ครม.นัดสุดท้าย
แก้ไขด่วน
การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายของรัฐบาล"อภิสิทธิ์ เวชชาชีะ" เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ก่อนยุบสภา
เป็นการประชุมที่ยาวนานกว่า 15 ชั่วโมง เพื่ออนุมัติ วาระสำคัญเพื่อพิจารณา 102 เรื่อง และอนุมัติวาระจร อีก 53 เรื่อง รวมแล้ว 155 เรื่อง
เป็นการประชุมที่ยาวนานที่สุด และเป็นการประชุมนัดที่ถูกวิจารณ์ที่สุดว่า เป็นการทิ้งทวนงบหลายหมื่นล้าน บ้างว่ากว่าแสนล้าน
แต่ที่แน่ๆ เป็นการประชุมที่ขาดความละเอียดรอบคอบ เพราะเป็นการพิจารณาแบบ ลวกๆ และมักง่ายที่สุด
ล่าสุด มติครม. แบบรูดปื๊ดๆ ได้กลายเป็นปัญหาแล้ว เมื่อนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รมว.กระทรวงศึกษาธิการ ต้องรีบทำหนังสือด่วนถึงเลขาธิการครม. เพื่อขอแก้ไขมติครม. เป็นการด่วน หลังจากโดนอาจารย์มหาวิทยาลัยอัดยับว่า มักง่าย และมั่วสิ้นดี !!!
หนังสือด่วนของ"ชินวรณ์" ระบุว่า ตามหนังสือที่อ้างถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้แจ้งว่าคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ได้อนุมัติวงเงินเพิ่มเพื่อใช้ในการปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน มหาวิทยาลัยที่จ่ายค่าตอบแทนด้วยเงินงบประมาณของสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นส่วน ราชการและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยให้ใช้เงินจากรายได้ของมหาวิทยาลัยในวงเงินรวม 397.21 ล้านบาท
และให้กระทรวงศึกษาธิการขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ตามความแจ้งแล้วนั้น
เพราะเหตุที่ มติครม. มีผลผูกพันส่วนราชการ ดังนั้นเมื่อ มติครม. บกพร่อง ส่วนราชการที่ได้รับผลกระทบจากมติครม.ที่ผิดเพี้ยน ย่อมนิ่งเฉยไม่ได้
ก่อนหน้านี้ นายชินวรณ์ ได้ชี้แจงการขอปรับอัตราค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ่ายค่า ตอบแทนด้วยเงินงบประมาณของสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นส่วนราชการและมหาวิทยาลัย ในกำกับของรัฐในวงเงินรวม 397.21 ล้านบาท โดยขอใช้จากเงินงบกลาง
เพราะพนักงานมหาวิทยาลัยก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติงานในฝ่าย บริหาร ควรได้รับการปรับอัตราค่าจ้างเช่นเดียวกับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไปแล้ว ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็เห็นชอบด้วย โดยไม่มีข้อทักท้วงใดๆ
แต่หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วน ที่สุด ที่ นร 0505/12604 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 กลับแจ้งมติไม่ตรงกับที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้อภิปราย
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.) ในการประชุมเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2554 ได้พิจารณาหนังสือของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ได้แจ้งมติคณะรับมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติวงเงินเพิ่ม เพื่อใช้ในการปรับค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัยที่จ่ายค่าตอบแทน โดยเงินงบประมาณของสถาบันที่เป็นส่วนราชการและมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยให้จ่ายจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยในวงเงินรวม 397.21 ล้านบาท และให้กระทรวงศึกษาธิการขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณนั้น
ก.พ.อ.เห็นว่า การจดบันทึกมติคณะรัฐมนตรีอาจจะเกิดความคลาดเคลื่อน เพราะ การปรับเงินเดือน การกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายของพนักงานมหาวิทยาลัยจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัย นั้น เป็นอำนาจของสภามหาวิทยาลัยอยู่แล้ว โดยไม่ต้องขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีก
นอกจากนี้ ในพระราชบัญญัติจัดตั้งมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐหลายฉบับ ที่ได้ตราในปี พ.ศ.2551 ต่างก็บัญญัติรองรับในเรื่องการปรับเงินของพนักงานมหาวิทยาลัยไว้อย่าง ชัดเจนว่า ในกรณีที่รัฐบาลได้ปรับเงินเดือนให้ราชการค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์อื่นใด ให้แก่ราชการ ให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณในลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไปเพิ่มเติมให้แก่ มหาวิทยาลัยในสัดส่วนเดียวกันเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้พนักงาน มหาวิทยาลัยด้วย
จากข้อเท็จจริงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้แจ้งในที่ ประชุม ก.พ.อ. ประกอบกับเหตุผลที่ ก.พ.อ. ได้อภิปรายดังกล่าว ก.พ.อ. เห็นว่า หนังสือของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/12604 ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2554 ที่แจ้งมติคณะรัฐมนตรีนั้น น่าจะเกิดความคลาดเคลื่อนในการจดบันทึก จึงแนะนำ
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีหนังสือถึงเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อตรวจสอบถึงความคลาดเคลื่อนและบันทึกให้ถูกต้อง
เอาเข้าจริง การประชุมครม. ที่ผ่านมา ไม่มีการบันทึกรายงานการประชุม อย่างละเอียด มีเพียงมติครม. สั้นๆที่เผยแพร่หลังการประชุมเท่านั้น
ปัญหาคือความผิดพลาดบกพร่องแบบจะๆ ที่เกิดขึ้นเกิดจาก ครม. เบลอ
หรือ เลขาธิการครม. บันทึก มั่ว กันแน่ ????