คอลัมน์ สัมภาษณ์พิเศษ
ทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สลัดจากการเมืองลำบาก
ยิ่งล่าสุดบริษัทเอสซี แอสเสท ที่เจ้าตัวนั่งบริหารอยู่มีชื่อเข้ามาพัวพันกับคดีคลิปตัดต่อเสียงนายกฯ
ทำให้การเคลื่อนไหวของยิ่งลักษณ์ เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของตระกูลชินวัตร แม้ในฐานะกรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคมก็ตาม
-การทำงานในมูลนิธิไทยคม
มูลนิธิไทยคมสืบเนื่องมาจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิเมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ต้องการให้มีความเสมอภาคทางด้านการศึกษา และอยากให้เด็กไทยคิดเป็นทำเป็น แล้วแข่งขันได้ในเวทีโลก
ดิฉันเองก็ทำหน้าที่เป็นกรรมการและเลขานุการฯ มาทำหน้าที่สืบทอดเจตนารมณ์นี้ ซึ่งให้การสนับสนุนการศึกษามาตลอดตั้งแต่ตั้งมูลนิธิมา
พ.ต.ท.ทักษิณเน้นเรื่องนี้มาก เพราะคิดว่าอนาคตของเยาวชนไทย ถ้าเรามีโอกาสให้การสนับสนุนไม่ว่าเรื่องการเรียน ทุนทรัพย์ หรือส่งเสริมด้านต่างๆ ก็เชื่อว่าเยาวชนไทยเป็นผู้มีความรู้ ฉลาด มีความสามารถ
ถ้ามีโอกาสหยิบยื่นให้ก็ทำให้เยาวชนไทยแข็งแรง แล้วจะส่งผลให้ประเทศชาติแข็งแรงด้วย
-จะประสานทำทีวีเพื่อการศึกษาตามแนวทางของพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่
หลักของมูลนิธิไทยคมสนับสนุนด้านการศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาในรูปแบบที่อยากให้เด็กไทยเรียนรู้ สร้างสรรค์ด้วยปัญญา ให้ได้รู้ ปฏิบัติจริง แล้วจะเรียนรู้ได้อย่างยั่งยืน
เมื่อมีหลักเช่นนี้เราก็ขยายผลการทำงาน อย่างแรกคือเสริมในเรื่องการศึกษาแนวใหม่ รวมถึงสื่อการเรียนการสอนที่เอื้อให้เยาวชนไทย
ส่วนเรื่องทุนทรัพย์ก็ควบคู่ไปด้วยเพราะเด็กบางคนเรียนเก่งจริงแต่ขาดโอกาส เราก็หยิบยื่นให้เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ นอกจากนี้ ก็คือการเสริมทักษะ ไม่ว่าเป็นเรื่องบุคลิกภาพ กีฬา ดนตรี
เมื่อกลับมาถึงคำถามว่าจะสื่อการเรียนการสอนทางโทรทัศน์ เราไม่จำกัด ไม่ได้บอกว่าจำเป็นจะต้องทำ แต่เราไม่จำกัดว่าอะไรเป็นสื่อสารส่งความรู้การศึกษาให้เยาวชนไทย เรายินดีทำทุกรูปแบบ
สื่อการเรียนการสอนก่อนหน้านี้ก็เคยทำดาวเทียมทางไกลสู่ชนบท เริ่มมาเมื่อ 10 กว่าปีก่อนโดยมอบอุปกรณ์ดาวเทียมทางไกล โครงการนี้เรามอบให้กับการศึกษานอกโรงเรียนและโครงการของพระราชวังไกลกังวล ตอนนี้ก็ทำอยู่
และพร้อมประสานทุกช่องทางที่มีประโยชน์ให้สื่อสารได้เข้าถึงชนบท ให้เด็กในชนบทได้มีโอกาสเรียนเท่ากับเด็กในเมืองกรุง
-ถูกมองว่าทำเพื่อการเมือง
อยากให้ทุกคนพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ของมูลนิธิจริงๆ เพราะเราทำมานานแล้ว ไม่ได้เพิ่งทำ
การที่เราทำเพื่อการศึกษาก็ทำมาหลายปี เชื่อว่าคนที่ได้รับการให้จากมูลนิธิไทยคมจะทราบว่าเราตั้งใจลงไปมอบให้จริงๆ ทุกบาททุกสตางค์ที่เรามอบให้นั้นไปถึงเยาวชนที่เป็นเป้าหมายใหญ่
-มองนโยบายด้านการศึกษาของรัฐบาลอย่างไร
คงไม่ไปคอมเมนต์นโยบายการศึกษาของรัฐบาล แต่ในฐานะที่เป็นองค์กรหนึ่งที่ได้สัมผัสกับงานการศึกษา ขอบอกว่าเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน
ไม่ใช่แค่มอบทุนให้แล้วเด็กได้เรียนจบ การศึกษาต้องมองไปถึงกระบวนการตั้งแต่เรื่องแนวการเรียนการสอนทั้งระบบ ครู สื่อการเรียนการสอนที่ดี ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้
เพราะเมื่อจบการศึกษาแล้วคำตอบคือเด็กต้องมีงานทำ อุปกรณ์ต่างๆ ก็ต้องเพียงพอ ไม่ว่าเป็นคอมพิวเตอร์ สื่อการเรียนการสอน หรือแม้แต่เงินทุนก็เป็นเรื่องใหญ่
จึงอยากเชิญชวนทุกท่านมาช่วยกันพัฒนาวงการศึกษาเพื่อจะเสริมสิ่งที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นไปเพื่อเยาวชน และลูกหลานของเราที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต
-เท่าที่ดูการศึกษาไทยตอนนี้ตอบโจทย์ที่ให้คนมีงานทำได้หรือไม่
เชื่อว่าหลายๆ หน่วยงานก็พยายาม ทุกคนก็ตื่นตัว อยากให้วงการศึกษาพัฒนา แต่เรื่องนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนระบบคอมพิวเตอร์จากระบบเก่าไประบบใหม่ทันที เพราะการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องคน รวมถึงครู
เมื่อเป็นสิ่งที่ใหญ่มากก็ต้องใช้เวลาในการพยายาม ดังนั้น คนที่ทำการศึกษาต้องมีอย่างเดียวว่าต้องไม่เลิกความพยายาม และต้องอดทนทั้งคนให้และคนรับ ต้องรอ
เหมือนเราให้ทุนการศึกษาให้นักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยชินวัตร ทำตั้งแต่ปี 2547 แต่เพิ่งจะมีเด็กรุ่นนี้จบมา บางทีก็เหมือนจะลืมไปแล้ว แต่เรื่องการศึกษาก็ต้องอดทนแล้วจะเห็นผลในระยะยาว
ภาพรวมข้างนอกคนอาจจะไม่เห็นว่ามันเปลี่ยนเร็ว แต่ขบวนการนี้ใหญ่แล้วต้องใช้เวลา
-ในฐานะนักธุรกิจมองว่าเศรษฐกิจประเทศตอนนี้ฟื้นตัวแล้วหรือไม่
เศรษฐกิจพีกขึ้นมายาก หลายคนมองว่าจะเป็นวีเชป ยูเชป หรือดับเบิ้ลยูเชป รวมกันก็คือปลายทางมันจะดีขึ้น แต่ทุกคนต้องช่วยกัน
วงจรที่จะดีขึ้นมาได้ไม่มีใครตอบได้ว่าใช้เวลานานเท่าใด เราเป็นเอกชนก็ต้องปรับตัวเอง แล้วทำกิจกรรมในลักษณะที่ทำให้ดูคึกคัก และดูตื่นตัวตลอดเวลา แล้วก็มองไปข้างหน้าอีกครั้ง
แต่ในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ภาพรวมไม่โตขึ้น อยู่แบบทรงๆ แต่ที่ผลประกอบการของบริษัทโตขึ้นกว่าไตรมาสที่แล้วเพราะเราทำหลายอย่าง ทั้งผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจ ทำโปรโมชั่นทุกเดือน แอ๊กทีฟมากขึ้น แล้วก็เหนื่อยขึ้น
-นอกจากทำมูลนิธิกับธุรกิจ ยังทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย
เปล่าค่ะ ดิฉันทำทางด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จริงๆ แล้วไม่ได้เข้าไปร่วมในพรรคเพื่อไทย เป็นลักษณะการให้กำลังใจมากกว่า พรรคเพื่อไทยเองก็ยังมีผู้บริหารของพรรคดูแล ดิฉันก็ทำงานมูลนิธิไทยคม รวมถึงงานในบริษัทเอสซี แอสเสท ที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
-อนาคตกับการเมือง
ยังไม่มีความพร้อม อยากขอทำงานมูลนิธิและอสังหาริมทรัพย์อยู่ แต่ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง อะไรที่ให้กำลังใจพรรคการเมืองได้เราก็ทำ แต่ไม่ได้มองว่าเป็นหน้าที่หลัก
หน้าที่หลักเราคือการทำธุรกิจ พัฒนาธุรกิจให้ดี แล้วก็ทำงานสังคมด้านการศึกษา
-พ.ต.ท.ทักษิณและนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่สาวสนับสนุนให้ลงเล่นการเมืองหรือไม่
ไม่หรอก เรื่องนี้เราต้องตัดสินใจเอง ตอนนี้ยังมีภาระต้องทำในส่วนอื่นอีกเยอะ แต่ขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ
-ในพรรคเพื่อไทยก็สนับสนุนเยอะ
ต้องขอขอบคุณ แต่จริงๆ เราคิดว่าวันนี้ ตอนนี้ก็มีหัวหน้าพรรคและบุคลากรในพรรคที่มีความสามารถอีกมาก เราเองก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่ทำธุรกิจ และทำงานมูลนิธิมากกว่า
-รู้สึกอย่างไรที่มีประชาชนยังรักพ.ต.ท.ทักษิณ อยากให้กลับมาบริหารประเทศ
เราเป็นน้องก็รู้สึกดีใจ ซาบซึ้งใจที่ทุกคนให้ความรักเป็นห่วงท่าน ขอขอบคุณพี่น้องทุกคน เราก็ทำได้เท่านี้
-พยายามไม่ยุ่งกับการเมืองแต่รู้สึกการเมืองจะเข้ามายุ่งตลอด ล่าสุดก็เรื่องคลิปเสียงนายกฯ
เราเป็นของเราอย่างนี้ เราทำตัวเป็นประชาชนคนหนึ่งก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เชื่อว่าประชาชนที่ติดตามข่าวสารคงตัดสินใจดีกว่า เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เชื่อว่าใครที่ดูอยู่ก็คงรู้
เราปฏิเสธไม่ได้ในความเป็นชินวัตร แต่หน้าที่ของเราก็ชี้แจงและทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ตั้งใจทำบทบาทในเลขามูลนิธิ หรือบทบาทการเป็นประธานบริหารบริษัท และประชาชนคนหนึ่งให้ดีที่สุด
-จะต้องทวงถามความยุติธรรมทางกฎหมายหรือไม่
ทางบริษัทก็มีใบแถลงข่าวชี้แจงไปแล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ชี้แจงแล้ว คงไม่อยากให้ข้อมูลเพิ่มอีกแล้ว