ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 28 July 2011

ประธานสภา

ที่มา มติชน



โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข

(ที่มา คอลัมน์สถานีคิดเลขที่ 12 หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 27 กรกฎาคม 2554)

วันพุธหรือพฤหัสบดีนี้ กกต.คงรับรอง ส.ส.ได้ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ หรือ 475 คนจากทั้งสภา 500 คน

เว้น ช่วงเวลาให้ ส.ส.ได้มารายงานตัว พอวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคม ครบกำหนด 30 วันนับจากวันเลือกตั้ง ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องเรียกประชุมรัฐสภา เพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมครั้งแรก

จะต้องมีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา อย่างที่นายพิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการรัฐสภา ให้ข่าวไว้ว่า สำนักงานเลขาฯเตรียมความพร้อมที่จะจัดรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาในวันดังกล่าวไว้แล้ว

หลัง จากนั้น สามารถเรียกประชุมสภาผู้แทนฯนัดแรกเพื่อเลือกประธานสภาได้ทันที โดยอาจจะเว้นระยะนัดหมายในวันถัดๆ ไป อย่างที่พรรคเพื่อไทยกาไว้ในปฏิทินพรรคว่าจะเป็นวันที่ 3 สิงหาคม

บาง สมัยรีบร้อน เรียกประชุมต่อเนื่องจากรัฐพิธี บรรยากาศคึกคักไปอีกแบบ เพราะ ส.ส.ไม่ได้เปลี่ยนชุด ต้องไปนั่งประชุมกันทั้งชุดเครื่องแบบขาวที่สวมในรัฐพิธี

หลังจากได้ประธานสภาจึงไปเรียกประชุมสภากันอีกนัด เพื่อหาตัวนายกฯกันต่อไป

สำหรับประธานสภาผู้แทนฯ หลังจากมีโผออกมาหลายโผ รวมถึงชื่อของ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานฯที่ถือเป็นขวัญใจคนเสื้อแดงอีกคนหนึ่ง

แต่ความน่าจะเป็นอยู่ที่ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ หรือขุนค้อนจากขอนแก่น

ตำแหน่งประธานสภามีความสำคัญอย่างมาก พรรคที่ได้เสียงข้างมากจะคิดแค่ตำแหน่งนายกฯตำแหน่งเดียวไม่ได้

แต่จะต้องคิดถึงคนที่จะทำหน้าที่นำชื่อนายกฯขึ้นกราบบังคมทูลฯด้วย

ต้องคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน และด้วยความมั่นใจว่าจะไม่แปรพักตร์เป็นอื่น

หลายพรรคมีบทเรียนจากตำแหน่งนี้มาแล้ว ล่าสุดหมาดๆ พรรคเพื่อไทย สมัยชนะเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชาชน เลือก นายชัย ชิดชอบ มานั่งประธานสภา

วันดีคืนดี พรรคพลังประชาชนถูกยุบ ตำแหน่งประธานสภาย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทยที่แตกตัวออกไป

รายการพลิกขั้วการเมืองที่ลือลั่นที่เกิดขึ้นได้ก็เป็นผลมาจากตำแหน่งประธานสภานั่นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับการจัด ครม. การหาตัวประธานสภาคงจะราบรื่นกว่า

กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยประชุมกันเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ลงมติมอบหมายให้หัวหน้าพรรค และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้ไปดำเนินการ จัดตัวบุคคลเป็นประธานสภา และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

เป็น ไปตามสูตรของพรรคการเมืองไทยๆ ที่ให้ความสำคัญกับผู้นำพรรค กับอีกเหตุผล เพื่อตัดปัญหา เพราะถ้ามานั่งประชุมจัดกัน อาจจะตีกันตายอยู่ในที่ประชุมนั้นเอง

ตำแหน่งประธานสภารู้ๆ กันไปแล้ว แต่ ครม.จะเป็นจุดหักเหสำคัญของว่าที่รัฐบาลใหม่

ใคร จะเป็นผู้จัด ครม.ตัวจริงก็เป็นประเด็นหนึ่ง แต่ที่สำคัญมากคือ ครม.ตัวจริงจะเป็นคนที่สังคมยอมรับได้หรือไม่ มีความสามารถแก้ปัญหาหรือไม่

เป็นอีกด่านที่ว่าที่นายกฯ ต้องฝ่าไปด้วยตัวเอง