ท่านฑูตกษิต ภิืรมย์ บนเวทีพันธมิตร การปรากฎตัวของท่านฑูตทำให้ความเคลื่อนไหวของพันธมิตรมีน้ำหนักมากขึ้น แต่หลังจากนั้นบทบาทที่ว่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวงการฑูตอย่างสั่นสะเทือนถึงฐานราก
โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดชุมชนฟ้าเดียวกัน
21 ตุลาคม 2552
หมายเหตุไทยอีนิวส์:ผู้ใช้นามปากกา"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ซึ่งเคยเขียนซีรีส์ยอดฮิต"ลากไส้สื่อเหี้ย"อันลือลั่น กลับมาอีกครั้งด้วยซีรีส์ชุดใหม่ลากไส้แวดวงNGO,นักวิชาการ,นักสิทธิมนุษยชน,นักกิจกรรมสังคม,นักศิลปิน และฝ่ายซ้ายเก่า รวมทั้งชนชั้นนำจารีตนิยม ซึ่งเขาได้ตีแผ่วงการด้วยสำนวนฮาร์ดคอร์ดิบเถื่อนให้เห็นว่า เพราะเหตุใดแวดวงดังกล่าวจึงได้ผิดเพี้ยนเปลี่ยนจุดยืนมาสนับสนุนขบวนการอำมาตย์ได้อย่างน่าพิศวงอย่างที่เป็นอยู่
ขออภัยที่ไม่ได้เขียนซีรีส์นี้ให้ต่อเนื่องซะที หายไปเป็นเดือน พอดีผมมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ คนก็ต้องทำมาหากินนะท่านผู้อ่าน มานั่งหมกมุ่นแต่เรื่องบ้านเมือง เมียมันก็ด่าเอา
คราวนี้ขอไปว่าต่อเรื่องวงการทูตซะหน่อย เพราะในขบวนการองค์กรซ่อนเงื่อนที่ตามล่าตามล้างทักษิณ เลยพลอยทำลายประชาธิปไตยให้ย่อยยับลงไปด้วยนี่ อีกองค์กรหนึ่งที่มันมีบทบาทสูง และถือว่ามีเครดิตในเวลาเคลื่อนไหวก็คือพวก(ยม)ฑูตครับ
ที่เด่นๆก็มีกษิต ภิรมย์ อันนี้ไม่ขอสาธยายสรรพคุณนะฮะ เพราะมีให้หาอ่านตามร้านขายยาทั่วไปอยู่แล้ว
ท่านทูตดิเรก ชัยนาม 1ในผู้ร่วมเปลี่ยนแปลงการปกครอง2475 วีรบุรุษเสรีไทยกู้ชาติ (อดีต)ว่าที่นายกรัฐมนตรี และผู้ต่อต้านคณะเผด็จการอย่างทุ่มเท
ขอว่าเรื่องอัษฎา-กับสุรพงษ์ ชัยนาม หลานของอดีตวีรบุึรุษเสรีไทย ท่านฑูตดิเรก ชัยนาม
อัษฎาเป็นคนพี่ สุรพงษ์เป็นผู้น้อง ทั้งสองมีศักดิ์เป็นหลานดิเรก อดีตผู้ก่อการ2475อดีตเสรีไทย อดีต(ว่าที่)นายกรัฐมนตรี(หากปรีดีปฏิวัติสำเร็จในปี2492)
ที่มันมีเรื่องนี่ผมเข้าใจว่าเหลี่ยมไม่เอาคนที่มันใช่ไปอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง คือตั้งสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ด๊อกเตอร์กฎหมายไปคุมกระทรวงต่างประเทศ
ท่านฑูตสุรพงษ์ ชัยนาม บนเวทีพันธมิตร หากเทียบกับดิเรกที่เคลื่อนไหวทางการเมืองโดยยึดผลประโยชน์แห่งชาติ ก็น่าตั้งคำถามต่อรุ่นหลานอย่างเขาว่า ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ไหม?
ไหนๆก็ขอนินทาซะหน่อยว่าวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 นี่สุรเกียรติก็ต้องรับผิดชอบเป็นหลัก เพราะตอนรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา ดันตั้งสุรเกียรติ์เป็นรัฐมนตรีคลัง ความที่แกไม่รู้เหี้ยอะไรเรื่องเศรษฐกิจ แกก็มั่วของแกไปเรื่อย แล้วสบเหมาะกับตอนนั้นวิจิตร สุพินิจ เป็นผู้ว่าแบงก์ชาติก็ยอมๆแกไป แกอยากแทรกหน้าแทรกหลัง(ว๊าย!!..) วิจิตรก็ปล่อยแกแทรกไป
สมัยนั้นก็อยากบอกว่าฝีมือกรุเจ๋ง สุรเกียรติก็ใช้นโยบาย"2สูง"คือให้ราคาหุ้นในตลาดหุ้นสูงๆเข้าไว้ พวกเมิงจะปั่นกันบ้าเลือดยังไงปั่นกันเข้าไป มีเสรี จินตนเสรี ลูกน้องผู้ว่าวิจิตรเป็นนายบ่อนตลาดหุ้นก็ปล่อยแม่งปั่นกันไป ไอ่ราเกซ สักเสนา กับไอ่เสี่ยสองก็ปั่นหุ้นแบงก์สตางค์แดงกันเพลิน
อีกสูงคือดอกเบี้ยสูง เงินฝรั่งก็ทะลักเข้ามาฝากแบงก์ไทย เพราะสมัยนั้นเมกา ยุโรป ดอกฝาก2-3% เมืองไทยแม่งน้ำบานล่อไป10% บางแห่งพวกไฟแนนซ์ให้ไปเลย15% สัดดดด เงินก็ไหลเข้าชิบหาย
คราวนี้เศรษฐกิจขาลงพอดี ก็เสือกไปอั้นดอกเบี้ยฝากไว้ เพราะหากลดก็ชิบหาย เงินไหลทะลักออก ฟองสบู่แม่งก็แตกโพละ จะปล่อยหุ้นลงก็ไม่ได้ เลยต้องเอาเงินหลวงไปอุดไว้ตั้งกองทุนพยุงหุ้น. ...
แต่มันก็อั้นไว้ไม่นาน ของจริงก็คือของจริง พอรัฐบาลบรรหารล้มไป สุรเกียรติ์พ้นตำแหน่งขุนคลัง บิ๊กจิ๋วมาเป็นนายกฯพอดี
ผู้ว่าวิจิตรก็บอกนายกฯจิ๋วครับ ผมว่านโยบาย2สูงท่าจะไม่ไหว ปล่อยให้หุ้นลงตามธรรมชาติเหอะครับ ดอกเบี้ยก็คงต้องลดครับ...บิ๊กจิ๋วแกเป็นทหารจะไปรู้เหี้ยอะไร ก็บอก เออๆตามใจทั่นผู้ว่านะ
ก็เลยชิบหายสิงานนี้ เงินนอกที่มาฝากกินดอกเบี้ยเมืองไทยก็ถูกถอนพรวด เงินในตลาดหุ้นเมื่อไม่มีกองทุนพยุงก็ฟองสบู่แตกโพละ เศรษฐกิจแม่งก็ป่นปี้ ไอ้เรื่องผู้ว่าคนต่อมาคือเริงชัยเอาเงินบาทไปสู้กับโรอส แล้วโดนแดกเรียบนี่แม่งก็ปลายๆเหตุแล้ว คือยังไงมึงก็ชิบหาย เพราะพื้นฐานมันเจ๊งกะบ๊งมาตั้งแต่ยุคสุรเกียรติ์แล้ว ในที่สุดก็อย่างรู้ๆก็ต้องลดค่าเงินบาท เอาเมืองไทยไปจำนำIMF บิ๊กจิ๋วแม่งก็เป็นผู้ร้ายแบ๊ะๆๆๆ
สุรเกียรติ์แม่งก็ลอยนวลมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศสมัยแม้วเป็นนายกฯ แล้วก็มาหักหลังกันตอนเกิดรัฐประหาร19กันยานี่ไง...เอากับมันดิ
แม่งก็สันดานเดิมๆคือไม่รู้เรื่องเหี้ยอะไรเลย แต่อยากแอ๊คอาร์ต ก็ไปตั้งไอ้ที่เรียกว่าASIA DIALOG อะไรประมาณนี้ กะจะขอโกอินเตอร์เป็นผู้นำเอเชีย(ไอ่ชิบหายเมืองไทยยังชิบหายไม่พอ มันจะให้ชิบหายทั้งเอเชีย)อัษฎาเขาเป็นขาใหญ่กระทรวงบัวแก้ว เคยเป็นท่านทูตประจำUNก็ถือว่าขาใหญ่ก็เลยด่าเอา คือตอนนั้นแกใกล้เกษียณก็ถือโอกาสด่าแม่งทิ้งทวน
แถมเขียนลงหนังสือพิมพ์ด่าตอนเกษียณอีก
ทีนี้มันไม่จบ เพราะสุรเกียรติ์เล่นบทหมาป่าลูกแกะ มึงเกษียณไม่เป็นไร กรุหันมาเล่นน้องเมิงแทน ว่าแล้วสุรพงษ์ ก็โดนซะอ่วม เริ่มจากย้ายจากอธิบดีกรมใหญ่ในกระทรวงบัวแก้วไปเป็นท่านทูตที่เยอรมัน อันนี้ก็ถือว่าลดชั้นแล้วนะ เสือกไม่พอย้ายอีกไปอยู่ชายแดนนู่น คือแถวอาฟริกา...เอากับมัน
ต่อมาแม้วก็บ้าเรื่องCEOหนักเข้าขั้น นอกจากผู้ว่าซีอีโอแล้วก็ให้มีทูตซีอีโอด้วย(ซึ่งว่าไปก็ดี แต่พวกผู้ดีท่านทูตเขาเคืองว่าจะให้เขาลดเกียรติลกดศรีลงมาเป็นพ่อค้าได้ไงวะ. ..)
สมัยสังคมนิยมขึ้นสู่กระแสสูง สุรพงษ์ ชัยนาม เขียนหนังสือแนวมาร์คซิสม์ไว้หลายเล่ม ล่าสุดเขาเขียนเชียร์การรัฐประหาร19กันยา49โดยลากแม่น้ำทั้งห้าเข้ามาโยงว่า ก็ไม่ต่างจากการปฏิวัติของชาวสังคมนิยม
พี่น้องคู่ชัยนามก็เริ่มด่าเหลี่ยมไปด้วยว่าแม่งมั่วแล้วเหี้ยมึงหนะ
พี่น้องคู่นี้เขาก็แค้นตาแม้น...ต่อมาก็จับมือกับยมทูตกษิตอีกตัวขึ้นเวทีพันธมิตรล่อไอ่เหลี่ยมซะเลย จะได้เช็คบิลสุรเกียรติ์ไปในตัว
สุรพงษ์แกใกล้ชิดกับทางป๋าส.ศิวรักษ์ อีกด้วย เพราะแกเคยเขียนหนังสือแนวๆมาร์กซิสม์อะไรนี่มาตั้งแต่สมัย14ตุลามัยสมัยป่าแตก ผมก็ซื้อไว้หนุนแทนหมอนครบคอลเล็กชั่นเหมือนกาน
ที่ผมจะผิดหวังหน่อยคือจะแค้นตาแม้นกันยังไงเรื่องหลักเรื่องการนี่ก็ไม่น่าเปลี่ยนสีแปรธาตุกันขนาดนี้ไง คือสุรพงษ์จะมาเป็นมือตีนให้รัฐบาลสุรยุทธ์ก็ไม่เป็นไร เสือกเขียนบทความเชียร์รัฐประหารอีกด้วย เสียชื่อมาร์กซี้ดดดดส์อยซี้ดส์หมดหวะ
สุรพงษ์ได้เขียนบทความเรื่อง"กองทัพกับประชาธิปไตย"หลังรัฐประหาร19กันยา ความสำคัญโดดเด่นอยู่ตรงมันเป็นบทความที่มุ่งอธิบายและให้ความชอบธรรมโดยนัยแก่การรัฐประหารของกองทัพเพื่อกอบกู้ฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย ด้วยหลักเหตุผลวิชาการอย่างจริงจัง จากกรอบแนวคิดทฤษฎีของฝ่ายซ้าย โดยยกตัวอย่างกรณีรัฐประหารของขบวนการยังเติร์กแห่งกองทัพโปรตุเกสโค่นระบอบเผด็จการพลเรือนของนาย Antonio Salazar และ Marcello Caetano เมื่อปี พ.ศ.2517 มาเปรียบเทียบรัฐประหาร19กันยาของไทยเป็นนิทัศน์อุทาหรณ์ เพื่อสรุปถอดถอนบทเรียนอันมีลักษณะสากล (universal) สำหรับประยุกต์ใช้ในกรณีกองทัพไทยกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า"ระบอบทักษิณ"ตอนนั้น
และยังเขียนอีกในเว็บไซต์และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ภายใต้ชื่อเรื่อง กองทัพกับประชาธิปไตยตอนที่3 : ภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้น โดยคราวนี้ได้ยกตัวอย่างรัฐประหารของทหาร 4 ครั้ง ในตุรกีมาเป็นกรณีศึกษาเปรียบเทียบแทน
เรื่องนี้ซ้ายเก่า นักวิชาการปัจจุบันอย่างเกษียร เตชะพีระ ได้เขียนบทความสับด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ ถึงขั้นใช้คำว่า "เมื่อเอาหูแนบตั้งใจฟังข้อความของสุรพงษ์ ก็พอจะแว่วกังวานแห่งคำประกาศ "สงครามครั้งสุดท้าย" ของสนธิ ลิ้มทองกุล...
เฮ้อ...แล้วญาติผู้ใหญ่แกอย่างท่านทูตดิเรก ชัยนาม นี่เคยทำปฏิวัติ2475มา เป็นเสรีไทยกอบกู้บ้านเมืองมา พอเผด็จการทำรัฐประหารพ.ศ.2490แกเป็นทูตอยู่เมืองนอก แกขอลาออกประท้วงเลย ไม่ห่วงอำนาจวาสนาใดๆทั้งสิ้น ยึดเอาความถูกต้อง ผลประโยชน์บ้านเมืองเป็นหลัก ไม่ใช่มาเคลื่อนไหวเพราะผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างรุ่นหลาน
มาถึงชัยนามรุ่นนี้ก็นับว่าเสียตระกูลรุนชาติหนะ หากด่าแรงๆแบบคนโบราณนะ
00000000000
อย่าพลาดซีรีส์สุดมันส์ในชุดนี้ตอนที่ผ่านมา
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่1):เอ็นโตดี NGO พวกเขาไม่ได้โง่และไม่ได้บ้าแต่ว่าเพี้ยน..
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่2):ยอยศการเมืองภาคประชาชน นาฏกรรมบนลานกว้าง
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่3):ในนามของการหยุดทำร้ายประเทศไทย พวกเขาออกใบอนุญาตฆ่าผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่4):NGO-เอ็นโตดี ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่5):ผลสำรวจเบื้องหลังคนทำโพลล์
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่6):ใครสั่งโค่นเหลี่ยม?
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่7):Conspiracy theoryชู้รักเลดี้แชตเตอร์ลีย์
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่8):ฉากและบางถ้อยคำสำคัญวันยึดอำนาจ
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่9):Between the lineของระบอบเทวดา
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่10):ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก
ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่11):กลุ่มกษัตริย์นิยมกับประชาธิปไตยแบบไท้ยไทย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่12):มหาลัยใหญ่โตเหวย! มืดจริงหนอสถาบันอันกว้างขวาง
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่13):นักศึกษาประชาชนและมวลชนผู้ขมขื่น รวมกันหยัดยืน..
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่14):เบื้องลึก"ข้อมูลใหม่"หอการค้าถือหางปชป.-พธม.กระทืบเสื้อแดง
00000000
บทความเกี่ยวเนื่อง:ซีรีส์สุดมันส์รวมฮิตลากไส้สื่อเห้เสร็จแล้ว เชิญโหลดกระจาย