ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Monday, 20 September 2010

คนเสื้อแดงรำลึก 4 ปีรัฐประหาร 4 เดือนสลายชุมนุม ความรู้สึกหลังพฤษภาเลือด

ที่มา ประชาไท

เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงรวมตัวกันที่แยกราชประสงค์ ในโอกาสครบรอบ 4 ปี ของเหตุการณ์รัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 และ 4 เดือนการสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ โดยผู้ชุมนุมบางส่วนได้ลงมาปิดถนนหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่แยกราชประสงค์จนถึงแยกประตูน้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ประสานกับนายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนอนซึ่งมีกำหนดจัดกิจกรรมในบริเวณดังกล่าว โดยนายสมบัติได้ใช้เครื่องเสียงจากรถของตำรวจ เพื่อขอให้ผู้ชุมนุมเปิดทางให้การจราจร แต่ไม่เป็นผลเนื่องจากเครื่องเสียงมีขนาดเล็ก และมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก ทำให้ผู้ชุมุนุมส่วนใหญ่ปักหลักอยู่เต็มบริเวณแยกราชประสงค์ โห่ร้องเป็นระยะ บางส่วนเปิดเพลงเต้นรำกลางถนน ขณะที่อีกกลุ่มแยกไปร่วมกิจกรรมกับนายสมบัติ

ในช่วงเวลาเดียวกันมีการแจกจ่ายลูกโป่งสีแดง และมีกิจกรรมนอนตายตามจุดต่างๆ หลังจากนั้นมีการนำผ้าสีแดงขนาดใหญ่ที่มีความยาวนับสิบเมตรมาคลี่ออกเพื่อ ให้ผู้ร่วมกิจกรรมร่วมกันเขียนข้อความ ก่อนจะนำไปผูกติดกับราวเหล็กกั้นทางเท้าที่ฝั่งห้างเกสรพลาซ่า

13.30 น.นายณัทพัช อัคฮาด น้องชาย น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พ.ค.เดินทางมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่อาสากู้ชีพในชุดเอี๊ยมสีฟ้าติดเครื่องหมาย กาชาดสีแดงซึ่งมีคราบเลือดติดอยู่หลายแห่งเพื่อมาร่วมกิจกรรม นายณัทพัชกล่าวว่าชุดดังกล่าวเป็นเอี๊ยมที่ น.ส.กมนเกด ใส่ในวันที่ถูกยิงเสียชีวิต
นายณัทพัชให้สัมภาษณ์ว่า พี่สาวของตนไม่ใช่คนเสื้อแดง แต่เป็นอาสาพยาบาลที่มาช่วยคนทุกสี แต่เมื่อถูกยิงเสียชีวิต กลับมีแต่คนเสื้อแดงเท่านั้นที่เห็นใจ ทั้งนี้ การรัฐประหาร 19 ก.ย.เป็นจุดเริ่มของสิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่สาวของตนและกับอีกหลายคนซึ่งได้ รับบาดเจ็บ การรัฐประหารเป็นการทำลายประชาธิปไตยที่ร้ายแรงที่สุดและเป็นสาเหตุของ มิคสัญญีในทุกวันนี้ ส่วนผู้ที่สูญเสียมากที่สุดคือประชาชนทั่วไปที่มาเรียกร้องประชาธิปไตย และผลสุดท้ายที่ร้ายแรงที่สุดของการรัฐประหารคือการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ฆ่าอาสาพยาบาลและนายทหารชั้นผู้ใหญ่ โดยที่ข้อมูลจากฝ่ายรัฐยังคงขัดแย้งกับข้อเท็จจริงตลอดมา
นายณัทพัชกล่าวด้วยว่า หากประเทศไทยยังคงมีกลุ่มอำมาตย์และไพร่ การปรองดองจะเกิดได้ยาก ส่วนการปรองดองของคนเสื้อแดงคือ ต้องไม่มี 2 มาตรฐาน คนที่ยิงประชาชนต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง และหากจะมีการทำรัฐประหารอีก ตนจะออกมาคัดค้านแบบหัวชนฝา
นอกจากนี้ นายณัทพัชยังกล่าวถึงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.กมนเกดว่า ล่าสุดได้เดินทางไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อสอบถามความคืบหน้า ซึ่งปรากฏว่ายังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และทางดีเอสไอได้ขอให้นำหลักฐานที่แสดงว่าทหารใช้อาวุธปืนยิง น.ส.กมนเกดมาให้ ตนจึงจะเดินทางไปศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือศอฉ.ในวันพุธที่ 22 ก.ย.นี้ เพื่อขอแถลงการณ์ ศอฉ.วันที่ 14 พ.ค.53 ที่ให้ทหารใช้อาวุธจริงได้และการติดป้ายพื้นที่การใช้กระสุนจริงมาเป็นหลัก ฐาน ซึ่งนายณัทพัชกล่าวว่าแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวของ ศอฉ.สอดคล้องกับการบาดเจ็บและเสียชีวิตของประชาชน
ด้านทวิตเตอร์ของ จส.100 https://twitter.com/js100radio รายงาน ว่า แยกราชประสงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ใช้เพียง 1 ช่องทางซ้าย โดยจะบังคับรถให้เลี้ยวซ้ายเข้าถ.ราชดำริเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ตรงไปแยกปทุมวันหรือเลี้ยวขวาที่แยกราชประสงค์ อย่างไรก็ตาม รถไฟฟ้าบีทีเอสยังให้บริการปกติทุกเส้นทาง

ทวิตเตอร์ของคลื่น 100.5 เอฟเอ็ม https://twitter.com/news1005fm รายงาน ว่า พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพิ่มกำลังเป็น 25 กองร้อย ดูแลความปลอดภัยการชุมนุมแยกราชประสงค์ และมีการติดกล้องวงจรปิดเพิ่มอีก 30 จุด

ด้านห้างสรรพสินค้าเกษร พลาซ่า ประกาศปิดบริการในวันนี้ ส่วนห้างเซ็นทรัล ชิดลม ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ แต่มีการตรวจค้นบุคคลเข้า-ออก และสิ่งของสัมภาระอย่างเข้มงวด ขณะที่สยามพารากอน สยาม ดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ จะปิดให้บริการเวลา 18.00 น.

เวลาประมาณ 15.00 น. นักศึกษาจากสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ประมาณ 20 คน ถือพวงหรีดและกระถางถูปไว้อาลัยแก่ประชาธิปไตยไทย เดินทางมาร่วมสมทบกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์หลังตระเวนรณรงค์ไปยัง สถานที BTS สถานีต่างๆ แล้ว โดยได้รับการต้อนรับปรบมือ โห่ร้องจากคนเสื้อแดงจำนวนมาก

16.30 น.นายสมบัติเริ่มกิจกรรม “จดหมายถึงฟ้า” โดยนำปล่อยลูกโป่งสีแดงจำนวนหนึ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า และผู้ร่วมกิจกรรมได้ร่วมกันปล่อยลูกโป่งที่มีข้อความต่างๆ ขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยเช่นกัน ในขณะที่บางส่วนมีการร้องเพลงและเต้นรำอย่างสนุกสนาน
นายสมบัติให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกิจกรรมในวันนี้ว่า จำนวนผู้ที่มาร่วมกิจกรรมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 8,000-10,000 คน ซึ่งมากกว่าจำนวนที่ตนเองและรัฐบาลประเมินไว้ จึงเป็นการสะท้อนว่ายังมีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ยังมีความรู้สึกและต้องการ แสดงออก แม้จะอยู่ในพื้นที่ประกาศ พรก.ฉุกเฉินก็ตาม ส่วนการปล่อยลูกโป่งที่มีเครื่องหมายคำถามและข้อความขึ้นสู่ท้องฟ้า เนื่องจากรัฐบาลไม่ตอบคำถามเรื่องความรับผิดชอบต่อการบาดเจ็บและเสียชีวิต ของประชาชน นายสมบัติกล่าวว่า มีคำพูดอยู่ว่าคำตอบอยู่ในสายลม จึงปล่อยลูกโป่งให้ลอยไปตามสายลมไปบนฟ้า เผื่อว่าจะมีใครตอบคำถามนี้บ้าง
นอกจากนี้นายสมบัติยังกล่าวด้วยว่า รัฐประหาร 19 ก.ย.เป็นสาเหตุที่นำประเทศมาสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่ราชประสงค์จะนำไปสู่เรื่องราวที่ผู้มีอำนาจ ต้องรับผิดชอบ ซึ่งจะเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง
“รัฐประหารนำประเทศชาติมาสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ในสังคมไทยอย่างที่ ไม่เคยมีมาก่อน เหตุการณ์ 4 เดือนราชประสงค์ จะเป็นบาดแผลครั้งสำคัญ จะนำไปสู่เรื่องราวที่ผู้มีอำนาจต้องรับผิดชอบ นี่จะเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง รัฐบาลอาจจะพยายามบิดเบือนและลืมเลือนเรื่องราวเหล่านี้ แต่พวกเรามาที่นี่เพื่อจะบอกว่า เราไม่ลืม” นายสมบัติกล่าว
นายสมบัติกล่าวถึงการจัดกิจกรรมจากนี้ไปว่าจะยังไม่มีกิจกรรมขนาดใหญ่ เกิดขึ้น แต่จะมีการเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมให้มีขนาดเล็ก เช่น การปั่นจักรยาน และถ้าจะมีการจัดกิจกรรมที่มีคนมาร่วมเป็นหมื่นหรือแสนคน หากรัฐบาลมองว่าการลงมาบนถนนจะเกิดอันตราย ตนก็จะขอใช้สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง หรือราชมังคลากีฬาสถานแทน
สำหรับกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดงในสัปดาห์ต่อไป นายสมบัติกล่าวว่าจะไปจัดกิจกรรมปั่นจักรยานที่ จ.อุดรธานี ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นเมืองหลวงของคนเสื้อแดง และเป็นพื้นที่ที่ยังมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

16.53 น. โฆษก ศอฉ. เผยกับ คลื่นเอฟเอ็ม 100.5 ว่า ตำรวจยังไม่ได้ร้องขอกองกำลังเสริมจากทหาร แต่ทางกองทัพได้เตรียมทหารไว้ ณ ที่ตั้งประมาณ 5-6 กองร้อย

17.00 น. บก.ลายจุดประกาศจะยุติการชุมนุมที่แยกราชประสงค์ในเวลา 18.00น. เพราะเกรงว่า มืดแล้วจะควบคุมมวลชนได้ยาก หลังจากนั้นจึงมีการร่วมกันปล่อยลูกโป่งสีแดงขึ้นสู่ท้องฟ้า และมีกิจกรรมจุดเทียนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ตลอดกิจกรรมมีผู้นำผ้าแดงเส้นเล็กๆ มาผูกเข้ากับผ้าแดงที่โยงมาจากราวกันตกบนทางเดินเชื่อมรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยผูกโยงกันในลักษณะแห คล้ายใยแมงมุมสีแดงคลุมไปทั่วแยกราชประสงค์