ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Saturday, 3 April 2010

อำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย

ที่มา thaifreenews


โดย prainn
วันที่ 3 เมษายน 2553

อำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย

การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังดำเนินไปอยู่เวลานี้ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญของสังคมการเมืองไทยในอนาคต การเผชิญหน้าและการกดดันด้วยวิถีทางต่างๆ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลักดันทางการเมืองเพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและระบบการเมืองที่จะทำให้ทุกฝ่ายสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมืองได้อย่างทัดเทียม

ความขัดแย้งที่ต่อเนื่องและเข้มข้นสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของโครงสร้างสังคมการเมืองที่ไม่เป็นธรรมอย่างรุนแรงกับผู้คนโดยเฉพาะคนชั้นล่างอันเป็นรากฐานสำคัญของความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน ตราบเท่าที่ยังไม่เกิดการปรับโครงสร้างทางการเมืองเกิดขึ้นก็ยากที่จะทำให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไป

การไม่ไยดีต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้ ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่ารัฐบาลมีความต้องการที่จะทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองดำรงอยู่ต่อไป เพียงรักษาสถานภาพและผลประโยชน์ในกลุ่มก้อนของรัฐบาลเอง และแน่นอนว่าการเฉยเมยด้วยการใส่ร้ายป้ายสีผ่านสื่อของรัฐที่ดำเนินควบคู่กันไป อาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรุนแรงทางการเมืองให้บังเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ถือได้ว่าเป็นตัวการที่ทำให้กระบวนการปรับตัวหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างสังคมอย่างสันติในระบอบประชาธิปไตยยุติลง อันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการปรับโครงสร้างอำนาจทางการเมืองด้วยอำนาจรัฐประหารนั้นล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

การเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงผ่านการเรียกร้องด้วยข้อเรียกร้องต่างๆ ตั้งแต่เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรียกร้องให้ดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยึดสนามบินและทำเนียบรัฐบาล การปลดนายกษิต ภิรมณ์ เรียกร้องให้องคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และนายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ลาออก เนื่องจากมีความเกี่ยวเนื่องกับวิกฤตบ้านเมือง จนท้ายสุดมาถึงการเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน

การเรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้นถือได้ว่าเป็นการเรียกร้องที่หลีกเลี่ยงในการเผชิญหน้าที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงได้ดีที่สุด เพราะนั่นเท่ากับเป็นการคืนอำนาจให้กับประชาชน แต่รัฐบาลกลับตั้งกองกำลังทหารเผชิญหน้าประชาชนทั้งพร้อมที่จะใช้กำลังอาวุธยุทธโธปกรณ์ทุกกรณีที่จำเป็นหากได้รับคำสั่งจากรัฐบาล

ความดื้อรั้นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ด้วยการใช้วาทศิลป์แบบมะกอกสามตะกร้าหรือศรีธนญชัย ยุครัตนโกสินทร์ยิ่งสร้างความโกรธแค้นและไม่พอใจให้กับประชาชนไม่เฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงเพียงอย่างเดียวที่ได้เห็นธาตุแท้ของหัวหน้ารัฐบาลที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างชัดเจนจากการเจรจาในครั้งนี้ว่า “ลิ้นไม่มีกระดูก”นั้นเป็นอย่างไร

สิ่งหนึ่งที่ผู้คนในบ้านนี้เมืองนี้กลับสัมผัสได้ชัดเจนมากยิ่งกว่านั้นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มิได้มีอำนาจในการปกครองหรือบริหารราชการแผ่นินตัวจริง แต่กลับมีผู้อยู่เบื้องหลังในการใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรีที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ว่าแม้แต่กระทั่งจะลาออกเองก็ยังไม่สามารถปฏิบัติได้เสียด้วยซ้ำไปหากไม่ได้ไฟเขียวจากผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ



หากยังปล่อยให้บ้านเมืองดำเนินเช่นนี้ต่อไปอีกในอนาคตเห็นทีประเทศชาติยิ่งย่อยยับลงไปเรื่อยๆ จนไม่มีอะไรเหลือให้ลูกหลานได้กินได้ใช้เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันจะตกอยู่ในกำมือของคนเพียงไม่กี่ตระกูลกับสมุนรับใช้ประเภทนักวิชาการหางเครื่องอำมาตย์ ทหารขี้ข้าอำมาตย์ และนักธุรกิจที่หมอบคลานอยู่ใต้ตีนอำมาตย์

ดังนั้น การปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมครั้งใหม่ควรดำเนินการให้เกิดขึ้นในการต่อสู้ครั้งนี้ไปพร้อมๆ กันเสียทีเดียว เพราะไหนๆ ก็ได้เปิดโปงความชั่วร้ายของอำมาตย์ให้ทุกคนเห็นเด่นชัดไปแล้วว่ามีใครทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะกรณีเขายายเที่ยง เขาสอยดาว เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจทีเดียวว่า จะใช้กฎหมายเข้าไปดำเนินการครั้งนี้ได้อย่างไรให้ถึงที่สุด

อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล เพราะหากการต่อเนื่องของคดีสำคัญครั้งนี้หยุดชะงักหายไปเฉยๆ แกนนำที่ดำเนินการเรื่องนี้คงไม่น่าเป็นที่ประทับใจนักสำหรับคนทั่วไป รวมถึงอีกหลายคดี่พันธมิตรฯ ได้ก่อร่างสร้างความชั่วไว้มากมายก็ต้องขุดคุ้ยขึ้นมาจัดการให้ถึงที่สุดโดยเฉพาะสนธิ ลิ้มปูติน และแกนนำทั้งสองรุ่นทุกคนเอาให้ติดคุกอย่าให้เหลือเหลือ

ดังนั้น วันนี้ (3 เมาษายน 2553) จึงเป็นวันสำคัญยิ่งในการรวมตัวของพี่น้องคนเสื้อแดงและหลากหลายสีที่ต้องออกมารวมตัวกันให้มากที่สุด เพื่อกดดันให้รัฐบาลยุบสภาให้ได้ในมาตรการกดดันที่เข้มข้นขึ้นตามที่แกนนำได้ประกาศ

ทำให้วันนี้เป็นวันประวัติศาสตร์ เป็นวันปลดแอกประชาชนอีกครั้งหนึ่งก่อนที่ความเป็นจริงมันจะเกิดขึ้นทั้งที่มันเริ่มเกิดจากความรู้สึกแล้วว่า เรากำลังถูกปฏิบัติเยี่ยงไพร่ทั้งที่เรามิใช่ไพร่ และพวกเขาพยายามทำให้เห็นและมีความรู้สึกว่าพวกเขาเปรียบเสมือนเทพเจ้าที่ลงมาโปรดมนุษย์ในโลก ทั้งที่พวกเขาก็คือมนุษย์ที่กิน ขี้ ปี้ นอน ไม่ต่างไปจากเรา

ลุกขึ้นมา ออกมาให้หมด ออกมาต่อสู้และเรียกร้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเรากลับคืนมา เพราะอำนาจอธิปไตยต้องเป็นของราษฎรทั้งหลาย

ผมไปด้วยคนพบกันที่ถนนราชดำเนินครับ



พระอินทร์

////////////////////////////////////////////////////////////////////////////