จากกรณีเมื่อวันที่ 25 พ.ค. นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดแถลงข่าวที่ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียล ลาดพร้าว กทม. ระบุว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะอดีตโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ลงนามยอมความต่อศาลอาญายอมรับว่า ผังล้มเจ้าของศอฉ. ซึ่งมีชื่อนายสุธาชัยรวมอยู่ด้วยนั้นเป็นเพียงการดำเนินการตามความเชื่อ ปราศจากหลักฐาน และยอมรับด้วยว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหาในผังล้มเจ้าไม่ได้หมายความว่าอยู่ในขบวนการล้มเจ้า แต่สื่อนำไปขยายผลขยายความต่อเอง ทำให้นายสุธาชัยในฐานะผู้เสียหายในคดีนี้ยอมถอนฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.ศอฉ. จำเลยที่ 2 และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด จำเลยที่ 3
ความ คืบหน้า เมื่อวันที่ 26 พ.ค. นายประเวศ ประภานุกูล ทนายความนายสุธาชัย เปิดเผยว่า คดีนี้นายสุธาชัยถอนฟ้องตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. 2554 แต่สาเหตุที่เพิ่งเปิดแถลงข่าววานนี้ เนื่องจากเพิ่งได้สำเนารายงานกระบวนพิจารณาฉบับจริง
สำหรับ เนื้อหาการแถลงยอมความของพ.อ.สรรเสริญ ในฐานะจำเลยที่ 3 มีรายละเอียดบางส่วนดังนี้ คดีหมายเลขดำที่ อ.1529/2553 ผู้พิพากษาศาลอาญาออกนั่งพิจารณาคดีเวลา 09.30 น. วันที่ 22 มี.ค. 2554 นัดพร้อมเพื่อประนอมข้อพิพาท หรือนัดไต่สวนมูลฟ้อง ศาลดำเนินการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทแล้ว จำเลยที่ 3 แถลงว่า
“ประการที่หนึ่ง ศอฉ. ในขณะนั้นเชื่อมั่นว่ามีขบวนการจ้องจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริง
“ประการ ที่สอง ในช่วงเวลานั้น มีข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเตอร์เน็ตกล่าวหาในลักษณะทำนองว่า ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ โทรศัพท์มาสั่งการศอฉ. อยู่ตลอดเวลา ให้ดำเนินการนานับประการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งมิได้เป็นความจริง ศอฉ. มีความจำเป็นที่ต้องชี้แจงข้อมูลข่าวสารให้สังคมได้รับทราบความจริงเป็นเช่น ไร นอกจากนั้นแล้ว ศอฉ. ได้ขยายความลงไปเพราะว่าทางราชการมีหน่วยงานทางด้านความมั่นคงที่สำนักนายก รัฐมนตรีได้จัดตั้งขึ้น โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงก็มีการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของขบวนการที่จ้องจะ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอดจึงนำข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้มาประกอบ เพื่อใช้ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคม
“ประการที่สามในช่วงเวลา เช้าของวันเกิดเหตุข้าฯได้แถลงข่าวให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าไม่เป็นความจริงตามข้อมูลที่พยายามกล่าวหาใส่ร้ายท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ โดยแถลงกำกับตอบไปด้วยว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้านั้น ในขณะนั้นมีคุณดาตอร์ปิโดกับคุณจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งทั้ง 2 คนนี้มีหมายจับแล้ว ในช่วงเวลาเย็นเกิดจากการประชุมในช่วงบ่ายของศอฉ. ได้มีมติของศอฉ. ที่ต้องการจะให้นำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่สังคมเป็นลายลักษณ์อักษรอีกทางหนึ่ง เพื่อให้สังคมพิจารณา
“ข้าฯ ได้รับมอบหมายให้นำเอกสารเหล่านั้นไปแจกแก่สื่อมวลชน ซึ่งเอกสารที่ไปแจกนั้น ศอฉ. มิได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารเป็นผู้เกี่ยวข้องในฐานะอยู่ในขบวนการ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ ซึ่งให้สังคมพิจารณาและวินิจฉัยเอาเอง ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในเอกสารว่าแต่ละคนเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เช่น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะญาติพี่น้อง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะผู้ทำธุรกิจร่วมกันอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น
“แต่หลังจากนั้นมีสื่อมวลชนนำเรื่อง ราวต่างๆ เหล่านี้ไปขยายผล ขยายความ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในแผนผังดังกล่าว ทำให้ได้รับความเสียหายจากมุมมองของสังคม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องตัดสิน ส่วนผู้ที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจะฟ้องร้องกับผู้ที่นำไปขยายความใน ทางที่ผิดจากเจตนารมณ์ของศอฉ. ก็สุดแล้วแต่บุคคลเหล่านั้นจะพิจารณา”
ด้าน นายสุธาชัย โจทก์ แถลงว่า “เมื่อได้รับฟังข้อเท็จจริงจากจำเลยที่ 3 เช่นนี้แล้ว จึงไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสามอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสาม”
ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสาม จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ และอนุญาตให้คู่ความคัดถ่ายรายงานกระบวนการพิจารณาฉบับนี้ได้ตามคำขอ
คลิกอ่านข่าวเก่าประกอบ : วิพากษ์ผัง"ล้มเจ้า"ฉบับศอฉ.,จิ๋วไม่รอหมาย บุก"ศอฉ." โต้ข้อหาล้มเจ้า , เปิด "เครือข่ายล้มเจ้า" ของ ศอฉ. , อาจารย์ จุฬาฯฟ้องมาร์ค-เทือก-สรรเสริญใส่ร้ายล้มเจ้า