ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Sunday, 4 July 2010

ศอฉ.ออกหมายเรียกพยานปากเอกหน่วยกู้ภัย ‘วสันต์ แสงรัศมี’

ที่มา ประชาไท

เมื่อวันที่ 2 ก.ค.53 เว็บไซต์ข่าวสดรายงานว่า นายวสันต์ หรือเก่ง แสงรัศมี เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมอาสาพยาบาลที่ติดอยู่ภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันสลายม็อบแดง 19 พ.ค. เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้รับแจ้งจากญาติพี่น้องที่พักอาศัยอยู่ภายในซอยประชาอุทิศ 29 ว่าบริเวณหน้าบ้านพักหลังดังกล่าวได้มีหมายเรียกของศูนย์อํานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ติดไว้ที่ประตูบ้านพัก โดยติดไว้ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีข้อความระบุว่า ให้ตนไปรายงานตัวที่ศอฉ. แต่ไม่ระบุวันนัดหมาย พร้อมกับลงชื่อท้ายหมายว่าเป็นคำสั่งของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานศูนย์อํานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และข้อความห้ามดึงออก

นายวสันต์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยทําอะไรที่ผิดกฎหมาย แต่ที่เข้าไปอยู่ภายในวัดปทุมวนารามในวันนั้น เนื่องจากเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตที่อยู่ในวัด ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเหตุรุนแรงในพื้นที่ และไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมนปช. ซึ่งในใจตนคิดว่าการที่ศอฉ.นําหมายมาแปะที่หน้าบ้านเพื่อเรียกตนไปพบนั้น ก็เพื่อต้องการให้ตนเป็นพยานในคดีต่างๆ เพราะไม่รู้หาวิธีไหนเชิญตนไปพบ เพราะไม่มีความผิด และขณะนี้ตนต้องอยู่แบบหวาดผวา หวาดกลัวต้องหลบๆ ซ่อนๆ ไปตามสถานที่ต่างๆ และตนจะไม่เดินทางไปพบแน่ นอนเพราะไม่ได้ผิดอะไร

สำหรับนายวสันต์ หรือเก่ง เป็นหน่วยกู้ชีพที่ออกมาทวงความยุติธรรมให้ น.ส.กมลเกด อัดฮาด นายมงคล เข็มทอง และนายอัครเดช ขันแก้ว เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพและพยาบาลอาสาที่ถูกยิง 3 ศพในวัดปทุมวนาราม และอีก 1 ศพคือนายมานะ แสนประเสริฐศรี ที่บ่อนไก่ และยังเป็นคนที่ยืนยันว่าในวันรุ่งขึ้นที่พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าไปชันสูตรศพน.ส.กมนเกดในเบื้องต้น พบว่ามีหัวกระสุนติดอยู่ที่บาดแผลบริเวณหน้าท้องของน.ส.กมนเกด

วันเดียวกัน ที่ศาลาประชาคม ภายในชุมชนบ่อนไก่ นางมาลี แสนประเสริฐศรี มารดา นายมานะ หรือเบิร์ด แสนประเสริฐศรี อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ถูกยิงศีรษะเสียชีวิตขณะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ได้จัดพิธีทําบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ลูกชายที่ครบรอบการเสียชีวิต 49 วัน มีบรรดาเจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง และผู้ที่เคยติดอยู่ภายในวัดปทุมฯและที่เคยร่วมชุมนุมอยู่บริเวณบ่อนไก่ มาร่วมงานกว่า 100 คน รวมทั้งน.ส.นวรัตน์ ฤกษ์มงคลรุจ อายุ 20 ปี แฟนสาวนายมานะ โดยเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้จัดบอร์ดแสดงภาพเหตุการณ์สลายม็อบของรัฐบาล และภาพนายมานะที่ถูกยิงเสียชีวิต

น.ส.นวรัตน์กล่าวว่า ตนกับพี่มานะคบหากันมากว่า 2 ปี และเขาเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้เดือดร้อน นิสัยดี และเป็นคนขยันทุกวันเขาจะออกไปขับแท็กซี่ที่ซื้อไว้เกือบทุกวัน และเวลามีเหตุก็จะให้ผู้โดยสารลง ส่วนตัวเองก็ไปช่วยเหลือทันที โดยไม่คิดเงินลูกค้า และช่วงที่อยู่ด้วยกันตนยังเคยออกไปกู้ภัยกับเขาด้วย แต่พอมาช่วงหลังที่มีม็อบไม่ได้ไป เพราะพี่มานะไม่ให้ไป บอกว่ามันอันตราย ก่อนหน้าที่พี่มานะเสียชีวิตขณะนั้นอยู่กับตนในร้านเกมหลังโลตัส พระราม 4 ระหว่างนั้นพี่มานะเอามือมาจับแก้มตน และตนก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าทั้งๆที่พี่มานะเพิ่งอาบน้ำมา ไม่นานพี่มานะก็หอมแก้มตนและก็ออกไปทำงานเพราะมีเหตุยิงกันที่บ่อนไก่ เหมือนเป็นลางบอกเหตุ หลังจากหายไปนานหลายชั่วโมงจนเกือบค่ำ ตนได้โทร.หาพี่มานะก็มีคนรับสายแทนบอกว่าพี่มานะตายแล้ว ตนตกใจมากรีบไปที่โรงพยาบาลทันที ตนเสียใจและเศร้าใจมาก ความจริงพี่มานะบอกตนว่าหากผ่อนรถแท็กซี่หมด ก็จะเก็บเงินสักก้อนมาขอตนแต่งงาน และสร้างบ้านอยู่ด้วยกัน แต่ต้องมาเสียชีวิตเสียก่อน

วันเดียวกัน นายวุฒิกร อินทรภูวศักดิ์ ผู้ช่วยรมต.ประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เป็นประธานพิธีมอบเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. จำนวน 71 ราย แบ่งเป็นผู้เสียชีวิต 5 ราย และผู้บาดเจ็บ 66 ราย รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท

โดยนายวุฒิกร กล่าวว่า เงินช่วยเหลือที่มอบให้ผู้เสียหายในวันนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 71 ราย รวมเป็นเงิน 5 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายตามระยะเวลาที่เข้าพักรักษาตัว ที่ระบุในหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยพม.ได้มอบเงินเยียวยาให้ผู้เสียหายไปแล้ว 12 ครั้ง รวมครั้งนี้ด้วยเป็น 1,381 ราย เป็นเงิน 70,743,209 บาท

วันเดียวกัน นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้นายสุทิพย์ ไชยเดช นิติกรปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองฯ เดินทางมาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 47 ปี โชเฟอร์แท็กซี่เหยื่อปืน ให้สัมภาษณ์ว่าค่าสินไหมทดแทนที่ร้องขอถูกตัดออกจากวาระการประชุมคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาในวันนี้ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา จนเกิดควมเครียดปีนขึ้นบันไดชั้น 8 ขู่ฆ่าตัวตาย

นายสุทิพย์ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่าคณะกรรมการพิจารณาฯ ต้องตรวจสอบพิจารณาตามลำดับเรื่องที่ร้องขอเข้ามา โดยเรื่องที่นายพงศ์พิชาญร้องเข้ามาในวันที่ 21 พ.ค. อยู่ในลำดับที่ 62 จึงยังไม่ได้เข้าวาระการประชุม เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนรวบรวมหลักฐานว่ามีคุณสมบัติตามที่ พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 กำหนดไว้หรือไม่ โดยนายพงศ์พิชาญให้การว่าโดนยิงประมาณ 5 ทุ่ม ขณะเดินอยู่บริเวณถ.ราชปรารภเพื่อไปทำธุระ จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น และเห็นแสงเลเซอร์สีฟ้าพุ่งมาบริเวณหน้าผาก จึงยกแขนขึ้นมาบังและรู้สึกว่าแขนข้างซ้ายถูกยิงจนเลือดไหล จึงหลบเข้าข้างกำแพงและนั่งรถจักรยานยนต์ออกมา ก่อนมีคนมาช่วยนำตัวส่งโรงพยาบาล มีความขัดแย้งกับที่ให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ว่าโดนยิงประมาณ 5 ทุ่ม ขณะไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณหน้าปั๊มเอสโซ่ ซ.รางน้ำ ถ.ราชปรารภ

"การที่กรรมการพิจารณาฯ จะอนุมัติจ่ายเงินซึ่งเป็นเงินหลวงแก่ใคร จำเป็นต้องตรวจสอบหลักฐานทั้งจากตำรวจ โรงพยาบาล และพยานแวดล้อม ให้แน่ชัดเพื่อนำมาประกอบกับกฎ หมายตามพ.ร.บ.ฯ มาตราที่ 3 ที่ระบุว่าผู้เสียหายหมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับความเสียหายถึงแก่ชีวิตหรือร่างกายหรือจิตใจ เนื่องจากการกระทำความผิดทางอาญาของผู้อื่น โดยตนมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดนั้น ร่วมกับรายการท้ายพ.ร.บ.ฯ ลักษณะ 10 ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย หมวด 1 ความผิดต่อชีวิต มาตรา 288 ถึง 294 และหมวด 2 ความผิดต่อร่างกาย มาตรา 295 ถึง 300 ประกอบกัน ซึ่งถ้าเป็นตามที่ผู้ร้องได้ให้สัมภาษณ์ก็ถือเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และผิดหลักเกณฑ์การร้องขอดังกล่าว" นิติกรปฏิบัติการ กล่าว