ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Monday, 25 July 2011

3 สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง ทำไมอภิสิทธิ์มือเปื้อนเลือดยังเป็นนายก?

ที่มา Thai E-News



โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
24 กรกฎาคม 2554

สามสัปดาห์หลังการเลือกตั้ง แต่ไม่มีรัฐบาลใหม่ที่มาจากเสียงประชาชน และอภิสิทธิ์มือเปื้อนเลือดยังเป็นนายกฯ ปรากฏการณ์นี้ตรงข้ามกับหลักการประชาธิปไตยพื้นฐาน

กกต. ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยอำมาตย์และประกอบไปด้วยคนที่ไม่เห็นด้วยกับระชาธิปไตย “เสือก” ในเรื่องของผลการเลือกตั้ง

และพวก “ข้าราชการ”รับใช้อำมาตย์เหล่านี้ คิดว่าตัวเองมีความสำคัญมากกว่าประชาชนไทยหลายล้านคนที่ลงคะแนนเสียง

มันขัดกับหลักการว่าอำนาจอธิปไตยต้องอยู่กับบวงชนพลเมืองไทยโดยสิ้นเชิง และมันเป็นการสืบทอดความคิดดูหมิ่นพลเมืองว่า “ไม่มีวุฒิภาวะ” ที่จะเลือกรัฐบาลหรือ สส. เอง โดยไม่มี “ผู้รู้ชนชั้นกลาง” มาคอยกรอง

นี่คืออคติที่นำไปสู่รัฐประหาร ๑๙ กันยาแต่แรก และวิกฤตการเมืองเรื้อรังของไทย

ในระบบการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ควรเปิดสภาทันที และตั้งรัฐบาล กกต. ไม่ควรมีสิทธิ์อะไรที่จะรับรอง สส. เลย แต่ถ้าพบภายหลังว่า สส. คนไหนโกงการเลือกตั้งจริงๆ ก็ควรจะปลดออกหลังการตั้งรัฐบาลและการเปิดสภา แล้วนำบุคคลเหล่านั้นมาขึ้นศาล

แต่กฏหมายและรัฐธรรมนูญไทยไม่ได้ใช้แนวคิดประชาธิปไตย เน้นความสำคัญของชนชั้นนำมากกว่า นี่คือเรื่องที่ต้องรีบเปลี่ยน

จริงๆ แล้วคุณสมบัติของ สส. ไม่ควรมีอะไรมาก และการ “โกง” การเลือกตั้งต้องเป็นเรื่องใหญ่ๆ ที่สำคัญ เช่นการกดดันให้มีการทุจริตในการนับคะแนน ไม่ใช่เอาเรื่องไร้สาระ เช่นเรื่องการร่วมในขบวนแห่ มาเป็นสาเหตุให้แขวน สส.

เรื่องสำคัญยิ่งที่ควรเป็นเงื่อนไขในการห้ามบุคคลไม่ให้ลงสมัคร รับเลือกตั้งหรือเป็น สส. ที่กกต.ตาบอดมองข้าม คือการที่นายพลสนธิทำรัฐประหาร และการที่ อภิสิทธิ์ และ สุเทพ สั่งให้ทหารฆ่าประชาชนคนเสื้อแดงมือเปล่าที่ต้องการประชาธิปไตย อภิสิทธิ์ และสุเทพ สั่งฆ่าประชาชนเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว เพราะเขารู้ว่าจะแพ้ แบบที่เขาแพ้ปีนี้ นี่ต้องถือว่าเป็น “อาชญากร” ต่อประชาธิปไตย แต่กกต.ยืนยันว่าคนแบบนี้เป็น สส. ได้

สรุปแล้วการขยันทำงานเชิงข้าราชการด้วยความเร็วเท่ากับเต่าล้านปี ของกกต. ไม่ได้ทำเพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย หรือการเลือกตั้งที่เป็นธรรมแต่อย่างใด และไม่ได้ทำเพื่อให้พลเมืองไทยมีอำนาจอธิปไตยสูงสุด

เราต้องยกเลิก กกต. แบบนี้ครับ

ต้องยกเลิกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ที่เต็มไปด้วยทหาร ตำรวจ และเสื้อเหลืองด้วย เพราะรายงานเรื่องการฆ่าประชาชนเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้วก็ยังไม่ออกมาสักที และถ้าออกมาเราก็สงสัยว่าจะปกปิดอะไรบ้างอีกด้วย ทำงานล้าช้าแบบเต่าล้านปีเช่นกัน

และไม่ใช่เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพแต่อย่างใด เรื่องกฏหมาย 112 ก็ไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้คนโดนคดีและติดคุก ไม่มีกรรมการสิทธิ์แบบนี้จะดีกว่า

ทัศนะดูถูกคนส่วนใหญ่โดยผู้มีอำนาจ พวกอำมาตย์ชั้นสูง นายทุนอนุรักษ์นิยม และแม้แต่คนชั้นกลาง เห็นได้อีก จากการออกมาเห่าหอนโวยวายถึงนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันของพรรคเพื่อไทย

ในประการแรก เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งทำงานให้ประเทศร่ำรวยแต่แรก ลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบกับข้อเสนอนี้ ไม่ควรมีผีบ้าคนรวยที่ไหนที่จะมีสิทธิ์ขัดขวาง ถ้าเห็นแก่ตัววิจารณ์ได้ แต่อย่าใช้อำนาจพิเศษขัดขวาง

ในประการที่สอง ประเทศไทยเป็นประเทศร่ำรวย แต่ความร่ำรวยกระจุกในมือคนชั้นสูงหมด

ในปี ๒๕๕๒ ดัชชนี Gini ที่วัดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทยสูงถึง 0.54 (ถ้าเท่ากับ 0 ถือว่าสังคมเท่าเทียมสมบูรณ์) ตัวเลขนี้เปรียบเทียบกับ จีน 0.42 และอินเดีย 0.37 และในปีเดียวกัน คนรวยที่สุด 20% ของไทย ครองทรัพย์สมบัติ 59% ของประเทศ ในขณะที่คนจนสุด 20% ครองแค่ 3.9% ทั้งๆ ที่คนจนเป็นผู้ทำงานจริง

มันมีหลายๆ เรื่องที่ต้องปฏิรูปแก้ไขในสังคมไทยหลังการเลือกตั้ง เช่น การปล่อยนักโทษการเมืองทุกคน การยกเลิกกฏหมาย 112 การยกเลิกการเซ็นเซอร์สื่อ การปลดนายพลอย่างประยุทธ์ออก และปฏิรูปกองทัพและระบบยุติธรรมสองมาตรฐานอย่างถอนรากถอนโคน การนำอาชญากรที่ฆ่าประชาชนเมื่อปีที่แล้วขึ้นศาล ฯลฯ

ไม่รวมถึงการสร้างความเป็นธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ผ่านรัฐสวัสดิการ แต่ตามลำพังรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะไม่ทำ

ซึ่งหมายความว่าการที่คุณยิ่งลักษณ์ออกมาพูดให้คนเสื้อแดง “นิ่ง” เป็นสิ่งที่เลวร้ายสุด

ในขณะที่ฝ่ายอำมาตย์กำลังกดดันรัฐบาลใหม่ก่อนที่จะตั้งขึ้นได้ คนเสื้อแดงก็ต้องออกมากดดันคานอำมาตย์ และต้องเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องเพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรม

อย่าลืมว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดจากรัฐสภาตามลำพัง