การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่3 กรกฎาคม 2511 ผ่านไปด้วยดี ประชาชนไทยไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างคึกคัก มีจำนวนมากถึง 74 เปอร์เช็นต์ และผลของการเลือกตั้งไปเป็นตามความคาดหมาย พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งจำนวน 265 คน เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นับเป็นเสียงข้างมากอย่างสัมบูรณ์ (absolute majority)
ผลของการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนเจตนารมณ์ทั่วไปของประชาชนคนไทยที่ต้อง การให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย อันเป็นสิทธิกำหนดใจตนเอง (right to self determination) ของพลเมืองไทย และสะท้อนความก้าวหน้าทางสังคมการเมืองที่ยอมรับผู้นำสตรี และที่สำคัญ แสดงว่าประชาชนไทยไม่ต้องการฝ่ายเผด็จการ ไม่ต้องการอำมาตยาธิปไตย โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่มือเปื้อนเลือดจากการสังหารหมู่เมื่อเดือน เมษายนและพฤษภาคม ปีที่แล้ว มีคนเสียชีวิต 91 ค น บาดเจ็บเกือบ 2000 คน พรรคนี้จึงได้รับเลือกตั้งเพียง 160 คน
ก่อนและหลังการเลือกตั้ง ผู้คนทั้งหลายวิตกกังวลว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงข้างมาก แต่จัดตั้งรัฐบาลลำบาก หากตั้งรัฐบาลได้ ก็บริหารประเทศไม่นาน จะมีฝ่ายจงรักภักดี อำมาตยาธิปไตย อาทิ ขบวนการต่อต้านทักษิณ พันธมิตรเสื้อเหลือง สื่อมวลชน คนชั้นกลางและกองทัพ ฯลฯ คอยต่อต้าน เป็นอุปสรรคขัดขวาง
ทว่า เมื่อผลเลือกตั้งออกมาดังกล่าว และพรรคเพื่อไทยเชิญชวนพรรคอื่นอีก 4 พรรคมาร่วม ซึ่งแสดงถึงความใจกว้างทางการเมือง และแนวทางสามัคคีปรองดอง ทำให้ให้รัฐบาลมีเสียงในสภาจำนวนมากยิ่งขึ้น เพิ่มความชอบธรรมทางการเมือง การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยคงจะราบรื่น
อย่างไรก็ตาม วิกฤติทางการเมืองที่ดำรงอยู่มากว่า5 ปี และฝ่ายที่ไม่เชื่อระบอบประชาธิปไตย ดูถูกพรรคและนักการเมือง ไม่เอาการเลือกตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นสูงและชนชั้นกลางบน คงไม่ยอมรับและเคารพการตัดสินใจของประชาชนส่วนใหญ่ผู้เป็นเจ้าของอำนาจ อธิปไตย ย่อมจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ทางการเมืองจากการเลือกตั้งทั่วไป พวกเขาจะเตรียมผนึกกำลังและเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทุกวิถีทาง สันติและรุนแรง เปิดเผยและลับ กระทั่งเรียกร้องรัฐประหาร
ดังนั้น ข้าพเจ้าขอเรียกร้องประชาคมโลกให้สนใจติดตามสถานการณ์ในประเทศไทย เฉพาะหน้า ขอให้สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่