ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 18 February 2010

ถอดความ:เสื้อแดง!!พลังที่ต้องให้ความสำคัญ

ที่มา ประชาไท


ถอดความจากบทวิเคราะห์Reds are a force to reckon with ของ ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 11 กุมภาพันธ์ 2553

บางกอกโพสต์
โฆษกรัฐบาลแถลงยอมรับว่า กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลภายใต้ชื่อ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ปัจจุบันมีแนวร่วมกระจายออกไปไม่น้อยกว่า 38 จังหวัด โดยหลักๆ อยู่ในภาคอีสานและภาคเหนือ ซึ่งมีประชากรอยู่อย่างหนาแน่น

แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, บรรดาผู้หนุนหลังรัฐบาลทั้งในกองทัพและแวดวงอื่นๆ ตลอดจนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังคงไม่ยอมรับรู้ถึงเสียงเรียกร้องและความไม่พอใจของเหล่าคนเสื้อแดง
ในด้านหนึ่ง กลุ่มคนเสื้อแดงถูกสร้างภาพโดยข้าราชการในปัจจุบันให้เป็นแค่เพียงสมุนที่ได้รับน้ำเลี้ยงจากอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น อีกด้านหนึ่ง ในบางครั้งพวกเขาก็ถูกวาดภาพให้เป็นคนบ้านนอกที่ด้อยการศึกษา ถูกหลอกได้ง่าย ซึ่งมองไม่ออกถึงนโยบายประชานิยมที่ทักษิณใช้หาเสียง
ตัวเร่งให้เกิดสถานการณ์เสี่ยงภัยรอบล่าสุดระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่คำพิพากษาในคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านที่กำลังจะมีขึ้น
ทักษิณกำลังระดมสรรพกำลังที่มีอยู่ปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกของคนเสื้อแดงให้เร่าร้อน บรรดาแกนนำเสื้อแดงพากันบินไปเยี่ยมเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะอยู่ใกล้อย่างกัมพูชา หรือไกลอย่างดูไบ เพื่อขอคำชี้แนะ การโจมตีผ่านสื่อในมือของเขาทั้งทวิตเตอร์และการโฟนอินก็เร่งกระทำอย่างเต็มที่
ฝ่ายตรงข้ามของเขา ผู้กุมช่องทางการใช้อำนาจในกรุงเทพฯ ก็กำลังเหวี่ยงหมัดอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน ทักษิณและพลพรรคเสื้อแดงถูกทางการวาดภาพให้เป็นปีศาจร้ายและถูกข่มขวัญแทบไม่เว้นวัน ดังนั้น จึงไม่เป็นที่ประหลาดใจเลยที่มีการใช้วาทศิลป์ปลุกเร้าคนและท่าทีข่มขู่คุกคามจากทั้งสองฝ่ายเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บรรดาคนเสื้อแดงต่างก็มองคำพิพากษาในคดียึดทรัพย์นี้เป็นจุดสุดยอดของความไม่เป็นธรรมที่กระทำต่อพวกเขามาอย่างยาวนานนับตั้งแต่รัฐประหาร19 กันยา 2549 ทักษิณเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ของการเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคมและการต่อสู้เพื่อสิทธิอันชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตยเท่านั้น ขณะที่ฝ่ายเสื้อเหลืองและกองทัพที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน รัฐบาลและบรรดานักวิชาการที่ห้อมล้อมต่างก็มองว่า นี่เป็นการลงดาบบั่นคอทางการเมืองเป็นครั้งสุดท้าย ขาดก็แต่การทำให้คนที่คิดล้มล้างสถาบันและคนขี้โกงล้มตายไปจริงๆ เท่านั้น แต่ที่หลายๆ คนเชื่อว่า คนเสื้อแดงจะค่อยๆ แผ่วลงและสลายตัวไปอย่างแน่นอน เมื่อน้ำเลี้ยงของทักษิณหมดลงนั้น เป็นความเข้าใจผิดอย่างร้ายแรงที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเสียหาย คนเสื้อแดงได้กลายมามีชีวิตและปฏิบัติการเคลื่อนไหวกันไปเองเกินกว่าที่ตัวทักษิณจะเคยจินตนาการเอาไว้เมื่อครั้งที่เขาถูกโค่นอำนาจลง
ในอีสาน พื้นที่หลักซึ่งเป็นหัวใจของคนเสื้อแดง เช่นที่จังหวัดอุบลราชธานี แม้แต่การแวะในช่วงสั้นๆ แค่มองปราดเดียวก็สามารถเห็นขบวนการเคลื่อนไหวที่มีพลัง เช่น การเรี่ยไรเพื่อสมทบกองทุนขนาดย่อยๆ, สัญลักษณ์ต่างๆ, ของใช้ส่วนตัว ได้แก่ หมวก เสื้อยืด ที่มีอย่างหลากหลาย ตลอดจนอารมณ์โกรธและไม่พอใจที่ผู้คนควบคุมเอาไว้ คนเสื้อแดงที่อุบลฯ แยกออกเป็น7 กลุ่ม ที่มีวิธีการในการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน แต่มีเหตุผลและเป้าหมายอันเดียวกัน ถ้อยคำที่แสดงความคิดเห็นนั้นเกี่ยวพันกับทักษิณ, ประชาธิปไตย และความเป็นธรรม
สำหรับเสื้อแดงบางคนในอุบลฯ ความคิดของพวกเขาทั้งหมดเกี่ยวข้องกับทักษิณ, นโยบายประชานิยม, ความเอาใจใส่ต่อคนยากคนจนและคนที่ถูกกดขี่ และความเป็นผู้นำ ซึ่งทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในศตวรรษที่ 21 ได้ แต่สำหรับบางคน สิ่งสำคัญสูงสุดไม่ใช่ทักษิณ แต่เป็น “ประชาธิปไตย” ซึ่งถูกทำลาย เมื่อพรรคที่ชนะการเลือกตั้งในครั้งก่อนๆ ซึ่งควรจะเข้ามาบริหารประเทศถูกยุบไปทีละพรรคๆ ในขณะที่พรรคการเมืองที่แพ้ ได้รับเสียงข้างน้อยกับกลุ่มที่หักหลังกลับได้รับไฟเขียวจากทหารให้เข้ามาเป็นรัฐบาล สำหรับคนเสื้อแดงทุกคนในอุบลฯ ความไม่เป็นธรรมและ “สองมาตรฐาน” มีอยู่ทุกหนทุกแห่งในวงการราชการ ในเมื่อทุกพรรคต่างก็ซื้อเสียงเข้ามา การยุบเพียงบางพรรคด้วยข้อหาโกงการเลือกตั้งก็ส่อให้เห็นถึงความไม่ยุติธรรม สำหรับพวกเขาแล้ว ทักษิณก็โกงกินเช่นเดียวกับนายกฯ คนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ และที่จะมาเป็นนายกฯ คนต่อๆ ไป แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ นโยบายที่คำนึงถึงคนจน และความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทยในสมัยของทักษิณต่างหาก
ที่น่าตกใจก็คือ คนเสื้อแดงในอุบลฯ ได้ตั้งโรงเรียนการเมืองของ นปช.ขึ้นเพื่อให้การศึกษาเรื่องความเป็นธรรมในสังคม เสื้อแดงบางคนชอบใช้กำลังและดันทุรัง แต่ส่วนใหญ่ยังคงต้องการให้ประเทศไทยมีความเท่าเทียมและเป็นธรรม เพื่อที่จะสามารถก้าวต่อไปในประชาคมโลกได้ ตราบใดที่คนเสื้อแดงถูกเมินเฉยและปฏิเสธ การสร้างความกลัวเรื่อง“กองทัพประชาชน” ก็จะได้รับการขานรับและแตกหน่อเติบโตขึ้น ซึ่งจะเป็นอันตรายสำหรับอนาคตของประเทศไทย เรื่องราวในทำนองเดียวกันอาจจะได้รับการเล่าขานจากอุดรธานี, ศรีสะเกษ และจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานและภาคเหนืออีกจำนวนมาก รัฐบาลยังไม่ได้นับรวมถึงกลุ่มคนที่อยู่เฉยๆ รอดูเหตุการณ์อยู่อย่างเงียบๆ ในอีก 38 จังหวัด กลุ่มคนเหล่านี้รู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เป็นธรรมในสังคมไทย แต่พวกเขายังไม่พร้อมที่จะเคลื่อนไหวหรือแสดงออก
รัฐบาลผสมของนายอภิสิทธิ์เคยได้รับผลกระทบมาแล้วจากการแสร้งไม่รับรู้และไม่ให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีลักษณะเป็นผู้ที่ชำนาญเรื่องการลอบสังหาร โดยการคุกคามและขู่ขวัญผู้ที่ต้องการจะสร้างและขยายความคิดที่เป็น
กลางๆ เพื่อให้ประเทศไทยก้าวเดินไปข้างหน้าให้ต้องปิดปากเงียบไป ถ้าหากคนพวกนี้ไม่สามารถมองเห็นเป้าหมายของคนเสื้อแดงให้พ้นไปจากทักษิณและทรัพย์สมบัติของเขาได้ ประเทศไทยก็จะได้เห็นความเจ็บปวดและเศร้าโศกมากกว่านี้ในอนาคต สิ่งที่โฆษกรัฐบาลควรจะบอกเจ้านายและผู้หนุนหลังของเขา ไม่ใช่วิธีการในการปราบคนเสื้อแดงด้วยยุทธศาสตร์บันได 3 ขั้น นับตั้งแต่การใช้อำนาจสั่งการในส่วนท้องถิ่น จนถึงการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายใน และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มอบอำนาจให้กองทัพบัญชาการ แต่ควรจะเป็นวิธีการในการรับฟังความต้องการของกลุ่มคนเสื้อแดง และแยกคนเสื้อแดงออกจากทักษิณให้ได้
ความท้าทายของรัฐบาลในปัจจุบัน เช่นเดียวกับที่เป็นความท้าทายของผู้มีอำนาจในเมืองไทยนับตั้งแต่วันที่ทำรัฐประหารเป็นต้นมา ก็คือ ทำอย่างไรจึงจะกำจัดตัวทักษิณที่ทำการคอร์รัปชั่นและใช้อำนาจในทางมิชอบ ในขณะที่ยอมประนีประนอมกับขบวนคนเสื้อแดงทำตามในสิ่งที่เป็นความคับข้องใจ ความต้องการ และความคาดหวังของพวกเขาให้ได้