ประเทศไทยต้องเจอกับข่าวร้ายอีกกระทอกเมื่อ พล.ต.อ. วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. สั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เตรียมพร้อมออก 6 มาตรการทั่วประเทศเพื่อสกัดการลอบวางระเบิดในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลซึ่งจะมีระเบิดไปจนถึงสิ้นปี
ก็แปลว่าประเทศไทยโดยเฉพาะเมืองหลวงของประเทศจะต้องเผชิญกับเหตุระเบิดไปอีก 3-4 เดือนด้วยกัน ข่าวนี้ออกไป ทั่วโลก และเพิ่มความน่าเชื่อถือของข่าวโดยรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ อ้างการข่าวจากตำรวจสันติบาลและดีเอสไอ ที่ได้ข่าวมาตรงกัน
เศรษฐกิจการท่องเที่ยวไม่ฟื้นแน่นอน
ประกอบกับมาตรการทางด้านกฎหมายหลายอย่างไม่อำนวย ในการลงทุน เรื่องของมาบตาพุดกับปัญหาสิ่งแวดล้อม มีแนวโน้ม คาราคาซังไปอีกนาน วันสองวันนี้ก็จะมีการประท้วงกันครั้งใหญ่ ที่ศูนย์ราชการ จ.ระยอง ยังหาทางออกไม่ได้ ความน่าเชื่อถือทางด้านการลงทุนหดหายทันที แว่วมาว่านักลงทุนต่างชาติให้เวลาจนถึงสิ้นปี ถ้ายังไม่มีอะไรชัดเจนก็คงต้องโบกมือลา
การประมูล โทรศัพท์ระบบ 3 จี คงจะมีคำตอบเรียบร้อยไปแล้ว รัฐบาลหาทางออกโดยให้ทีโอทีพัฒนาธุรกิจ 3 จีที่ยังค้างอยู่ต่อไป จะได้แค่ไหนยังไม่รู้ ข้าง กสท ก็เร่งหาทางออกให้กับดีแทคและทรูมูฟเปิดบริการ 3 จีเหมือนกัน หรือข้อเสนอของกระทรวงการคลังที่จะให้ผู้ให้บริการมือถือในปัจจุบันพัฒนาจากระบบ 2 จีเป็น 3 จี อีนุงตุงนัง สรุปแล้วเป็นการแก้ปัญหากันแบบข้างๆคูๆ
ที่จะทำอะไรกันอย่างถูกต้องโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลของการดำเนินธุรกิจทั่วไปกลับทำไม่ได้ แทนที่ ประชาชนจะได้ประโยชน์ ในการใช้บริการทั้งคุณภาพและราคา ก็ไม่ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง จำใจ ใช้บริการชนิดมัดมือชกต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ในทางบังคับใช้กฎหมายของประเทศนี้ไม่มีมาตรฐาน สามารถที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ได้เหมือนเดิม สรุปแล้วไม่มีอะไรอยู่กับร่องกับรอย ใช้วิธีเอาตัวรอดแบบศรีธนญชัย
เรื่องข่าวข้าวในกระทรวงพาณิชย์ก็ใช่ย่อย พรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ อ้างการระบายสต๊อกข้าวของรัฐขณะนี้เปิดโอกาส ให้ผู้ส่งออกที่มีใบสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศเป็นผู้เสนอซื้อเข้ามาส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งจะมีการเจรจากับผู้ซื้อโดยตรงจาก รัฐบาลต่างประเทศ หรือจีทูจี งานนี้ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รับอาสาจะไปเจรจาด้วยตัวเอง
มีข่าวแพร่สะพัด ผู้ส่งออกและโรงสีได้รับการติดต่อจากบริษัทเอกชนที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่มีนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธาน สามารถซื้อข้าวจากสต๊อกรัฐบาลได้จำนวน 2 ล้านตัน มูลค่า 25,000 ล้านบาท ในราคาตันละ 1.35 หมื่นบาท สูงกว่าราคาที่รัฐอนุมัติขายที่ตันละ 1.2 หมื่นบาท โดยที่จะต้องจ่ายล่วงหน้าก่อนร้อยละ 10 คาดว่าจะฟันกำไรกันไปประมาณ 6 พันล้านบาท
เสร็จพวกทำนาบนหลังคนทั้งปี.
หมัดเหล็ก