1 เดือนหลังจากนั้น..ทนายความอานนท์ นำภา หัวหน้าสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ เล่าความคืบหน้าหลังจากก่อตั้งสำนักกฎหมาย และเปิดบัญชีรับบริจาคจากผู้สนับสนุนเมื่อเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา สามารถช่วยประกันตัวนักโทษการเมืองสู่อิสรภาพได้แล้วหลายราย แต่นักโทษที่สิ้นหวังทั้งหลายก็ทะลักเข้ามาหาจนล้นมือเช่นกัน รวมทั้งกรณีหาเงินประกันตัวนักโทษที่มีกรณีต้องเร่งรัดทั้งรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยให้สะสางปัญหา...ที่สำคัญพวกเราจะช่วยเหลือพี่น้องให้ออกจากคุกได้อย่างไร ด้วยวิธีใด?
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
2 กุมภาพันธ์ 2554
Q:ช่วยเล่าให้ฟังด้วยว่า หลังมีการประกาศรระดมทุนตั้งสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์แล้ว มีผู้บริจาคสนับสนุนแล้วเท่าไหร่ และเพียงพอต่อการทำงานหรือยัง ขาดเหลือเท่าไหร่ ต้องการสนับสนุนอีกเท่าไหร่?
อิสรภาพในที่สุด-นางอ้อยทิพย์ ภรรยาของนายพระนม กันนอก กับบุตรชายซึ่งเพิ่งคลอดในคืนก่อนนายพระนมได้รับการปล่อยตัว ก่อนนี้นายพระนมซึ่งสิ้นหวังจะออกจากคุกมารับขวัญลูกได้กินผงซักฟอกพยายามฆ่าตัวตายแต่รอด ภรรยาผู้หมดหวังของเขาได้ไปดูดวง หมอดูทำนายว่า"หากลูกคลอดออกมา พ่อก็จะได้ออกจากคุก"ซึ่งก็บังเอิญที่เป็นไปตามคำทำนาย เพราะก่อนหน้านี้พยายามขอประกันมาหลายหนแต่ไม่เคยสำเร็จ ( ดูข่าว:ปาฏิหาริย์นักโทษเสื้อแดงรอดจากฆ่าตัวตาย ได้อิสรภาพออกมารับขวัญลูกคลอดตามคำทำนาย )
A: ต้องบอกว่าเกินคาดจริงๆ ผมตั้งเป้าไว้ว่าคงได้พอเดือนชนเดือน แต่ยอดบริจาคนับแต่เปิดบัญชีมาเมื่อ 6 มกราคม 2554 ยังไม่ถึงเดือน ได้กว่า ๒ แสนกว่าบาท
ทุกวันที่ ๖ ของเดือน ทางสำนักงานจะทำรายงานและเผยแพร่เพื่อความโปร่งใสว่ามียอดบริจาคเทื่ใด และได้ปฏิบัติงานมีผลงานอย่างใดบ้าง สำนักงานได้ปรึกษากันว่าจะนำเงินจากยอดบริจาค ๑๐ เปอร์เซ็นต์ มอบแก่ครอบครัวจำเลยทั้งที่โดนขัง และหลบหนี(ทุกเดือน) และลงพื้นที่เพื่อทำข้อมูลมาเผยแพร่ต่อไปครับ
แน่นอนว่าเงินที่ได้บริจาคมาตอนนี้ มันยังไม่cover ที่จะทำงานได้ถึง ๑ ปี แต่มันก็เป็นนิมิตหมายที่ดีว่า มีคนคอยดูเรา และคอยสนับสนุนเราอยู่
เดือนแรกนั้นมีค่าใช้จ่ายสำหรับการก่อตั้งสำนักงานมากหน่อย แต่เราก็พยายามใช้ของมือสอง เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะมีการทำรายงานประจำเดือนในทุกวันที่ ๖ ของทุกเดือน เพื่อความโปร่งใส และเพื่อที่ท่านที่ประสงค์จะให้ความช่วยเหลือ ได้ทราบถึงความคืบหน้าของการดำเนินงานของเราด้วย
ส่วนยอดที่เราต้องการเพื่อให้ได้ทำงานได้ครบ 1 ปี คือ เป้าที่ ๑ ล้านบาทต่อปี เพื่อการทำงานที่ต่อเนื่อง และหากมีงานเข้ามามากขึ้น ก็อาจพิจารณาเพิ่มคนทำงาน ซึ่งก็จะทำให้ต้องใช้งบประมาณมากขึ้นเป็นเงาตามตัวครับ
Q:มีแนวทางที่จะระดมทุนอย่างไรบ้างในระยะต่อไป
อิสรภาพ ณ ริมโขง เมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๕๔ ได้ไปเยี่ยมนายนพชัย พิกุลศรี จำเลยที่ถูกกล่าวหาว่า "ร่วมกันเผาศาลากลาง" และเพิ่งได้รับการประกันตัว แกยังยืนยันว่าแกไม่ได้ทำผิด เพียงแค่ไปยืนดูเหตุการณ์เท่านั้น หลังจากถูกขังมา ๗ เดือน แกได้รับการประกันตัว โดยการเช่าหลักทรัพย์ประกันตัว ซึ่งทีมทนายได้สำรองไปก่อน จำนวน ๕๐,๐๐๐ บ. วันนี้ แกได้ใช้ชีวิตตามปกติสุข ปลูกผักริมโขงกับครอบครัว
A: ผมคิดอย่างนี้ครับ ในระยะยาว สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์คงต้องหาช่องทางที่จะระดมทุนที่เป็นลักษณะการจัดงานอีเว้นท์หรืองานกิจกรรมต่างๆ
เพราะในระยะยาว เราไม่อาจคาดหมายเรื่องการรับบริจาคเพียงอย่างเดียวได้ เพราะเห็นหลายที่ที่เปิดรับบริจาคแบบเรา ก็มักพบว่า คนที่รู้ข่าวจะตื่นตัวช่วยบริจาคในตอนแรกๆที่รู้ข่าว แต่พอเงียบๆไป การสนับสนุนก็มักหายไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่อยากเล่าให้ฟังก็คือ เมื่อเราเปิดตัวออกไปแล้ว ก็ปรากฎว่ามีคดีความหลังไหลเข้ามาเพิ่มจำนวนมาก ซึ่งเราก็มีแนวคิดที่จะเพิ่มคนทำงาน เพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่ก็ติดตรงงบประมาณนั่นหละ
ซึ่งงานที่เราเตรียมจะจัดในชั้นนี้วางโปรแกรมไว้คร่าวๆ ซึ่งก็อาศัยเพื่อนพ้องน้องพี่มาร่วมจัดการ เพราะทีมทนายความราษฎรประสงค์อยากทุ่มไปที่งานทำคดี และงานช่วยเหลือนักโทษการเมืองมากกว่า
Golf4Freedom -กิจกรรมแข่งขันกอล์ฟการกุศล เพื่ออิสรภาพเสรีภาพนักโทษการเมืองเสื้อแดงผู้ยากไร้ ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ท่านนักกอล์ฟไม่มีสิทธิ์พลาด ( รายละเอียดและสำรองก๊วน หรือมาเดี่ยว คณะผู้จัดจะจัดก๊วนให้ )
เบื้องต้นคุยกันว่า จะมีพี่ๆ เสื้อแดงที่ตื่นตัวและกระตือรือร้นอยากช่วยงานนี้ จะจัดกอร์ฟการกุศล ชื่อ Golf4Freedomให้ ก็ขอเรียนเชิญนักกอล์ฟนะครับ งานมีวันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ที่สนามกอล์ฟไดนาสตี้ นครปฐม นอกจากท่านจะได้สนุกในการออกรอบตีกอล์ฟ หรือออกกำลังกายตามปกติ ที่สำคัญท่านจะได้ช่วยหาทุนสมทบโครงการช่วยพี่น้องที่ติดคุกการเมืองด้วย เห็นว่าราคาไม่แพง หากเทียบกับการจัดกอล์ฟการกุศลทั่วๆไป
นอกจากนั้นก็ตามด้วยงานจัดโบว์ลิ่งการกุศล งานเสวนา ดนตรี ฯลฯ ซึ่งคิดจะทำกันเป็นระยะๆ เพื่อให้มีทุนมาทำงานกันแบบไม่ขาดช่วง อย่างไรก็ตาม คงต้องปรึกษากันในรายละเอียดอีกครั้งนึงครับกับพี่ๆน้องๆที่อาสามารับเป็นคนจัดกิจกรรมเหล่านี้ให้
Q:เมื่อได้ทุนมาแล้วจะนำไปดำเนินงานอย่างไรบ้าง
A: ผมอยากแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ๆ
ก้อนนึงคงต้องถูกนำมาใช้เพื่อให้คนทำงานที่สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ให้อยู่ได้ด้วย คือเอามาบริหารในอ๊อฟฟิศ และเป็นค่าใช้จ่ายในการทำคดีความ เช่น ค่าเดินทาง เป็นต้น
ส่วนอีกก้อน จะเอาไปใช้ในงานประกันตัวนักโทษการเมือง และงานเยียวยานักโทษการเมือง และญาติๆที่ขาดอุปการะเมื่อคนสำคัญในครอบครัวต้องมาติดคุกคดีการเมือง
ซึ่งต้องบอกว่า แรกๆ จะทำกันเล็กๆ แต่ไปๆมาๆ มีเสียงเรียกร้องให้ทำงานมากขึ้น และมีคดีความเข้ามามากขึ้น ก็คงต้องระดมเพิ่มและคงต้องวางแผนการใช้ในระยาวด้วยครับ
Q:ที่ผ่านมาได้ดำเนินงานไปอย่างไรแล้วบ้าง สามารถช่วยประกันตัวนักโทษการเมืองออกมาแล้วกี่ราย หรือเยียวยาญาติผู้ต้องขังไปแล้วกี่ราย
A: ที่ผ่านมาเราเป็นทนายความอาสาของ ศปช.(ศูนย์ข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบเหตุสลายชุมนุมเม.ย.-พ.ค.53)
และปัจจุบันในส่วนของงานคดีที่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุมก็ยังคงเป็นอยู่ เราได้ให้ความช่วยเหลือไปหลายเคสเหมือนกัน
อย่างที่เรียนไว้ในครั้งที่ไทยอีนิวส์สัมภาษณ์ครั้งแรก เราทำงานกฎหมายที่ไม่ได้ทำเพียงแค่ทนายความ แต่ทำไปถึงเรื่องการให้ความช่วยเหลือและเรื่องประกันตัวด้วย
เช่นเคสที่จังหวัดมุกดาหาร เราให้ความช่วยเหลือด้านการประกันตัวไป ๘ ราย ในคดีถูกกล่าวหาว่าเผาศาลากลาง และให้การเยียวยาครอบครัวจำเลยทั้งสิ้น กว่ายี่สิบราย โดยเราใช้วิธีลงพื้นที่ทำงานกับชาวบ้าน ประเภทเคาะถึงประตูบ้าน ซึ่งผมเองต้องบอกว่า สิ่งที่ชาวบ้านต้องการที่สุดคือกำลังใจ พอชาวบ้านเห็นเราลงพื้นที่ก็มีกำลังใจมากขึ้น และเรายังได้นำเงินบริจาคจากส่วนกลาง เช่นจาก พี่ๆกลุ่ม เรด แคมฟ็อก , กลุ่มเราไม่ทอดทิ้งกัน และอีกหลายๆ กลุ่ม รวมทั้งที่ท่านบริจาคให้สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ เข้าไปเยียวยาเบื้องต้น
เพราะคนที่ถูกจับส่วนใหญ่จะเป็นหัวหน้าครอบครัว ซึ่งเมื่อโดนจับก็เหมือนการจองจำทั้งครอบครัว แต่ละครอบครัวก็ลำบากมาก คือขนาดยังไม่โดนจับ ครอบครัวเขาก็ลำบากมากอยู่แล้ว ยิ่งโดนคดียิ่งแทบสิ้นเนื้อประดาตัว
ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือทางคดี การเข้าเยี่ยมจำเลยที่ไม่มีญาติก็ค่อนข้างหนัก เพราะจำนวนจำเลยและจำนวนคนทำงานที่ยังไม่เพียงพอด้วย
และยิ่งเมื่อเราเปิดตัวออกไป ก็มีคดีความหลั่งไหลเข้ามามากมาย รวมทั้งเคสที่ต้องการความช่วยหลือด้านเงินประกันตัวก็มากขึ้นด้วย ยังไม่นับคดีที่ทยอยมอบตัวนะครับ
Q:ได้ทราบว่าต้องมีเงินประกันตัวผู้ต้องหารายละ 5 แสนบาท มีหลักทรัพย์จากไหนมาประกัน จากตัวผู้ต้องขัง,จากพรรคการเมือง,จากอดีตนายกฯทักษิณ หรือต้องระดมทุนช่วยอีก
A: เรื่องเงินประกันส่วนหนึ่งก็เป็นหลักทรัพย์ของญาติจำเลย และอีกส่วนหนึ่งก็เป็นเงินส่วนตัวที่ผมไปขอหยิบยืมคนที่เข้าใจและอยากช่วยเหลือ พี่ๆที่สนับสนุนบางรายอยู่ต่างจังหวัด ก็สนับสนุนชนิดที่ว่า ลงทุนขายวัวขายควายมาช่วยให้ยืมก่อนเป็นแสนเพื่อไปประกันตัวผู้ต้องหาก็มีครับ ทั้งที่ไม่ใช่ญาติหรือคนรู้จักของเขาเลย ผมหละเกรงใจ และซาบซึ้งใจจริงๆ ยังไงต้องดิ้นรนใช้หนี้คืนให้แน่ครับ
ซึ่งต้องขอขอบคุณพี่คนนั้นไว้ ณ ที่นี้ด้วย คือพอแกเห็นเราทำงาน แกก็ให้ยืมเงินมาช่วยวางเป็นหลักประกัน ซึ่งก็หลายตังค์อยู่ทีเดียว
อันนี้ก็รวมทั้งเพื่อนๆ ที่ให้ความไว้วางใจให้ยืมเงินมาวางเป็นหลักทรัพย์ประกันผู้ต้องหาก่อน พอเราวางเงินไปแล้วก็ค่อยมาขอเบิกคืนจากพรรคเพื่อไทยครับ เพราะได้รับการประสานงานมาจากทางพรรคเพื่อไทยว่าจะช่วยตรงนี้ แต่ให้ทางผมออกเงินไปล่วงหน้าก่อน
ซึ่งตอนนี้เราก็ได้วางเงิน และเช่าหลักทรัพย์ไปแล้วกว่า ๖๒๐,๐๐๐ บาท ซึ่งตอนนี้ก็รอให้พรรคเพื่อไทยคืนเงินจำนวนนี้มา เพื่อที่เราจะได้ไปประกันชาวบ้านที่อื่นที่ติดคุกและรออยู่อีกมากหมือนกัน เอาเป็นว่าหากทางพรรคเพื่อไทยจะพิจารณาด่วนให้หน่อย ก็จะเป็นประโยชน์ครับ
Q:เห็นก่อนปีใหม่นายกฯอภิสิทธิ์ว่า จะให้กระทรวงยุติธรรมไปประกันผู้ต้องหา และมติครม.ให้ประกันผู้ต้องขัง104คน มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง
A: ๕๕๕ ขอขำเป็นภาษาไทยครับ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าสักเท่าไหร่ครับ เช่นที่มุกดาหาร ทั้งที่รู้ว่าศาลตั้งราคาประกันไว้ ๕๐๐,๐๐๐ บาทต่อผู้ต้องหา๑ราย แต่เจ้าหน้าที่ของกรมคุ้มครองสิทธิวางแค่ ๔๕,๐๐๐ บาท ศาลก็เลยไม่ให้ประกัน
คือมันยังมีการเข้าใจกันผิดพลาดคลาดเคลื่อนอยู่ และที่สำคัญ คนที่ได้รับอนุมัติก็ยังไม่ได้มีการประกันกันอย่างจริงจัง ผมยกตัวอย่างเช่น นายกฤษณะ และนายสุรชัย ผู้ต้องขังคดีแค่ขัด พรก. ซึ่งโทษต่ำมากคือศาลพิพากษาจำคุก ๑ ปี แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้มีการประกันตัวกันออกมา
อย่างไรก็แล้วแต่ ผมและทีมงานยังคงต้องตั้งความหวังกี่ยวกับหลักประกันของรัฐ เพราะมันก็คือเงินภาษีของพวกเราทุกคน และคงต้องช่วยกันส่งเสียงไปยังภาครัฐ เพื่อให้มีการดำเนินการประกันตัวผู้ต้องขังอย่างแท้จริง
เพราะนายกฯอภิสิทธิ์ก็พูดออกสื่อไปทั้งประเทศว่าจะให้ประกัน ๑๐๔ ราย จะให้เงินมาประกันตัว พูดไว้ก่อนจะปีใหม่ นี่ผ่านมาเดือนกว่ายังไม่มีผลทางปฏิบัติ แต่คนก็คิดว่าได้ประกันหมดแล้ว ความจริงคือยังครับ
Q:มีเรื่องจะดำเนินการเร่งด่วนในระยะนี้อะไรบ้าง และต้องการแรงสนับสนุนอย่างไรบ้าง
A: ผมอยากได้เงินสำหรับประกันตัวครับ คือ คนที่เป็นจำเลยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การได้รับการประกันตัว และมีจำนวนมากด้วย แต่ต้องใช้เงินค่อนข้างเยอะ เราต้องมีเกินก้อนพอสมควร แต่เงินที่ให้มาอาจเป็นการให้ยืมก็ได้ครับ หากท่านใดอยากช่วยผู้ต้องขังคดีการเมืองให้เขาได้อิสรภาพไวๆนะครับ แจ้งผมมาเลยที่อีเมล์นี้ได้ anonnumpa@gmail.com ผมพร้อมให้รายละเอียด
ที่ผมบอกว่าขอยืมจากท่านที่อยากช่วย ก็เพราะได้รับการประสานงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ทางพรรคมีนโยบายให้ทางผมสำรองเงินประกันล่วงหน้าไปก่อน หากประกันได้สำเร็จ ก็จะเบิกที่พรรคคืนให้ ส่วนตัวผมก็อย่างที่ทราบไม่ได้เป็นคนมีฐานะร่ำรวย เพิ่งก่อตั้งสำนักงานกฎหมายราษฎรประสงค์ พี่ๆน้องๆจของเราช่วยมาทั้งนั้น แถมยังเป็นหนี้พี่น้องเรื่องไปยืมเงินใช้ประกันตัวนักโทษเสื้อแดงอยู่อีกด้วย
อีกประการ อยากให้ช่วยกันให้กำลังใจผู้ต้องขังที่ยังถูกจองจำในเรือนจำ อาจจะไปเยี่ยม หรือเขียนจดหมายไปก็ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เขามีกำลังใจ ต่อสู้ต่อไป
Q:เรื่องอื่นๆที่อยากเสนอต่อรัฐบาล,พรรคเพื่อไทย และต่อสาธารณชน
A: ผมว่า การให้ความช่วยเหลือด้านการประกันตัวและความใส่ใจ จริงใจกับประชาชนสำคัญที่สุด
ในส่วนของรัฐบาล ผมว่ารัฐต้องมีความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ด้วยความจริงใจ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากการตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมทั้งสิ้น
ในส่วนของคดีความก็ย่อมเดินต่อไป แต่ผมขอเรียนอย่งนี้ครับว่า รัฐบาลต้องแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการร์ให้มากกว่านี้ มิใช่แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ
ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ผมคงต้องขอขอบคุณแทนชาวบ้านในส่วนของการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตาม คงต้องขอให้ทางพรรคช่วยพิจารณาโอนเงินที่ทางทีมทนายอาสากู้หนี้ยืมสินและสำรองออกไปก่อน ช่วยจ่ายคืนมาให้เร็วขึ้น เพราะเรามีความจำเป็นมากที่จะต้องใช้เงินส่วนนี้ไปใช้ประกันพี่น้องรายอื่นๆต่อไปที่เขานับวันรออิสรภาพอยู่
และฝากขอบคุณพี่น้องที่สนับสนุนการทำงานของทีมทนายสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ เราต่างทำหน้าที่ ขอให้สู้ต่อไปด้วยใจมั่นคงครับ
********
ข่าวเกี่ยวเนื่อง:ลงขันปลดปล่อยนักโทษการเมือง