สมานฉันท์ข้ามแดน มา“รักประเทศไทย” กันเป็นแถวกระจายกำลังฝังตัวอยู่กับคนไทยหางานทำในไทย ได้เงินไทย แต่ส่งกลับไปพม่า...แรงงานไทยหลายราย “ตกงาน”เซ่นเศรษฐกิจ..พอๆ กับพม่าที่โดนแรงเหวี่ยงจากพิษเศรษฐกิจ แถมพิษการเมืองที่รู้กันดีว่า “พม่ามีผู้นำเอาแต่ใจขั้นเทพ”..จนปลิวว่อนมาพึ่งบารมีดินแดนสยาม..โรงงานหลายแห่งเลือกปิดกิจการก่อนบานปลายกลายเป็น “ล้มละลาย”อนิจจา สับสนชะมัด!! รัฐบาลบอกโอเคมันยอดเยี่ยมแต่ล้วงกระเป๋าสตางค์ทีไรมัน “ขัดแย้ง” กับรัฐบาลทุกที..เอวัง!! บ่นซะยาวแต่ไม่ใช่เรื่องที่จะเขียนพม่าลักลอบเข้าเมือง! เรื่องนี้ต่างหากที่จะต้อง “หยิบ” มา “กระตุกขารัฐบาล” กันสักหน่อยปัญหาพม่าลักลอบเข้าไทย มีผลถึงความมั่นคงของประเทศ..นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการค้ามนุษย์โดยมีประเทศไทยเป็นเส้นทางการส่งออก อีกทั้งยังเป็นการเอื้อให้กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากผู้อพยพกอบโกยรายได้เข้าพกเข้าหาอย่างน่าเสียดายพม่าลักลอบเข้าเมือง เป็นปัญหาที่รัฐบาลพยายามหาวิธีแก้ไข แต่ต้อง“ล่ม” ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ รัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงถี่ยิบ..อดีต พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
เคยนำทีมลงพื้นที่แก้ปัญหา “พม่าลักลอบเข้าเมือง” ด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่าการลงพื้นที่ครั้งนั้นเป็นการ “ปูทาง”ให้เกิดการ “ปฏิบัติ” ในเวลาต่อมากระตุกขา
นายกฯ ปัจจุบันนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่อง “พม่าบุก”ว่า ไทยมีส่วนร่วมในการพัฒนาภูมิภาคเช่น การริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (บิมสเทค) และยุทธศาสตร์เพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มนํ้าอิรวดี เจ้าพระยา และแม่นํ้าโขง(แอคเมคส์) เพราะเชื่อว่าจะช่วยแก้ไขผลกระทบจากการอพยพผิดกฎหมายได้สำหรับนโยบายของไทยต่อผู้อพยพนั้น รัฐบาลได้ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและโครงสร้างการบริหาร โดยทำให้ผู้ลักลอบเหล่านี้มีสถานภาพถูกกฎหมายนโยบายดังกล่าว!กรมการจัดหางานคือผู้รับผิดชอบ!!!นายจีรศักดิ์สุคนธชาติอธิบดีกรมการจัดหางาน ได้ดำเนินการแก้ไขกฎกระทรวงให้สอดรับกับการพิสูจน์สัญชาติ ประกอบด้วยลาว กัมพูชา และพม่าโดยเฉพาะพม่า ซึ่งมีสถิติระบุว่าพม่าทะลักเข้าไทยโดยผิดกฎหมายมากที่สุดประมาณ 2-3 ล้านคน(เท่าที่จับได้) แต่ไทยมีช่องทางในการพิสูจน์สัญชาติเพียง 3 จุด กรมการจัดหางานจึงเพิ่มช่องทางในการพิสูจน์สัญชาติโดยเปิดให้บริษัทเอกชนเข้ามาดำเนินการพิสูจน์สัญชาติด้วย ภายใต้การเรียกเก็บค่าบริการที่กรมการจัดหางานเห็นสมควร ทั้งนี้ถือเป็นการสกัดช่องทางทำกินของนายหน้าผิดกฎหมาย10–13 ตุลาคม จะมีการประชุมร่วมกับทางการพม่า เพื่อหาทางออกในการพิสูจน์สัญชาติอันนำมาซึ่งการแก้ปัญหา “ลักลอบเข้าเมือง”ภายหลังการประชุม ก้าวของการแก้ปัญหา “พม่าลักลอบเข้าเมือง”คงจะประสบความสำเร็จ...การนำเข้าแรงงานและการเชื่อมโยงทางธุรกิจคงฉลุย!