ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เพื่อวางแนวทางการดำเนินงานทางเศรษฐกิจตามนโยบายที่เคยให้ไว้ โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมประชุมหลายคน ประกอบด้วย นายโอฬาร ไชยประวัติ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช นายประภัสร์ จงสงวน นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ นายคณวัฒน์ วศินสังวร นายภาวิช ทองโรจน์ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ นายปลอดประสพ สุรัสวดี นายสันติ พร้อมพัฒน์ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล และนายบัณฑูรย์ สุภัควณิช
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แจ้งภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาล 7 เรื่อง ให้ผู้ที่ร่วมประชุมรับทราบ ประกอบด้วย 1.การสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ โดยให้นายคณิต ณ นคร ในฐานะประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่ง ชาติ (คอป.) ได้ทำการอย่างอิสระและนำไปสู่ความปรองดองได้เร็วที่สุด 2.เตรียมจัดงานเฉลิมฉลองในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระ ชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันถวายพระพรเป็นพระกำลังใจแด่พระองค์ท่าน เพื่อเสด็จความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทยที่มีต่อสถาบัน 3.พลิกฟื้นเศรษฐกิจด้วยการลดค่าครองชีพและเพิ่มรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมกับลงทุนภาครัฐให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วขึ้น
4.เร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับต่างประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้านทั้งเวทีทวิภาคีและพหุภาคี 5.เร่งพัฒนาขวัญและกำลังใจข้าราชการ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน 6.เร่งแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนและสร้างปัญหากับระบบเศรษฐกิจและข้าราชการอยู่ใน ปัจจุบัน โดยจะเร่งตรวจสอบแก้ไขปัญหาทุกอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม และ 7.เตรียมการผลักดันทุกนโยบายที่เสนอไว้ตามที่ได้กล่าวไว้ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่สนามราชมังคลากีฬา โดยจะเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ภายในเวลาที่กำหนด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวในที่ประชุมด้วยว่า ส่วนนโยบายที่จะดำเนินการทันทีภายหลังจากแถลงนโยบายต่อสภา คือ 1.ยกเลิกส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเฉพาะน้ำมันบางชนิด อาทิ เบนซิน 95 ลดลง 7.50 บาท เบนซิน 91 ลดลง 6.70 บาท ดีเซล ลดลง 2.20 บาท 2.แก้ไขปัญหาของแพง 3.ประชุมจัดทำระบบประกันสุขภาพใหม่ ในเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค 4.ประชุมแก้ไขปัญหายาเสพติด 5.เร่งฟื้นความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และ 6.เริ่มดำเนินการตามแผนปรองดองของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) นอกจากนี้อยากให้คณะกรรมการช่วยกันคิดว่า ช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2554 จะทำอะไรบ้าง และวันที่ 1 มกราคม 2555 จะทำอะไรบ้าง และแผนระยะยาวที่จะทำให้ประชาชนตามที่ได้สัญญาไว้ในวันที่ปราศรัยใหญ่เมื่อ วันที่ 1 กรกฎาคม ที่สนามราชมังคลาฯ ที่ผ่านมาด้วย