ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Wednesday, 24 February 2010

จาตุรนต์:รัฐบาล พธม. สื่อกดดันศาลขยี้ยุติธรรม

ที่มา Thai E-News




รัฐบาลสร้างข่าวว่าจะเกิดความวุ่นวายเพื่อล้มคดี หรือเพื่อกดดันศาล ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงมาตลอด แต่ในความเป็นจริงกลับปรากฏว่า ขณะนี้ล้อมๆ ศาลมีเครื่องขยายเสียงหลายสิบล้านเครื่องทั่วประเทศคือทีวี ทุกด้านโฆษณาไปในทางเดียว คือ โฆษณาว่า ทรัพย์สินนี้ไม่ชอบต้องยึดเท่านั้น และเมื่อยึดแล้วจะเกิดความวุ่นวายต่างๆ ตามมา เป็นการโฆษณาเพื่อที่จะกดดันศาล ชี้นำสังคม และทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง ผ่านเครื่องขยายนับสิบล้านเครื่องรอบศาล ผมจึงได้บอกว่า ได้เกิดความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นแล้วในการพิจารณาคดีนี้


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
24 กุมภาพันธ์ 2553

บันทึกคำต่อคำ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงข่าวกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างต่อเนื่องในคดียึดทรัพย์ 7.6 พันล้าน เวลา 10.00 น.



นายจาตุรนต์ - ที่ต้องให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่ามีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในกรณีนี้ และรู้สึกว่าเหมือนกับมีการรุมรังแกกันอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด

รวมทั้งเป็นห่วงว่า ถ้าการตัดสินนี้ออกมาไม่ยุติธรรมขัดกับหลักนิติธรรมจะกระทบต่อความเชื่อถือต่อระบบยุติธรรมของประเทศอย่างรุนแรง ทั้งจากสังคมไทย และจากประชาคมโลก ชนิดที่ยากจะกอบกู้กลับมาได้

และอาจจะกลายเป็นต้นเหตุ และพื้นฐานสำคัญของความแตกแยกในสังคมที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิม ชนิดที่ยากแก่การเยียวยา เนื่องจากผู้คนจำนวนมากไม่อาจจะพึ่งระบบ และกฎหมาย แต่หาทางออกโดยวิธีอื่น

ที่แสดงความเป็นห่วงอย่างนี้มีเหตุผลข้อเท็จจริงรองรับตลอด เพราะได้มีการชี้นำสังคม กดดันศาล แม้กระทั่งหมิ่นศาลอย่างชัดเจน เพื่อให้มีผลต่อการตัดสินคดี และทำลายล้างคู่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง


ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำโดยรัฐบาล คนสำคัญคือรัฐบาล สื่อของรัฐ โดยสมคบร่วมมือกับอดีตคตส.บางคนและพันธมิตรฯ รัฐบาลได้พยายามโยงทุกเรื่องที่จะโยงได้เข้ากับคดียึดทรัพย์ ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริง รัฐบาลยังได้พยายามสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ตกเป็นจำเลย และผู้สนับสนุน โดยการกล่าวหาที่เป็นเท็จอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้นรัฐบาลยังไม่วางตัวเป็นกลาง แสดงความเห็นในทางให้ร้าย และใช้สื่อของรัฐในการให้ข้อมูลด้านเดียวทุกวัน โดยไม่เปิดให้อีกฝ่ายหนึ่งให้ข้อมูล ทั้งๆที่เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ตามหลักแล้วที่ถูกต้องแล้ว รัฐบาล และสื่อของรัฐจะต้องเป็นกลาง แต่ไม่ได้แสดงความเป็นกลางเลยอย่างต่อเนื่องทุกวันทุกคืน ส่วนคตส.ก็กระทำผิดประเพณีปฏิบัติ ผิดจรรยาบรรณของพนักงานสอบสวน หรืออดีตพนักงานสอบสวน แสดงความเห็นในทางให้ร้ายจำเลย ทั้งๆที่เรื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ใช้ความเห็นแบบไม่ได้อิงหลักกฎหมายอย่างที่บอกว่า “วัวกินหญ้า” เป็นการพูดแบบไม่สอดคล้องหลักนิติธรรมเลย เหมือนอย่างที่ผมพูดไปบ้างแล้วว่า เหมือนกับ “คนกินหญ้า”เสียมากกว่า

แต่ว่าการที่ยังพูดอย่างต่อเนื่อง ใช้สื่อของรัฐในการให้ร้ายจำเลยอย่างต่อเนื่องก็เปรียบเหมือนกับว่าประชาชนคนไทยทั้งประเทศกินหญ้ากันไปหมดแล้ว นอกจากนั้นในส่วนของพันธมิตรฯล่าสุด นอกจากพยายามให้ร้ายชี้นำกดดันศาล


ล่าสุดการพูดของพันธมิตรฯและพรรคการเมืองใหม่ ที่บอกว่ามีการใช้เงิน 5 พันล้านมาติดสินบนศาล และล่าสุดยังได้พูดเลวร้ายกว่านั้นมี 4 คนรับไปแล้ว เหลืออยู่คนเดียว การพูดว่า 4 คนรับไปแล้ว หรือติดสินบน 5 พันล้าน และมี 4 คนรับไปแล้ว ก็แสดงว่า เป็นการพูดว่า มีผู้พิพากษาอย่างน้อย 4 คนรับไปแล้ว อันนี้เป็นการพูดลักษณะหมิ่นศาลอย่างชัดเจน น่าแปลกว่า การพูดเหล่านี้ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ทั้งๆที่เป็นหมิ่นศาลอย่างชัดเจน

ก็เท่ากับว่า ผู้เกี่ยวข้องต้องการให้มีการพูดแบบนี้เพื่อกดดันศาล โดยทำให้สังคมคิดว่า ถ้าใครไม่วินิจฉัยยึดทรัพย์เท่ากับรับสินบน ถ้าใครวินิจฉัยยึดทรัพย์ก็ไม่รับสินบน ขณะนี้การพิจารณาคดีนี้จึงเป็นการพิจารณาคดีที่แปลกประหลาดที่สุดในประวัติศาสตร์ของการพิจารณาคดีทั้งหลายในประเทศไทย หรืออาจจะในโลกด้วย

รัฐบาลสร้างข่าวว่าจะเกิดความวุ่นวายเพื่อล้มคดี หรือเพื่อกดดันศาล ซึ่งก็ไม่เป็นความจริงมาตลอด แต่ในความเป็นจริงกลับปรากฏว่า ขณะนี้ล้อมๆ ศาลมีเครื่องขยายเสียงหลายสิบล้านเครื่องทั่วประเทศคือทีวี ทุกด้านโฆษณาไปในทางเดียว คือ โฆษณาว่า ทรัพย์สินนี้ไม่ชอบต้องยึดเท่านั้น และเมื่อยึดแล้วจะเกิดความวุ่นวายต่างๆ ตามมา เป็นการโฆษณาเพื่อที่จะกดดันศาล ชี้นำสังคม และทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง ผ่านเครื่องขยายนับสิบล้านเครื่องรอบศาล ผมจึงได้บอกว่า ได้เกิดความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นแล้วในการพิจารณาคดีนี้ เพราะฉะนั้นก็เหลือแต่การตัดสิน

ซึ่งผมคิดว่า การตัดสินเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้จะยึดทรัพย์อะไรหรือไม่ จะเกิดอะไรกับคุณทักษิณและครอบครัว หรือคุณทักษิณจะทำอะไรต่อไป ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดในสังคม แต่ประเด็นสำคัญที่สุดในสังคมคือ การตัดสินจะเป็นไปตามหลักนิติธรรมหรือขัดต่อหลักนิติธรรม จะเกิดอะไรขึ้นกับระบบยุติธรรมและต่อสังคมไทยหลังการตัดสินคดีนี้

เรื่องการทำลายสถานที่ ใช้ความรุนแรงในวันตัดสิน ผมว่าไม่น่าเป็นห่วง ถ้ารัฐบาลป้องกันให้ดีและอย่าสร้างสถานการณ์ ก็คงไม่มีอะไรมาก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือผลตัดสินจะออกมาอย่างไร ถ้าขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่ยุติธรรม จะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิดกัน คือจะกระทบต่อความเชื่อถือ ความยุติธรรมของประเทศอย่างรุนแรง ทั้งจากสังคมไทยและประชาคมโลกชนิดที่ยากที่จะกอบกู้กลับมาได้ จะเป็นต้นเหตุสำคัญของความแตกแยกในสังคม ที่หนักหนาสาหัสที่ยากต่อการเยียวยา เนื่องจากผู้คนจำนวนมากอาจไม่หวังพึ่งระบบและกฎหมาย แต่จะหาทางออกวิธีอื่น

จึงอยากจะเรียกร้องนอกจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย โดยเฉพาะพวกที่กดดันศาล สร้างสถานการณ์ สร้างความเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามหรือคู่ต่อสู้ทางการเมือง หยุดการกระทำนั้นเสีย โดยเฉพาะรัฐบาล คตส. และพันธมิตรฯกับพรรคการเมืองใหม่ และอยากเรียกร้องให้สังคมหาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการพิจารณาและการตัดสินคดีนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งหาโอกาสที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสมในโอกาสต่อไป โดยเฉพาะถ้าเห็นว่า มีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น ก็ต้องยืนยันว่าประชาชนมีสิทธิที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินก็ได้

ถ้าหากเห็นว่าไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น สิ่งที่ต้องทำคือต้องใช้สติปัญญา ใช้ความรู้ เหตุผล แสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสมเพื่อหาทางแก้ไขปรับปรุงระบบยุติธรรมของประเทศ เพื่อหาทางออกให้กับสังคมแบบสันติวิธี พยายามใช้ความอดทน อดกลั้น

ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับความไม่ยุติธรรม ควรใช้ความอดทน อดกลั้นและใช้สติปัญญา ใช้เหตุผลในการปรับปรุงระบบยุติธรรมในประเทศนี้ แทนที่จะไปแสดงออกด้วยการใช้ความรุนแรงเล็กๆน้อยๆอะไรก็ตาม ซึ่งจะเป็นเหยื่อของรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลจะฉวยโอกาสขยายความให้ใหญ่มากขึ้น ทำให้เห็นว่าเป็นเรื่องของคนเลวร้าย เป็นเรื่องของคนไม่ยอมรับกติกาใดๆและก็จะขยายความจนคนส่วนใหญ่ลืมประเด็นการตัดสินว่ายุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม

อยากเรียกร้องต่อสังคม และเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของสังคมไทย และเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของระบบยุติธรรมของไทย ถ้าไม่สนใจกันอย่างจริงจัง ผลเสียจะตามมาอย่างมาก


ผู้สื่อข่าว - กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า จะใช้ช่องทางของศาลโลกในการดำเนินการหากไม่ได้รับความยุติธรรมในคดียึดทรัพย์


จาตุรนต์ - พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้วิธีอะไรต่อไป ผมไม่ไห้ความสำคัญ หรือสนใจอะไรเลย แต่กำลังสนใจว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับระบบความยุติธรรมของประเทศ และคนส่วนใหญ่จะทำกันอย่างไรต่อไป

เมื่อผลการตัดสินออกมาแล้ว รัฐบาลอาจจะโหมโฆษณาประชาสัมพันธ์ในทางชื่นชมสดุดี ถ้าเขาเห็นว่าตรงกับใจเขา ต้องถามทางศาลว่าทำได้หรือเปล่า และถ้าคนไม่เห็นด้วย จะแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสมบ้าง ถามว่าทำได้หรือเปล่า ภาพเหตุการณ์อย่างนั้น ภาพเหตุการณ์ที่รัฐบาลจะโหมประโคมข่าวสดุดีชื่นชมกับคำตัดสินไปในทางเดียว และไม่ออกข่าวอีกทางหนึ่งเลย

ในขณะที่จำเลยเขาอาจจะอุทธรณ์ต่อมา เท่ากับเป็นการกดดันศาลซ้ำเติมอีก และจะทำให้เกิดความอัดอั้นตันใจให้กับคนที่ต้องการจะแสดงความคิดเห็นบ้าง ไม่มีโอกาสให้เขาแสดงความคิด มันก็จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ความคิดเห็นที่รุนแรงขึ้น

ผมไม่สนใจว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะเอายังไงต่อไป แต่สนใจว่าสังคมไทยจะเอายังไงต่อไป


ผู้สื่อข่าว - หลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์เสื้อแดงจะชุมนุม มองว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่


จาตุรนต์ - หลังวันที่ 26 กุมภาฯ ถ้าให้แนะนำประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน ไม่ว่าจะฝ่ายไหน ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร ผมคิดว่า ยังไม่ควรมีการชุมนุมหรือเคลื่อนไหวเร็วไปนัก เพราะการชุมนุมนั้นจะมีจุดอ่อนอย่างสำคัญ

อาจจะมีคนที่โกรธแค้นอัดอั้นตันใจ และควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จนอาจจะขว้างโน้น ปานี้ เกิดเป็นความรุนแรงขึ้น ความรุนแรงนั้นอาจจะบานปลาย ถูกสร้างสถานการณ์ทำให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงมากขึ้นนั้นจะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลปัจจุบันนี้อย่างมาก เพราะเขาได้เตรียมแผนไว้หมดแล้วที่จะขยายความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์

และจะทำให้เกิดเป็นผลเสียต่อการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเพื่อความเป็นธรรมต่อไป


เพราะฉะนั้นผมยังคิดว่าควรจะมาตั้งหลักกัน ถ้าฝ่ายที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ฝ่ายที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในประเทศนี้ ควรจะใช้เวลาสักระยะหนึ่งทำความเข้าใจในเรื่องนี้ว่าเกิดความยุติธรรมขึ้นหรือไม่ มีเหตุมีผลอย่างไรและคิดอย่างไร ก็ชี้แจงต่อประชาชนโดยสันติ โดยยังไม่เคลื่อนไหวชุมนุมอะไรมาก

เมื่อตั้งหลักได้ดี เกิดความเข้าใจอย่างดีแล้วสังคมมีความเข้าใจ สังคมเห็นใจ เห็นปัญหาความไม่ยุติธรรม การเคลื่อนไหวที่จะมีต่อไปควรเป็นการเคลื่อนไหวที่ใช้สันติวิธี มุ่งไปที่การทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยและเกิดความยุติธรรม แทนที่จะเป็นเรื่องบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ผมยังอยากเห็นการทิ้งช่วงระยะหนึ่ง ก็จะหาทางเสนอต่อผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเสื้อแดงด้วย


ผู้สื่อข่าว - หลังการตัดสินวันที่ 26 ก.พ.แล้ว มองว่าการเมืองและเศรษฐกิจของไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป


จาตุรนต์ - ขึ้นอยู่กับคำตัดสินและปฏิกิริยาของฝ่ายต่างๆ ที่จะมีต่อคำตัดสิน ขณะนี้เป็นไปได้ทั้งสงบเรียบร้อยราบรื่น และเป็นไปได้ทั้งเกิดความไม่พอใจ เกิดความไม่เชื่อถือต่อระบบยุติธรรมของประเทศ คนไม่มาลงทุน เกิดความขัดแย้งรุนแรงต่อไปในสังคม เป็นไปได้ทั้งนั้น


ฉะนั้นจึงขึ้นกับคำตัดสิน และปฏิกิริยาหลังการตัดสิน โดยเฉพาะบทบาทของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลซ้ำเติมฝ่ายเดิม สร้างสถานการณ์เพิ่มเติมเพื่อทำลายคู่ต่อสู้ทางการเมือง เรื่องถึงไม่จบ



0000