การปะทะกันครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ถูกยิงบาดเจ็บ 2 นาย นายหนึ่งโดนยิงเข้าที่ราวนมขวา อีกนายหนึ่งโดนที่ไหปลาร้าขวา ฉากใช้มีดกรีดเอาลูกกระสุนออกที่ผมเคยดูในหนัง ครั้งนี้ผมเลยได้เห็นสดๆ เพราะไม่สามารถนำส่งโรงพยาบาลได้เนื่องจากประตูทางออกรัฐสภาถูกปิด
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ฉบับวันที่ 11 ตุลาคม 2551
การสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงเหมือนน้ำมันราดกองไฟ พันธมิตรระดมคนจากทำเนียบมาสมทบ เปลี่ยนเป้าจากการปิดรัฐสภาไม่ให้เข้า เป็นการปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้คนออก และครั้งนี้อารมณ์ของผู้ชุมนุมดูรุนแรง เพราะเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
11 โมง พันธมิตรระดมพลมาสมทบบริเวณประตู 2 จุดเดิม และผลักดันเจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากพื้นที่จนถอยร่นไปยังถนนพิชัยไปสุดที่สี่แยกพิชัย ฝั่งตรงข้ามพรรคชาติไทย จุดนี้เกิดความรุนแรงขึ้นเช่นกัน
พันธมิตรใช้ด้ามธง ไม้หน้าสามและไม้กอล์ฟเป็นอาวุธ หลังสถานการณ์คลี่คลายพบเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกแทงด้วยด้ามธงเข้าที่ท้องทะลุปอด บาดเจ็บสาหัส 1 นาย
สกล ทองหมี นักข่าวสายการเมือง ระบุว่า เมื่อตามติดไปถึงแยกพิชัย รถตำรวจที่จอดอยู่ทุกคันยางแฟบหมด ถนนพิชัยถูกปิด ไม่ให้รถผ่านเข้าออก
นักข่าวที่ประจำตามจุดต่างๆ ดูข่าวและโทรศัพท์คุยกันตลอด ทำให้ทราบว่าสถานการณ์ตึงเครียดตลอดทั้งวัน
บ่ายสี่โมงเย็น เจ้าหน้าที่เข้าสลายม็อบอีกรอบจากหน้าม.ราชภัฏสวนดุสิต ไล่มาที่แยกการเรือนและถนนอู่ทองใน เที่ยวนี้ไม่ใช่แค่แก๊สน้ำตา แต่มีการยิงกระสุนยางพร้อมๆ กันอย่างต่อเนื่อง จนผู้ชุมนุมถอยร่นไปถึงหน้าเขาดิน
ขณะที่รถพยาบาลและอาสาสมัครพยาบาลลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากพื้นที่ไปยังโรงพยาบาลเป็นระยะๆ ส่วนใหญ่เป็นแผลฉีกขาดทั้งบริเวณแขนขา และตามลำตัว ที่ตั้งข้อสงสัยกันว่าแก๊สน้ำตาไม่น่าจะมีอานุภาพร้ายแรงขนาดนั้น
เท่าที่ผมสังเกตดูเมื่อเจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาตกลงบนกองขวดน้ำ แพ็กขวดน้ำจะแตกกระจาย
นอกจากนี้ ยังมีการปล่อยแก๊สน้ำตาลงท่อระบายน้ำ ผู้ชุมนุมต้องนำขวดและผืนผ้าพลาสติกที่รองนั่งมาอุด เพราะพันธมิตรปิดล้อมไม่ให้คนในรัฐสภาออก เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจสลายการชุมนุมในจุดนี้อีกครั้ง
ช่วง 5 โมงเย็น ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ระดมยิงแก๊สน้ำตา มีระเบิดขวด 2 ลูกขว้างเข้ามาในกลุ่มเจ้าหน้าที่และมีเสียงปืนดังติดๆ กัน 6 นัด เจ้าหน้าที่วิ่งหนีกระเจิงเข้ามาที่ประตู 2 และล็อกประตู
การปะทะกันครั้งนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ถูกยิงบาดเจ็บ 2 นาย นายหนึ่งโดนยิงเข้าที่ราวนมขวา อีกนายหนึ่งโดนที่ไหปลาร้าขวา ฉากใช้มีดกรีดเอาลูกกระสุนออกที่ผมเคยดูในหนัง ครั้งนี้ผมเลยได้เห็นสดๆ เพราะไม่สามารถนำส่งโรงพยาบาลได้เนื่องจากประตูทางออกรัฐสภาถูกปิด
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังระดมยิงลูกแก้ว หัวนอตเข้ามาด้านในรัฐสภาอย่างต่อเนื่อง
นายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. และ ส.ว. ที่ประชุมเสร็จถูกกักในรัฐสภา
สุมณฑา บุญคุ้ม นักข่าวสายทำเนียบ เล่าว่า ตอนแรกแค่ลือกันว่า นายกฯ และคณะ ประกอบด้วย ลูกสาว - ชินณิชา อ.ชูศักดิ์ ศิรินิล นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เลขาฯ ส่วนตัว พร้อมรปภ.อีก 1 นาย ปีนรั้วออกทางด้านหลังรัฐสภาไปที่พระที่นั่งวิมานเมฆ
เช็กจนรู้ว่าเป็นข่าวจริง แต่นายกฯ ก็ไปติดอยู่ที่พระที่นั่งวิมานเมฆ นาน 2 ช.ม. กว่าจะมี ฮ. มารับไปประชุมที่กองทัพไทย
นุเทพ สารภิรมย์ นักข่าวสายการเมือง เล่าว่า ช่วงที่ ฮ. เข้าไปรับนายกฯ และคณะที่ปีนรั้วหลบออกจากรัฐสภาเข้าไปในพระที่นั่งวิมานเมฆ มีสื่อมวลชนและผู้ชุมนุมปีนขึ้นไปบนหลังคาป้ายรถเมล์ที่อยู่ติดกับกำแพงของพระที่นั่ง เพื่อดูว่า ฮ. มารับใคร โดยประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าวได้ตะโกนด่า บ้างก็ขว้างปาสิ่งของขึ้นไปในอากาศ
พันธมิตรส่วนหนึ่งวิ่งกรูเข้าไปยังหน้าประตูทางเข้า ขอให้เปิดประตู ก่อนที่แกนนำพันธมิตรจะมาเจรจาให้ยุติ
อภิมาศ พงษ์ไพบูลย์ ที่ทำข่าวในห้องประชุมแถลงนโยบาย เล่าว่า การประชุมเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะถูกตัดไฟ แถมมีเวลาจำกัดจำเขี่ยแค่ 7 ชั่วโมง แต่แถลงจริงแค่ 2 ชั่วโมง มีเสียงด่าทอ เสียงตู้มๆ ต้ามๆ จากภายนอกดังลอดเข้ามาเป็นระยะ
ปิดประชุมเกือบบ่ายโมง รัฐมนตรี ส.ส. และ ส.ว. รีบออกจากทำเนียบ รถหรูราคาแพง รถนำขบวนนายกฯ และครม. ต่อแถวยาวเหยียด แต่ติดแหง็ก ก่อนจะจอดรถลงมาสังเกตการณ์อยู่หน้าอาคารรัฐสภาและตึกวุฒิ หลายคนถอดสูท เก็บบัตรสมาชิกรัฐสภาทำตัวกลมกลืนไปกับข้าราชการจะได้ไม่เตะตาม็อบ แรกๆ ก็ยังคุยกันเอิ๊กอ๊าก แต่รอนานเข้าพากันเครียด
ศันสนีย์ โตสวน นักข่าวการเมืองอีกคนเสริมว่า ระหว่างประชุมมีเสียงด่าทอรัฐบาล ทั้งฟากรัฐบาล พรรคร่วม ที่กำลังประชุม ก้นร้อนนั่งกันไม่ติด ต้องขอเวลานอกออกมาสังเกตการณ์บริเวณชั้นลอย และด้านล่างอาคารรัฐสภา 1 ขณะที่ส.ส.ฮาร์ดคอร์บางคน ขอไปสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เดินลงไปมองชัดๆ ถึงรั้วด้านหน้าถนนอู่ทอง
ระหว่างที่ถูกกักตัว รัฐมนตรี ส.ส. ข้าราชการ นักข่าว หลายร้อยชีวิต ต้องหิ้วท้อง ส.ส.บางคนเตรียมพร้อมทั้งมาสก์ปิดจมูก ผ้าเช็ดหน้าพร้อมน้ำเปล่า รับมือแก๊สน้ำตา เพราะมีประสบการณ์มาก่อน พร้อมจับกลุ่มวิเคราะห์สถานการณ์เป็นฉากๆ ขณะที่ส.ส.หญิงออกอาการวิตกเห็นได้ชัด
เมื่อรู้ข่าวนายกฯ หนีขึ้น ฮ. หลบออกไปแล้ว บรรดาส.ส.จึงตัดสินใจหาช่องทางออกไปจากสภาเช่นกัน โดยออกไปด้านหลังอาคารรัฐสภา 3 เพื่อปีนข้ามไปสู่บริเวณพระที่นั่งวิมานเมฆ
ส.ส.พลังประชาชน ชุดแรกทำหน้าที่นำร่องปีนข้ามไปก่อน ตามมาด้วย นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา รัฐมนตรี ข้าราชการ ที่กระหืดกระหอบ ทยอยกันปีนป่ายข้ามกำแพงที่สูงเกือบ 2 เมตรไปได้อย่างทุลักทุเล เพราะไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ในสภาจะรุนแรงถึงขั้นใด
อรุณวดี แสนวิเศษ นักข่าวที่โดนกักอยู่ในรัฐสภา เล่าว่า ลูกน้องของรัฐมนตรีหลายคนหาช่องทางออกให้นาย ก่อนทยอยไปปีนกำแพงด้านหลังที่ติดกับพระที่นั่งวิมานเมฆ เพราะทราบว่าเจ้าหน้าที่ทางนั้นอนุญาตให้ปีนข้ามไปได้ หลายคนเลยกระปรี้กระเปร่าขึ้น ปีนข้ามไปโดยไม่หวั่นว่าตัวเองใส่กระโปรง สูงอายุ หรือขาเจ็บ
เป็นวันแห่งความเศร้าสลดที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความตึงเครียด ที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์จะต้องจดจำไปอีกนาน