หยุดพูดคุกคาม ดีเอสไอซัดอีก นปช.ฆ่าทหาร
รณรงค์"เยส" - นาย สมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด แถลงโครงการ"โหวตเยสเดินหน้าประชาธิปไตย" โดยห่วงว่า การโหวตโน อาจเรียกรถถัง ที่โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล |
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ ดัม ทนายความของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า "ตามที่สื่อมวลชนไทยรายงาน เราได้รับทราบมาว่าเมื่อไม่นานมานี้ ท่านได้ข่มขู่ผม ในฐานะที่ผมเป็นที่ปรึกษาทางกฎหมายของสมาชิกฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในประเทศ ไทย และมันไม่ใช่แค่เพียงข่มขู่จะดำเนินคดีกับผม แต่ยังมีคำขู่แบบไม่เฉพาะเจาะจง ว่าวันหนึ่งผมต้อง "เจอ" หากพิจารณาการกระทำก่อนหน้านี้ของสมาชิกรัฐบาลท่านและตัวท่านเอง ผมมีเหตุผลอย่างดีที่จะแสดง ออกถึงความกังวลใจเป็นพิเศษ การกระทำเหล่านี้เข้าใจได้ว่า เป็นวิธีการข่มขวัญที่รัฐบาลคุณใช้จัดการกับผู้วิพากษ์วิจารณ์ชาวต่างชาติ รวมถึงการจับกุมพลเมืองสหรัฐ และรังควานนักวิชาการต่างชาติเมื่อไม่นานมานี้ด้วย"
จดหมายเปิดผนึก ระบุต่อว่า เกรงว่าคำขู่ของท่านจะถูกเปิดโปงต่อกลุ่มคนที่ติดตามผลงานของเรามาตลอด การวิจารณ์และเรียกร้องให้ผู้นำพรรคประชาธิปัตย์รับผิดต่อการละเมิดสิทธิ มนุษยชน ไม่ใช่การโจมตีประเทศไทยหรือสถาบันต่างๆ ของประเทศ หากมันเป็นการโจมตีประเทศไทยจริง ไม่ใช่เพียงตัวแทนกฎหมายของเราควรจะถูกท้าทายเท่านั้น แต่องค์กรระหว่างประเทศอย่างฮิวแมนไรต์ วอตช์ และคณะกรรมาธิการนักกฎหมาย ที่เน้นย้ำให้เห็นถึงการทำลายสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลท่านควรจะถูกท้าทายด้วย เช่นกัน เราทำงานใกล้ชิดร่วมกับกลุ่มนักกฎหมายไทยมาตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อประกันว่าการดำเนินงานของเรา จะมีความสอดคล้องกับกฎหมายของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศ และเรายังคงทำเช่นนั้น ทั้งยังให้ความสนใจกับรายละเอียดและเคารพกฎหมายไทยอย่างเคร่งครัด ทีมงานและพยานทำงานอย่างหนัก เพื่อช่วยเรารวบรวมและเผยแพร่หลักฐานอาชญากรรมของรัฐบาลท่าน ในทางกลับกัน เรายังรอให้รัฐบาลท่านแสดงหลักฐานพิสูจน์ข้อกล่าวหาต่อบุคคล ที่ขัดขืนการปกครองของคุณ
นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ระบุในจดหมายด้วยว่า การสร้างสภาพแวดล้อมอันเป็นปรปักษ์ต่อที่ปรึกษากฎหมายของฝ่ายตรงข้ามในการทำ งานที่สำคัญเพื่อสนับสนุนระบบนิติรัฐ เป็นสิ่งที่ทำลายประเทศไทย คำขู่ของท่านและรัฐบาลท่านเกี่ยวกับการคุกคามทางการเมือง มีส่วนทำให้ชื่อเสียงของประเทศไทยแย่ลงในสายตาของประชาคมโลก และปกปิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง ได้ถูกเปิดโปงแล้วทั้งในประเทศและนอกประเทศ
จดหมายเปิดผนึกระบุอีก ว่า ความพยายามของท่านและรัฐบาลท่าน ที่จะกดขี่และทำให้คนเสื้อแดงท้อแท้นั้น ไม่เป็นที่ประสบความสำเร็จ ประชาชนชาวไทยสมควรได้รับการเลือกตั้งที่อิสระและยุติธรรม สำนักงานกฎหมายเรารวบรวมข้อมูลของการกระทำหลายอย่างของพรรคท่าน และกองทัพที่ใช้บั่นทอนเจตจำนงของประชาชน เราแนะนำให้ท่านอย่าเดินซ้ำรอยประวัติการใช้ความรุนแรงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกดขี่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างเผด็จการ และในวันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แนะนำให้ท่านประพฤติตัวด้วยความเอื้ออารีและมีศักดิ์ศรี เพื่อให้สมกับตำแหน่งในระดับสูงของท่าน
วันเดียวกัน ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล กลุ่มองค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย (อรป.) จำนวนกว่า 20 คน เดินทางมายื่นแถลงการณ์ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รัฐบาลให้โอกาสยื่นประกันตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบัน รวมทั้งผู้ต้องหาคนอื่นๆ ที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายหมิ่นสถาบัน
โดยแถลงการณ์สรุปว่า นายสมยศเป็นอดีตนักสิทธิแรงงาน ที่มีคุณูปการต่อขบวนการแรงงานมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 ซึ่งนายสมยศกลายเป็นเหยื่อความยุติธรรม ไร้เสรีภาพ เพราะทำหน้าที่แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่นายสมยศกลับไร้สิทธิประกันตัวออกมาต่อสู้คดี เป็นการลิดรอนสิทธิพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น องค์การแรงงานเพื่อประชาธิปไตย จะเคลื่อน ไหวอย่างต่อเนื่องในเรื่องนี้ รวมถึงจะขยายฐานร่วมออกไปสู่เพื่อนผู้ใช้แรงงาน และประชาชนในทุกภาคส่วน เพื่อถามหาความยุติธรรม และสิทธิเสรีภาพตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป
ด้าน นายโสภณ ธิติธรรมพฤกษ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวถึงมาตรการดูแลนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายนิสิต สินธุไพร แกนนำนปช. รวมทั้งนายสมยศ และนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ แกนนำกลุ่มแดงสยาม ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำว่า สั่งการให้ผู้คุมจับตาดูเป็นกรณีพิเศษเพื่อป้องกันเหตุร้าย พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในเรือนนอน โดยเฉพาะนายจตุพร เนื่องจากไม่สามารถเดาใจนักโทษแต่ละรายได้ว่า ชอบหรือไม่ชอบนาย จตุพร จึงต้องป้องกันไว้ก่อน และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบปัญหาใดๆ
ผบ.เรือนจำ พิเศษกรุงเทพฯ กล่าวต่อว่า ส่วนนายสมยศ ที่ญาติให้ข่าวว่าเครียดและคิดฆ่าตัวตายในคุกนั้น ไม่เป็นความจริง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา เข้าไปสอบถามความเป็นอยู่กับนายสมยศด้วยตนเอง นายสมยศยืนยันว่าสบายดี ที่ซึมไปหลายวันเพราะเป็นไข้หวัด ส่วนสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้นายสมยศเครียด อาจจะเป็นธุรกิจท่องเที่ยวที่ไม่มีใครดูแลแทน เพราะนายสมยศจะเป็นคนพาคณะทัวร์ไปเที่ยวประเทศกัมพูชาเดือนละ 1 ครั้ง ส่วนนายสุรชัยที่มีอาการเจ็บป่วยจากโรคเกาต์ และความดันโลหิตกำเริบนั้น ทางเรือนจำส่งไปรับการรักษาแล้วที่ร.พ.ราชทัณฑ์ แต่ทางร.พ.ไม่สามารถให้นายสุรชัยนอนพักฟื้นได้ เนื่องจากเตียงไม่เพียงพอ จึงส่งตัวกลับมาที่เรือนจำ และอาการก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ที่กอง บัญชาการกองทัพบก นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม ภรรยา พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสธ.พล.ร.2รอ. เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เพื่อขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้าคดี การเสียชีวิตของพล.อ.ร่มเกล้า พร้อมด้วยนายทหารอีก 4 นาย จากเหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 บริเวณแยกผ่านฟ้าฯ จนถึงสี่แยกคอกวัว และพื้นที่โรงเรียนสตรีวิทยา โดยมี พล.ต.พลภัทร วรรณภักตร์ เลขานุการกองทัพบก เป็นผู้แทนรับหนังสือ
นาง นิชา กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ความไม่สงบในบ้านเมือง จึงไม่อยากออกมาเพื่อสร้างประเด็น แต่ขณะนี้สถานการณ์เริ่มคลี่ คลายในทางที่ดีขึ้น และเข้าสู่การเลือกตั้ง ถึงเวลาแล้วที่ต้องติดตามความคืบหน้าของคดี เพราะขณะนี้เหตุการณ์ล่วงเลยมา 1 ปีแล้ว แต่คดี พล.อ.ร่มเกล้า และนายทหารอีก 4 นาย ยังมิได้ปรากฏความคืบหน้าที่กระจ่างชัด จึงมาขอความอนุเคราะห์จากกองทัพบก ให้เป็นตัวแทนช่วยติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวน เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ตนและครอบครัวทหารที่สูญเสียชีวิตจากภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย ได้รับการดูแลและเอาใจใส่จากกองทัพบกเป็นอย่างดี
"เราเจ็บเสียใจกับ การสูญเสียไม่น้อยกว่าใคร บางคนอาจลืมไปแล้วว่าใน 91 ศพ มีทหารที่เสียชีวิตอยู่ด้วย เพราะเราไม่ได้ออกมาเรียกร้อง และในช่วงนั้นทหารออกไปปฏิบัติภารกิจโดยไม่มีอาวุธ ที่ไม่ได้ออกมาเรียกร้อง เพราะ ด้วยความเป็นทหาร ถูกหล่อหลอมให้อดทน อดกลั้น เสียสละ และรอคอยกระบวนการยุติธรรม เรายังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าจะหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้ เราไม่เคยโกรธ ปริปากบ่น เคียดแค้น หรืออาฆาต และไม่ได้ปักใจว่าใครหรือคนกลุ่มใดเป็น ผู้ก่อเหตุการที่มายื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อเป็นช่องทางให้ช่วยเร่งรัดตำรวจในการทำงาน" ภรรยาพล.อ.ร่มเกล้า กล่าว
ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท. พะเยาว์ ทองเสน เลขานุการชุดพนักงานสอบ สวนคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง กล่าวถึงคดี พล.อ.ร่มเกล้า ว่า ผลการสอบสวนของดีเอสไอ ยืนยันได้ว่าเกิดจากการกระทำของกองกำลังชุดดำของนปช.แน่นอน แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัดว่าบุคคลที่ใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่เป็นใคร มีเพียงพยานหลักฐานที่เป็นคลิปวิดีโอ โดยเฉพาะกรณีพล.อ.ร่มเกล้า ถูกสะเก็ดระเบิดเอ็ม 79 ซึ่งเป็นอาวุธที่ทหารไม่ได้เบิกมาใช้ปฏิบัติการ ส่วนการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐ 11 นาย เป็นทหารและตำรวจ ซึ่งนปช.นำไปรวมไว้กับผู้เสียชีวิตทั้งหมด เพราะหากแยกการเสียชีวิตของตำรวจและทหารออกมา จะพบว่าการเสียชีวิตของผู้ชุมนุมมีไม่ถึง 90 ศพ
พ.ต.ท.พะเยาว์ กล่าวต่อว่า จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตของนปช.ได้นับรวมกับผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุเพลิง ไหม้ห้างเซ็นทรัล เวิลด์ และหน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ โดยขณะนี้ทราบว่าเสื้อแดงยื่นคำร้องเรียกค่าเสียหายจากศาลแพ่ง ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐก็อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเช่นกัน โดยคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐ และกลุ่มคนเสื้อแดง มีความเหมือนกันในประเด็นว่าทหาร ตำรวจ เสียชีวิตจากกองกำลังชุดดำของนปช. แต่ไม่สามารถชี้ชัดถึงตัวบุคคลที่กระทำได้ ขณะที่การเสียชีวิตของนปช.ที่ระบุว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ไม่สามารถระบุได้เช่นกันว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายใด
เวลา 16.00 น. ที่โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัล นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง พร้อมด้วยสมาชิกร่วมกันแถลงโครงการโหวตเยส เดินหน้าประชาธิปไตย โดยนายสมบัติกล่าวว่า การเลือกตั้งส.ส.ในวันที่ 3 ก.ค. ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้กลับมาสู่ประชาธิปไตยอีกครั้งหนึ่ง จึงขอเสนอแนวคิดดังนี้ 1.ขอให้ประชาชนมองการเมืองอย่างเป็นจริง แต่ขอให้มองอย่างมีความหวัง 2.เสนอให้กระบวนการประชาธิป ไตยเยียวยาด้วยระบบของกันเอง ไม่เอานอกระบบประชาธิปไตย 3.ต้องไม่มีการแทรกแซงจากอำนาจนอกระบบ 4.ขอให้นักการเมืองผู้มีอำนาจเล่นตามกติกา 5.ขอให้ประชาชนติดตามการบริหารงานของรัฐบาลเพื่อเป็นการตรวจสอบ 6.ขอให้การเลือกตั้งสะท้อนเจตจำนงของประชาชน โดยให้พรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อน หากไม่ได้ก็อันดับ 2 ต่อไป และ 7.เสนอให้มีการปฏิรูปการเมือง
"ผม เห็นด้วยกับการปฏิรูปการเมือง แต่เกรงว่าการโหวตโนอาจจะกวักมือเรียกรถถัง และมาตรา 7 มา จึงอยากให้โหวตโนอย่างมีสติ ส่วนการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. ขอให้ประชาชนอย่านอนหลับทับสิทธิ์ มาใช้สิทธิ์กันมากๆ และเลือกพรรคเลือกคนที่พอใจและชื่นชอบ ดูกันที่นโยบาย หากผู้มีสิทธิ์มองว่าไม่มีพรรค หรือคนใดถูกใจ การโหวตโนก็พึงกระทำได้ แต่อย่าล้มโต๊ะการเลือกตั้ง" บ.ก.ลายจุด กล่าว ก่อนจะพร้อมด้วยแนวร่วมกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ปั่นจักรยานแจกสติ๊กเกอร์รณรงค์โหวตเยส ที่สี่แยกราชประสงค์