ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday 16 December 2010

อิเหนาหุ้มเกราะ ปชป.เหมาะสุด!!

ที่มา บางกอกทูเดย์

อิเหนาหุ้มเกราะ   ปชป.เหมาะสุด!!



แค้นไป-ชังไปก็ทำได้แค่"ตั้งฉายา"
ทัพไทยหมื่นล้าน-รัฐบาลซีอิ๊วดำ

เรื่องของการตั้งฉายา ถือเป็นทั้งสีสัน และเป็นการสะท้อนความจริงให้ทุกฝ่ายได้ตระหนัก

ซึ่งในแวดวงการเมือง และในแวดวงบันเทิง มักจะมีการตั้งฉายาประจำปีกันเสมอ ให้แสบๆคันๆ ให้สะกิดใจ หรือแม้แต่กระทั่งเป็นความชื่นชอบก็มี

สังคมจึงมักจะรอคอยดูฉายาของบุคคลสาธารณะในช่วงปลายปี ว่าจะมีอะไรโดนใจบ้างหรือไม่

ปรากฏว่า ปีนี้น่าจับตามองว่า สมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นั้นชิงการเปิดฉายาในแวดวงขึ้นมาเป็นรายแรก และสามารถเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย

โดยชุมนุมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปิดเผยถึงกิจกรรมการตั้งฉายาสถาบันทางการเมือง โดยการมีส่วนร่วมของนิสิต ทั้งที่สังกัดภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ และภาควิชาอื่น

โดยนำเสนอฉายาสถาบันทางการเมือง ประจำปี 2553 อันดบแรก คือ ฉายารัฐบาล “เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊ว”

เป็นฉายาที่สะท้อนถึงความเส้นใหญ่ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้มีอำนาจวาสนา กระบอกปืนและรถถัง รวมถึงบารมีทั้งในและนอกรัฐธรรมนูญ ที่อยู่เบื้องหลัง

ส่วนซีอิ๊วที่นำมาผัดทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ผัดออกมาแล้วเป็นสีดำด้วยกันหมด !!!

ในขณะที่ฉายารัฐสภา “สภามวยโลก”

เนื่องจากสมาชิกใช้รัฐสภาเป็นสถานที่ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง มุ่งหมายเพียงเอาชนะคะคานด้วยคำพูดที่หยาบคาย ใช้กำลังเข้าทำร้ายร่างกาย ตลอดจนขว้างปารองเท้าใส่กัน

สะท้อนให้เห็นถึงความไร้อารยธรรมของผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ

ขณะที่ในส่วนของพรรคการเมืองนั้น พรรคประชาธิปัตย์ ได้รับฉายา “อิเหนาหุ้มเกราะ”

เนื่องจากตอนเป็นฝ่ายค้านว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง แต่มาเป็นรัฐบาลกลับกลายเป็นพรรคการเมืองที่เลือกจะใช้นโยบายประชานิยมชนิดตัวพ่อ

แถมยังเป็นอิเหนาที่มีชุดเกราะของกองทัพคอยปกป้องคุ้มครองอยู่อย่างแน่นหนา

ส่วนพรรคฝ่ายค้านอย่าง พรรคเพื่อไทย ฉายาคือ “พรรคเพื่อใคร”

โดยมองว่าภายหลังนายใหญ่ของพรรค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกมาเป็นเบี้ยล่างถูกไล่ล่า รอบปีที่ผ่านมา นโยบายสำคัญที่พรรคผลักดันและนำมาหาเสียงจากประชาชนอย่างเป็นจริงเป็นจังก็ คือการนำทักษิณกลับบ้าน นโยบายด้านความเป็นอยู่ของประชาชนเปลี่ยนสถานะมาเป็นเพียงเรื่องรองของพรรค ไปโดยปริยาย

แต่ที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุด ก็คือการตั้งฉายาให้กับกองทัพ

ซึ่งทางสมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ตั้งฉายาให้ว่า

“ทัพไทยหมื่นล้านประสานงานปราบม็อบ”

เนื่องจากในรอบปีที่ผ่านมา กองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพบก สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผลงานที่โดดเด่นที่สุดเพียงเรื่องเดียวคือ

การเป็นเกราะคุ้มครองรัฐบาลนายอภิสิทธิ์

ซึ่งกองทัพถูกมองว่า ทุ่มเทสรรพกำลังและยุทโธปกรณ์ทั้งหมดที่มีมาใช้เพื่อสลายการชุมนุมทางการ เมืองของประชาชนฝ่ายตรงข้าม ภายใต้วาทกรรมการกระชับวงล้อมเพื่อขอคืนพื้นที่

ขณะเดียวกันกลับสร้างความเคลือบแคลงสงสัยถึงการใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนในการจัดซื้ออาวุธยุทโปกรณ์ปีละหลายหมื่นล้านบาท

งานนี้จี๊ดลึกๆเข้าไปโดนใจใครต่อใครจำนวนมากกันเป็นแถว

และต้องถือว่าสมาคมรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดสีสันการตั้งฉายาส่งท้ายปีให้กับแวดวงการเมืองของไทยได้สะใจไม่เบาจริงๆ

แต่งานนี้พรรคประชาธิปัตย์ และกองทัพ จะโทษใครไม่ได้ นอกจากว่าจะต้องเอาประวัติศาสตร์พรรคและประวัติศาสตร์กองทัพมากางดู ก็จะรู้ว่าทำไมสังคมถึงได้มองแบบนั้น

เพราะในอดีตการเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย สมประโยชน์กันทุกเรื่องระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับทหารนั้นไม่เคยมีเหมือนในยุคนี้

ไปถามคนรุ่นเก่าๆของพรรคประชาธิปัตย์ดูได้

จะมีก็ในยุคของนายอภิสิทธิ์ นี่แหละ ที่คนประชาธิปัตย์หลายคนอี๋อ๋อกับทหารอย่างเห็นได้ชัด จนก่อให้เกิดเสียงสะท้อนต่างๆมากมายตามมา

อย่างเช่นตัวเลข 700 ไม่รู้ว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. จะเคยได้ยินหรือคุ้นหูคุ้นตากับตัวเลขนี้บ้างหรือไม่ ว่าคนเขาลือกันขนาดไหนต่อไหนไปแล้ว

จากนี้ไปก็คงต้องรอดูว่า จะมีมหาวิทยาลัยอื่นๆตื่นตัวออกมาตั้งฉายาทางการเมืองอีกหรือไม่

รวมทั้งนักข่าวทำเนียบ ปีนี้จะมีทีเด็ดอะไรมาเตือนสติรัฐบาลอภิสิทธิ์ ผ่านฉายากันบ้าง ห้ามพลาดเด็ดขาด!!!