ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Sunday, 7 February 2010

2 ล้านล้าน กับ 7.6 หมื่นล้าน คุ้มหรือไม่คุ้มกับ "การโยนกระเบื้องล่อหยก

ที่มา thaifreenews

โดย...ลูกชาวนาไทย


โยนกระเบื้องล่อหยกคือ เอาของราคาถูกกว่า ไปล่อซื้อของราคาแพงกว่า

การยึดทรัพย์ทักษิณนั้นดีแล้ว สมควรทำเพราะเป็นประโยชน์ต่อเสื้อแดงในทุกกรณี คุณทักษิณก็ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้อยู่แล้ว ถือว่าเป็น "เงินฝากระยะยาว" กินดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ วันไหนประชาธิปไตยกลับมา (มหาอำมาตย์คงตายภายใน 5 ปี อายุแปดสิบเก้าสิบกว่าแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่รอด) สุดท้ายประชาชนก็ชนะอยู่ดี วันที่ประชาชนชนะทรัพย์ คนเห็นว่าไม่เป็นธรรมอยู่แล้วกับการยึดทรัพย์ทักษิณ ก็ออก พรบ. นิรโทษกรรม คืนสมบัติเขาไป พร้อมดอกเบี้ย

แต่การยึดทรัพย์เป็นบรรทัดฐานให้ยึดทรัพย์อื่นๆ ที่มาไม่ถูกต้องต่อไป ทรัพย์นับล้านล้านบาท มีโอกาสเป็นของแผ่นดินสูง เพราะมันเป็นของแผ่นดินของประชาชนมาแต่ต้น มีความชอบธรรมอยู่แล้วที่จะยึดมาเป็นของแผ่นดิน

ไม่เหมือนเงินทักษิณ ที่มันเป็นของเอกชนเขามาแต่ต้น

โยนกระเบี้องล่อหยกครั้งนี้คุ้มค่า 555

(ผมละกลัวว่าพวกอำมาตย์มันจะไม่กล้ายึด และยืดเวลาออกไปอีก)



หากผมเป็นมหาอำมาตย์ ผมก็คงคิดอย่างนั้น เพราะตอนนี้ "เครื่องมือทางการเมือง" ที่จะสลายกำลังฝ่ายตรงข้าม หรือกำลังเสื้อแดงมันไม่ได้มีอยู่มากมายนัีก

ทำอย่างไร "คนเสื้อแดงจึงจะหายไป" ทำอย่างไร จึงจะกำจัดคนเสื้อแดงให้สิ้นซาก"

ทำรัฐประหารหรือ ก็คงได้รับการต่อต้านอย่างรุนแรง และผลมันก็ไม่ต่างจาก 19 ก.ย. คือ ความวุ่นวายมันก็ไม่จบ

จะจับแกนนำให้หมด ยุคนี้เขาจะยอมให้จับได้ง่ายๆ หรือ แม้จับได้หมด แต่ทักษิณยังอยู่ จับขุนพลย่อย ขุนยังอยู่ มันจะมีความหมายอะไร

จะ "ฆ่าขุน" ก็อุตส่าห์ ส่ง F-16 ไล่ยิงแล้ว มันก็ยังไม่สำเร็จ เขาจะยอมให้ยิงได้ง่ายๆ อีกหรือ แผนนี้ไม่ใช่ไม่ทำ ก็ยังทำอยู่ แต่มันยังไม่บรรลุผล

มีคนวิเคราะห์ว่า อำมาตย์ มีสองแนวทางเท่านั้นคือ

1. ทำให้จบไว
2. ยื้อเวลาต่อไป หวังว่าอีกสองปี คนก็จะลืมทักษิณลง

ปัญหามันอยู่ที่ การยื้อเวลา "มันต้องเกี่ยวกับภาวะสุขภาพ" ว่าจะยื้อได้เท่าไหร่ ผลการประเมินเชื่อถือได้หรือไม่

หากจบไว จะทำอย่างไร มันก็มีแค่ "การทำรัฐประหาร" แล้วปิดประเทศ กำจัดคนเสื้อแดงให้สิ้นซาก ฆ่าทิ้งสัก 2,000-3,000 คน และยินดีอยู่แบบพม่า

สองแนวทางนี้ของอำมาตย์ แนวทางไหนก็ไม่มีความแน่นอนทั้งสิ้น

สำหรับฝ่าย "คนเสื้อแดง" ผมประเมินว่า ก็มีสองแนวทางเช่นกัน แบบเดียวกับอำมาตย์ คือ พวกอยากให้จบเร็ว กับพวกอยากให้จบช้า

1. พวกอยากให้จบเร็ว คิดว่าหากฝ่ายตรงข้ามทำรัฐประหารก็นองเลือดกันเลย หรือตั้งกองกำลังขึ้นมาต่อสู้ ฝ่ายนี้ก็จะหันไปหาแนวทางแบบ เสธ.แดง กับพัลลภ

2. ฝ่ายอยากให้่จบช้า (รวมทั้งผมลูกชาวนาไทยด้วย) คิดว่าตอนนี้สภาวะสังคม การจัดตั้งยังไม่สมบูรณ์ดี การขยายตัวของการจัดตั้งมวลชนกำลังไปได้ดี แม้จะจบเร็วอำนาจของประชาชนยังไม่เข็มแข็งเพียงพอ "บารมีของมหาอำมาตย์" ก็ยังพอมีอยู่ คนยังตาสว่างไม่หมด ขอเวลาอีกสองสามปี เงื่อนไขความเข็มแข็งของ "ขบวนการประชาชน" ก็เข็มแข็งขึ้น

ผมเชื่อว่า ไม่มีใครเลือกวิธีการใดได้ มันขึ้นกับตัวแปร ภววิสัยทั้งสิ้น มันอาจเป็นได้ทั้งสองทางคือ

"มีความรุนแรง" ของฝ่าย "สายเหยี่ยว" ของทั้งสองฝ่าย แต่มันยังไม่จบ สุดท้ายก็คงเคลื่อนตัวไปในทางที่ยืดเยื้อต่อไปอีก

ขบวนการเปลี่ยนแปลงสังคม มันคงไม่มีใครควบคุมทิศทางได้ทั้งหมด

การกำัจัดเืสื้อแดงให้สิ้นซาก คงเป็นแค่ความเพ้อฝัน
การกำัจัดอำมาตย์ให้สิ้นซาก ก็คงเป็นความฝันเช่นเดียวกัน

คงต้องมีจุดที่สังคมนี้เรียนรู้จนกว่าจะถึงจุด "ดุลยภาพ"

สำหรับผมแล้ว จบเร็ว จบช้า ก็ไม่ได้มีสิทธิเลือกอะไรมากมายนัก สถานการณ์มันพัฒนาตัวของมันเอง

สำหรับระบอบอำมาตย์แล้ว คุณทักษิณ แม้ตายก็ยังไม่สาสม เพราะการตาย ตำนานยังอยู่ ก็จะสั่นสะเทือนระบอบอำมาตย์ต่อไป

คุณทักษิณ ต้องตาย และประชาชนไทยเกลียดอย่างมากด้วย มหาอำมาตย์จึงจะยอมและพอใจ

การเจรจา ไม่มีประโยชน์ต่อระบอบอำมาตย์ ตัวคุณทักษิณไม่ได้คุกคามต่อระบอบอำมาตย์มากนัก แต่ชื่อเสียงตำนาน หรือ Legacy มันคุกคามต่อระบบเทพเจ้า คุกคามต่อสถานะของระบอบ ดังนั้น การตาย การเจรจา การยอมของคุณทักษิณ จึงไม่ทำให้ระบอบอำมาตย์ปลอดภัย มันต้อง "เสียชื่อเสียง ผู้คนเกลียดชัง" มันถึงจะสลายภัยคุกคามต่อระบอบอำมาตย์ได้

แล้วจะทำอย่างไรดีสำหรับระบอบอำมาตย์ เวลาก็เหลือไม่มาก