงเสนอชื่อ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช โดยอ้างผู้ใหญ่ในพรรค ส.ส.ส่วนมากของพรรค ประธานและกรรม การสาขาพรรคทั่วประเทศ
ต่างเห็นด้วยว่าคุณหญิงกัลยาเหมาะสมกับหน้าที่นี้
อย่างไรก็ตาม แต่ไหนแต่ไรพรรคประชาธิปัตย์มีสูตรอยู่ว่า
ถ้าหัวหน้าพรรคมาจากภาคใต้ เลขาฯ พรรคก็มาจากภาคอื่นได้ แต่หากหัวหน้าพรรคมาจากภาคอื่น เลขาฯ พรรคก็ควรมาจากภาคใต้
ยกตัวอย่างที่แล้วมา เช่น ชวน-สนั่น, บัญญัติ-ประดิษฐ์, อภิสิทธิ์-สุเทพ เป็นต้น
หนนี้ก็เช่นกัน นายพิเชษฐเห็นว่าหัวหน้าพรรคและเลขาฯ พรรคควรมาจากคนละภาคอย่างที่เป็นอยู่ โดยคนหนึ่งคนใดต้องมาจากภาคใต้
เนื่อง จากพรรคมีส.ส.ภาคใต้มากถึง 50 ที่นั่ง ถ้าไม่มีหัวหน้าหรือเลขาฯพรรคมาจากภาคใต้ ให้ระวังอีกหน่อยคนใต้จะทอดทิ้งพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งก็เป็นเหตุผลของนายพิเชษฐที่ไม่ตรงกับความเห็นของอีกหลายคนในพรรค
เพราะถ้าดูจากสูตรที่นายพิเชษฐเสนอให้คุณหญิงกัลยา ซึ่งเป็นคนในโควตาภาคกทม. มาเป็นเลขาฯ พรรค แสดงว่าหัวหน้าพรรคก็ต้องมาจากภาคใต้
ดูยังไงๆ นายอภิสิทธิ์ก็ไม่เหมือนคนใต้เลยสักนิด