ไทยแดงกับไทยเหลืองก็มีแล้ว..ไม่นับตัวประกอบอย่างไทยเขียวขี้ม้ากับไทยสีน้ำเงิน ที่เป็นส่วนเกินและส่วนแห่งความแตกแยกอีกชิ้นหนึ่งวันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ..กำลังมีตำรวจที่แบ่งแยกเป็น 2 ฝ่ายฝ่าย..พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ..ที่กำลังผนึกกันสนับสนุน พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมายให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติฝ่าย..อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่กำลังผนึกแขนขาขึ้นมาสนับสนุน พล.ต.อ.ปทีปตันประเสริฐ ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังไม่มีใครพยากรณ์ได้..ฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะแต่ละฝ่าย..ต่างก้าวล่วงเข้าไปในวิถีโคจรของดวงดาว..ดึงพลังอำนาจจากฟากฟ้าเข้ามาล้มล้างกัน..ประชาชนคนทั่วไปรับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นแต่ไม่รู้ว่าจะเชื่อได้หรือไม่..และบนความสับสนวุ่นวายที่ไร้เหตุผลนั้น ศรัทธาของประชาชนโดนลบหลู่ประชาชนแตกออกอีกเป็น 2 ฝ่าย..สีเหลืองสนับสนุนคนหนึ่ง สีแดงสนับสนุนส่วนหนึ่ง..2 แสน 6 หมื่นนายของตำรวจก็แตกแยกออกจากกัน..ไม่มีตัวเลขยืนยันว่าแต่ละฝ่ายมี
ผู้สนับสนุนฝ่ายละเท่าไหร่..แต่แน่นอนว่าแตกแยกกันลงไปตั้งแต่..พลตำรวจเอกคนที่ 3 จนถึงพลตำรวจอันดับสุดท้ายประเทศแตกแยกเป็นคูค่าย ไม่มีแล้วประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยแตกแยกแทรกเข้าสู่พรรคประชาธิปัตย์..รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 กับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี..บริหารราชการสวนทางกับนายกรัฐมนตรี..10 มกราคม..เคยผ่าประชาธิปัตย์ออกจากกัน..อีกไม่นานจากนี้..ประชาธิปัตย์จะประวัติศาสตร์ซ้ำรอย..ป่วยการที่จะถามว่าใครถูกใครผิด..ที่จะต้องหาคำตอบให้ได้ก็คือ..อะไรคือความเป็นประชาธิปไตยอะไรคือความเป็นเผด็จการ..ถ้าเราประกาศว่าเราปกครองในระบอบประชาธิปไตย..คณะบุคคลก็ต้องยิ่งใหญ่กว่าบุคคล ไม่ว่าบุคคลคนนั้นจะเป็นใคร..ยิ่งใหญ่คับฟ้าคับดินแค่ไหน..ผู้ยิ่งใหญ่..บอกกับประชาชนว่า..ต้องการและปรารถนาความสมานฉันท์สามัคคี..แต่วันนี้..เขาประสาทความแตกแยกไปทั่ว..แม้แต่ใต้ตัวเองและคนข้างกาย..ผู้ยิ่งใหญ่ต้องส่องกระจกแล้วถามตัวเองว่า..ป่วยอยู่หรือเปล่า..??อำนาจนั้น..ทำให้คนป่วยได้..คนทั่วไปเรียกอาการป่วยชนิดนี้ว่า..“บ้าอำนาจ” ■