ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Friday, 19 February 2010

จีที 200 : กระบวนการยุติธรรมขั้นต้น

ที่มา ประชาไท

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอ ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสดามูฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน

หลังจากที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี สามารถสรุปผลการตรวจสอบเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดและสารเสพติด (GT200 - GT200 Substance Detection Device) ว่า มันสามารถจับได้เพียง 4 ครั้งจากการทดสอบ 20 ครั้ง ทำให้นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ระงับการจัดซื้อเครื่องดังกล่าว

กล่าวคือ ผลการทดสอบที่ปรากฏต่อสาธารณะได้เป็นไปตามคาดหมายของบรรดานักวิทยาศาสตร์ นักสิทธิมนุษยชน รวมถึงประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการใช้เครื่องมือชนิดนี้

การที่ประสิทธิภาพของเครื่อง GT200 มิได้เป็นไปตามที่บริษัทผู้ผลิตกล่าวอ้าง อีกทั้งการทำงานของเครื่องมือชนิดนี้ยังแสดงค่าความแม่นยำแค่เพียงการเดาสุ่ม ส่งผลให้ เครื่องมือชนิดนี้ ไม่มีความแม่นยำและน่าเชื่อถือ

หลังจากนั้นเพียงวันเดียวบรรดาผู้นำกองทัพนำโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) และคณะกล่าวชี้แจง การจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 ว่า เป็นไปตามความต้องการของผู้ปฏิบัติในพื้นที่ (ต้องสำรวจทางสถิติกับทหารนับหมื่นนายในพื้นที่หลังทราบข่าวด้วยว่า ต้องการกี่คน คิดเป็นร้อยละเท่าไร) จากเดิมที่มีการยืมเครื่องของกองทัพอากาศมาใช้แล้วพบว่าได้ผลดี กรมยุทธการทหารบกจึงเสนอความต้องการจัดซื้อมายังกองทัพบก

ท่านกล่าวว่า “ผมยอมรับว่าเราอาจจะไม่มีข้อมูล ไม่มีการทดสอบในทางวิทยาศาสตร์ แต่จากประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติที่ใช้เครื่องมือตรวจสอบแล้วได้ผล 300 กว่าครั้ง ผมจึงต้องอนุมัติไปตามความต้องการที่เสนอมา เราจะตอบผู้ปฏิบัติงานที่อยู่ในพื้นที่อย่างไรหากเราไม่ซื้อ ยังต้องยืมของกองทัพอากาศมาใช้อีก ส่วนเรื่องที่มีการสงสัยว่า เมื่อเครื่องมือไม่มีประสิทธิภาพ การจัดซื้อน่าจะมีการทุจริต ขอยืนยันว่ากองทัพบกพร้อมให้ทุกฝ่ายตรวจสอบ แม้ว่าเครื่องมือนี้จะมีประสิทธิภาพจริง แต่หากการจัดซื้อมีการทุจริตก็ต้องมีการลงโทษ”

“ส่วนการที่ทหารในพื้นที่ยังคงใช้เครื่องมือชนิดนี้นั้น พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า “ในเมื่อรัฐบาลยังไม่มีคำสั่งห้ามใช้ และกองทัพบกยังไม่มีเครื่องมือทดแทน ก็คงต้องให้ใช้ต่อไป แต่จะประเมินผลให้ชัดเจนกว่านี้ และได้ขอให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งคณะเพื่อไปชี้แจงผู้ปฏิบัติในพื้นที่ว่า เครื่องมือนี้ใช้ได้หรือไม่ได้อย่างไร และหากในระหว่างลงพื้นที่มีกรณีที่เครื่องมือตรวจจับได้ก็จะได้ไปเก็บข้อมูลวิเคราะห์งว่าเกิดจากอะไร

“สำหรับการใช้สุนัขทหารนั้นมีข้อจำกัด เพราะต้องตรวจค้นบ้านทุกหลัง ค้นทุกห้อง ส่วนเครื่องมืออย่างไอออนสแกนก็ต้องตรวจเสื้อผ้าทุกตัว ปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือชนิดใด ที่ตรวจสอบโดยระบุบริเวณได้ว่าวัตถุต้องสงสัยอยู่ส่วนใดของบริเวณนั้น อีกทั้งสุนัขยังมีข้อจำกัดในการเข้าไปยังสถานที่ต่างในชุมชนมุสลิม…และผมพร้อมที่จะตอบคำถาม ชี้แจงกับทุกสื่อ หากมีการเชิญมาและจัดเวลาให้”

การแถลงข่าวของท่านในครั้งนี้นั้น ท่านได้นำคณะนายทหารระดับสูงของกองทัพบก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากเหล่าทัพต่างๆ มาถ่ายทอดประสบการณ์ใช้เครื่องตรวจระเบิดดังกล่าว ซึ่งต่างยืนยันว่า เครื่องจีที 200 ใช้งานได้ดี

ในขณะที่องค์กรภาคประชาสังคม เช่น คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพได้ออกแถลงการณ์หลายฉบับให้ระงับใช้ไอ้เครื่องมือตัวนี้ (ชาวบ้านเรียกมันว่าเครื่องมือติงต๊อง) ในอดีตแต่เสียงพวกเขาไม่ดังพอ และไม่มีผลทางการเมือง

การเรียกร้องของภาคประชาสังคมหลายต่อหลายครั้งก็เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ใช้เครื่อง GT200 เอง และเพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิในชีวิต ทรัพย์สิน รวมถึงเสรีภาพของประชาชนชาวบ้านอย่างนายดอเลาะ สาและ

แม้หน่วยงานความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังมีความเห็นว่า การมีเครื่องมือนี้ไว้ก็ดีกว่าไม่มี เนื่องจากเครื่อง GT200 แม้จะไม่มีประสิทธิภาพ แต่การมีเครื่องมือนี้ส่งผลต่อทางจิตใจ หรือสร้างความมั่นใจของเจ้าหน้าที่ ย่อมเป็นการแสดงถึงการไม่ยอมรับความจริง และปฏิเสธการสร้างสังคมที่อยู่บนพื้นฐานขององค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งที่สุดจะนำมาซึ่งการสูญเสียทั้งชีวิตของผู้ปฎิบัติงานในพื้นที่เอง และความเชื่อมั่น ความไว้วางใจจากประชาชนทุกกลุ่มในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืนต่อไป

การออกมาสัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆ ในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับบริษัทตัวแทนจำหน่าย เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที 200 และท่านมีนโยบายไม่อยากให้หน่วยงานต่างๆ ใช้เครื่องจีที 200 เนื่องจากอาจจะสร้างความเข้าใจผิดในเรื่องความปลอดภัย และอาจจะไปกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลจึงเป็นเรื่องน่าสรรเสริญ

การที่ท่านกล้ายืนหยัดบนหลักการและเหตุผล อย่างมั่นคงโดยไม่หวั่นต่อสถานภาพทางการเมืองของท่าน (ทั้งๆ คนทั้งประเทศรู้ว่า รัฐบาลท่านอยู่ได้ ณ ขณะนี้นั้น มีใครคอยค้ำบัลลังก์)

คำสัมภาษณ์ของท่านที่กล่าวว่า “เมื่อมีการทดสอบและทดลองในเชิงวิทยาศาสตร์แล้วก็ต้องเชื่อผล กระทรวงวิทย์ฯต้องไปทำความเข้าใจกับคนที่ใช้ในพื้นที่ เพื่อที่จะช่วยกันดูและอธิบายว่า ที่มีความเชื่อว่าที่ใช้กันได้ ปัจจัยที่เกี่ยวข้องคืออะไร ซึ่งคงจะทำให้การดำเนินการต่อไปสับสนน้อยลง หากผู้ปฏิบัติงานนำไปใช้ แล้วเกิดปัญหากับตัวบุคคล ความปลอดภัยผู้ใช้จะมีความเสี่ยงอย่างสูง เพราะมีรายงานในเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้แล้ว หากนำไปใช้ก็จะมีความเสี่ยง ประการแรกคือ ถ้าไปตรวจสอบว่ามีวัตถุระเบิดหรือไม่ และหากไม่พบ อาจจะไปสร้างความเข้าใจผิดว่าจุดนั้นมันปลอดภัย เพราะก่อนหน้านี้มีการพูดกันว่า เครื่องนี้ไม่ 100% หากยังมีการไปทำแล้วเกิดเหตุขึ้นมา ความรับผิดชอบจะตกอยู่กับเจ้าหน้าที่ ความเสียหายก็จะเกิด และหากไปใช้กับตัวบุคคลก็จะเกิดการโต้แย้ง รวมถึงเรื่องการละเมิดสิทธิ ดังนั้นสิ่งที่มอบไปกับ รมว.กลาโหมนั้น คือเรื่องให้เร่งคิดถึงการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานโดยไม่ใช้เครื่องมือ” ย่อมทำให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีจอมหลักการ

ขอเป็นกำลังใจให้กับนายกรัฐมนตรี (ถึงแม้ท่านอาจถูกมองว่า สองมาตรฐานในเรื่องแดงกับเหลือง) ให้ยืนหยัดบนหลักการทั้งนิติรัฐและนิติธรรมต่อเรื่องนี้ เพราะคนชายแดนใต้ระดับชาวบ้านไม่ต่ำกว่าล้านคนจะอยู่กับท่าน ถึงแม้ท่านอาจจะต้องหมดอำนาจ

ท้ายสุดขอฝากให้สื่อช่วยตรวจสอบทางสถิติดูว่า ชาวบ้านชายแดนใต้กี่มากรายที่โดนไอ้เครื่องนี้ชี้เป้า แล้วโดนจำกัดสิทธิภายใต้กฎอัยการศึกหรือพระราชกำหนด (หนึ่งในนั้นก็มีลูกศิษย์ ผศ.ดร.วรวิทย์ บารู สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดปัตตานี)

เพราะการเชิญตัวบุคคล การควบคุมตัว การจัดทำบัญชีรายชื่อ หรือการตั้งข้อหาประชาชน ไม่ขึ้นอยู่กับการแสดงผลของเครื่องมือนี้เพียงอย่างเดียว ต้องประกอบกับหลักฐานอื่นๆ และที่สำคัญหลังการพิสูจน์ได้ว่า เครื่องมือนี้ไม่มีประสิทธิภาพที่น่าเชื่อถือเพียงพอ ก็ควรยุติการนำผลการตรวจของเครื่องมือนี้มาใช้ประกอบในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น คือการจับกุม และควบคุมตัวประชาชน

พระเจ้าได้โองการไว้ ความว่า “ เมื่อความจริงปรากฏ ความเท็จย่อมมลาย”