ประธาน กมธ. กิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ ตั้งข้อสังเกตประธาน กกต. มีพฤติกรรมเลือกปฏิบัติคดีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้าน อาจเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่งหนังสือเชิญแจงข้อเท็จจริง ขู่หากไม่มาชี้แจงถือว่าเข้าข่ายขัด รธน. มาตรา 135
เว็บไซต์คมชัดลึกรายงานเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ว่า นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ว.ศรีสะเกษ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ไม่ยอมมาชี้แจงหลังจากที่คณะกรรมาธิการกิจการองค์กรฯได้ส่งหนังสือเชิญมาชี้แจงรอบที่ 3 ว่า กมธ.กิจการฯได้รับเรื่องร้องเรียนว่านายทะเบียนพรรคการเมืองปฏิบัติหน้าไม่ชอบด้วยกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ มีการเลือกปฏิบัติในการพิจารณาคดีการบริจาคเงินจำนวน 258 ล้านบาท ให้พรรคประชาธิปัตย์ จึงได้เชิญนายทะเบียนพรรคการเมือง และเลขาฯกกต. มาชี้แจงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าในการพิจารณาคดีดังกล่าว แต่ปรากฎว่ามีเพียงฝ่ายเลขาฯที่ส่งตัวแทนมาชี้แจงแต่นายทะเบียนฯไม่ได้ให้ความร่วมมือและไม่มีการส่งตัวแทนมาชี้แจงแต่อย่างใด กมธ.กิจการฯจึงได้ทำหนังสือเชิญมาอีกครั้งเป็นครั้งที่ 4 เพื่อต้องการให้มาชี้แจงเนื่องจากขณะนี้มีเพียงข้อมูลฝ่ายผู้กล่าวหาเท่านั้น หากยังไม่มาชี้แจงคาดว่าคณะกรรมาธิการกิจการฯจะสามารถสรุปผลการตรวจสอบได้เร็วๆนี้ ทั้งนี้คณะกรรมาธิการฯยังต้องการเปิดโอกาสให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมาชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าว
นายจิตติพจน์ กล่าวอีกว่า ตนต้องการให้เกิดความกระจ่างต่อสังคม เพราะเป็นที่น่าสงสัยและเคลือบแคลงใจถึงการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่าอาจมีการช่วยเหลือพรรคการเมืองดังกล่าวหรือไม่ อีกทั้งต้องการสอบถามว่าการพิจารณายุบพรรคการเมืองแต่ละพรรคมีความแตกต่างกันอย่างไร นอกจากนี้คดีดังกล่าวมีการร้องเรียนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2552 แต่ปรากฏว่ายังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
นายจิตติพจน์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มีความน่าสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองคนดังกล่าว เพราะก่อนหน้านี้กกต.ได้มีการพิจารณาลงมติแต่เสียงแตกความเห็นมีเพียงนายอภิชาติ เห็นว่าควรยกฟ้องคดีดังกล่าวแต่เกิดการโต้แย้งจึงไม่สามารถสรุปได้ที่ประชุมจึงโยนให้เป็นหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองซึ่งเป็นนายอภิชาติ แต่สุดท้ายกลับมีการเลื่อนการพิจารณาออกไปโดยอ้างว่าต้องศึกษาหลักฐานให้ละเอียดเพราะยังไม่ได้ศึกษาข้อเท็จจริงขอพิจารณาหลักฐานใหม่ การกล่าวเช่นนี้ เห็นได้ว่านายอภิชาติปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง เพราะก่อนมีการลงมติใดๆหมายความว่าจะต้องมีการศึกษาข้อมูลหลักฐานจนเพียงพอที่จะสามารถตัดสินได้ว่าควรยกฟ้องหรือไม่ อีกทั้งคดีต้องมีมูลถึงได้มีการตั้งกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแต่การให้สัมภาษณ์ของนายอภิชาติขัดแย้งกับข้อเท็จจริง จึงต้องการให้มาชี้แจง
“หากนายอภิชาติไม่มาชี้แจงถือว่าเข้าข่ายขัดมาตรา 135 แห่งรัฐธรรมนูญที่ได้ให้อำนาจคณะกรรมาธิการตรวจสอบการทำงานขององค์กรอิสระ ซึ่งอาจนำไปสู่การพิจารณาถอดถอนต่อไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาของกกต.ว่าจะยุบหรือไม่ยุบแต่คณะกรรมาธิการพิจารณาในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งเป็นคนละเรื่อง คาดว่าหากไม่มาชี้แจงเราก็ต้องสรุปสำนวนตามที่ข้อมูลหลักฐานที่มีเพื่อรายงานต่อที่ประชุมใหญ่อีกครั้งว่าเห็นควรมีความผิดจนนำไปสู่การถอดถอนหรือไม่” นายจิตติพจน์ กล่าว
ที่มา: http://www.komchadluek.net