ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Monday, 20 September 2010

ผลจาก 19 กันยาฯ

ที่มา ข่าวสด

เหล็กใน



ก็จริงอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปเยอะแล้ว

การรัฐประหาร 19 กันยาฯ 49 โดยคมช. ส่งผลร้ายแรงให้สังคมไทย

ที่เห็นกันชัดๆ ก็คือความแตกแยกรุนแรงในหมู่คนไทย

ผ่านมา 4 ปี ดีกรีความโกรธแค้นเกลียดชัง ดูเหมือนจะไม่จางหาย

จากซีกคนเสื้อแดง ซึ่งก็ประกอบด้วยนักการเมือง พรรคเพื่อไทย แกนนำนปช. ชาวบ้านที่รักทักษิณ ชินวัตร

สมทบด้วยกลุ่มคนที่ไม่เอาด้วยเด็ดขาด กับการปฏิวัติรัฐประหาร (ไม่ว่าใครจะปฏิวัติใคร)

จุดแตกหักของเหตุการณ์ ก็คือเหตุการณ์การชุมนุมพฤษภาฯ 53 ที่ผ่านพ้นมาได้ 4 เดือน

มีคนสังเวยชีวิตไปมากมาย 91 ศพ พร้อมกับความรู้สึกของผู้คนที่สั่นสะเทือนไปคนละแบบสองแบบ

แม้แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับการปิดราชประสงค์ของคนเสื้อแดง ก็ใช่ว่าอยากจะให้เหตุการณ์ออกมาแบบนี้

ไม่มีใครอยากเห็นคนไทยฆ่ากันเอง

ชนวนเหตุอันนำมาสู่โศกนาฏกรรมเมืองหลวง สามารถโยงไกลไปถึงการปฏิวัติ 19 กันยาฯได้แน่นอน

อย่างไรก็ตาม การจะโยงให้ไกลไปกว่า 19 กันยาฯ ก็ย่อมทำได้เช่นกัน

เพราะตอนนั้นสังคมไทยก็แตกเป็นเสี่ยงหลายระ ลอกแล้ว เมื่อผู้คนมากมายทนเห็นการใช้อำนาจของ "ทักษิณ" ไม่ไหว

สถาปนาความเป็นเผด็จการรัฐสภา พร้อมกับการทุจริต เชิงนโยบายไปพร้อมกัน

ทรัพย์สินพอกพูนไม่พอ ยัง "โชว์พาว" ขายหุ้นแบบไม่ต้องเสียภาษีสักบาทก็ได้

ไปๆ มาๆ มันกลายเป็นการจัดการภาษี ที่ถูกปรับหนักเกินคาดคิด

และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ "กีฬาสี" ที่แข่งกันมา 4-5 ปี ยังไม่เป่านกหวีดเลิกเสียที

ในที่สุด ทหารก็ออกมา "เอ็กเซอร์ไซส์"

ชาวบ้านจำนวนมากไม่อาจรับได้ รัฐบาลที่เขาเลือกมากับมือมาโดนยึดอำนาจ

นักวิชาการสายประชาธิปไตย ก็รับไม่ได้กับการฉีกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

ถ้าย้อนอดีตกลับไป ตรงนั้นจึงเป็นทางสองแพร่ง

1.ทหารปฏิวัติล้มกระดาน อย่างทุกวันนี้ 2.ใช้ระบบตามกฎหมายตรวจสอบ "ทักษิณ" ต่อไป

จะเห็นว่าไม่ว่าทางไหน ความแตกแยกขัดแย้งในสังคมไทย ล้วนเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนหลังการปฏิวัติ ก็คือการหลุดจากอำนาจของ "ทักษิณ" อย่างไม่อาจหวนกลับ

ทรัพย์สินที่ได้มาขณะดำรงตำแหน่ง ถูกยึดเข้าคลังหลวงไปเกินครึ่ง

แม้จะมีการจุดพลุคำว่า "ปรองดอง" ขึ้นมา ทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน

แต่หนทางยังดูมืดมน ราวเดินในถ้ำ