นานๆ จะเห็นลีลาท่าทางของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”ออกอาการฉุนกึกจนลมออกหูสักที ก็เมื่อบ่ายวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย “สารวัตรเหลิม”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สวมบทพนักงานสอบสวน ยื่นกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรีกรณีคลิปเสียงสั่งสลายม็อบเสื้อแดงโดยนายกฯ ออกอาการตั้งแต่ยก 2 เมื่อลุกขึ้นชี้แจงอีกรอบถึงต้นตอของคลิปเสียง หลังถูก “สารวัตรเหลิม” ใช้ความเก๋าอ่านคลิปเสียง และเรียกร้องหาคลิปมาสเตอร์มาแสดง หากนายกฯเชื่อว่าคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อ“ใน 5-6 ประเด็นที่ตัดคำว่า “ไม่” ออกมันก็ชัดอยู่แล้วอยากถามว่าจะมาถามเพื่อต้องการอะไรอีก จะให้ระบุว่าถ้อยคำในคลิปมาจากที่ไหนทั้งหมดเป็นเรื่องยากมาก แต่เพียงแค่นี้ก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้ว หากวันไหนท่าน (ร.ต.อ.เฉลิม) ไปพูดที่อื่นว่าถ้าทำอย่างนี้ผมก็เป็นหมา แล้วมีคนไปตัดเสียงเหลือเพียงแค่ว่า“ผมเป็นหมา” มันก็ต้องเป็นเสียงของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่ดี”ว้าว! คำตอบนายกฯ ช่างเจ็บแสบแหลมคำ ถูกใจคอการเมือง“ฮาร์ดคอร์” เสียนี่กระไร เล่นเอา “ดาวสภา” ถึงกับ “อึ้งกิมกี่”ไปชั่วขณะ ก่อนจะลุกขึ้นตอบโต้ตามสไตล์ดาวสภา ตามติดด้วยการประท้วงกันไปมาวุ่นวายน่าดูสำหรับศึกคลิปฉาวระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านที่สุดท้ายก็ไม่มีใครชนะและดูท่าว่าต้องแพ้ทั้งคู่ เพราะประชาชนที่นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านคงเข้าใจสัจธรรมบางอย่างของ
การเมืองไทยที่อำนาจทำให้คนเปลี่ยนไปได้แต่อย่างไรก็ตาม กรณี “คลิปมหาประลัย” อานุภาพทำลายล้างยังไม่จบแค่ในสภา เพราะนอกสภาหลังตำรวจบุกจับพนักงานเอสซี แอสเสทฯ แล้ว เจ้าของบริษัทอย่าง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เตรียมฟ้องร้องตำรวจฐานที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงขณะเดียวกันต้องจับตาพลพรรคเสื้อแดงที่กำลังเตรียมเสบียงกรังว่า จะมีการออกศึกในช่วงนี้หรือไม่ หลังจากต่างท่ามาแล้วหลายครั้ง แต่ก็เจอกฎหมาย
ความมั่นคงดักหน้า จนต้องถอยหลังปรับกระบวนยุทธ์กันใหม่ทั้งนี้ น่าจับตามองเหลือเกินว่าทิศทางและจุดยืนของคนเสื้อแดงจะไปในทิศทางใด เพราะที่ผ่านมาคนเสื้อแดงเริ่มแตกคอกันเองมากขึ้น และทุกครั้งที่จะเคลื่อนไหวก็มีแค่ 3 เกลอเท่านั้นที่นั่งแถลงข่าวจนทำให้แกนนำเสื้อแดงในกลุ่มเกิดอาการ “งอน” ไม่ขอเข้าร่วมสังฆกรรมกับเสื้อแดงเมืองกรุงอีกต่อไปจากท่าทีกลุ่มคนเสื้อแดง โฟกัสกลับมาที่หน่วยงานด้านความมั่นคงอย่าง “กองทัพ” ผู้ที่ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ในการรักษาความสงบตามที่รัฐบาลประกาศได้ดีเยี่ยมในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และเหล่าเสนาธิการ ในกองทัพ ประเมินสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะกลับมารุนแรงอีกครั้ง จากอานุภาพของ “คลิปมหาประลัย” ชิ้นนี้“การใส่คลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีขณะนี้เป็นการพยายามเพิ่มดีกรี เติมเชื้อไฟ ซึ่งผู้บังคับหน่วยต้องไปทำความเข้าใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยและขยายไปถึงประชาชนขอพูดให้ฟังว่าหากให้ท่านเลือกระหว่างชาติกับสี ท่านต้องเลือกประเทศชาติ หากเอาสีประเทศจะอยู่ไม่ได้ หากตำรวจทหาร แยกสีก็จะวุ่นวาย”พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวกับผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงที่สโมสรกองทัพบกวิภาวดี ในระหว่างการเข้าฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติโครงการกู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โครงการที่คนเสื้อแดงกล่าวหาว่าเป็นโครงการสลายสีเสื้อความห่วงใยของผู้นำเหล่าทัพย่อมสะท้อนให้เห็นงานด้านการข่าวที่กำลังจะบอกว่า เวลานี้มีการปลุกระดมประชาชนให้ออกมาต่อต้านรัฐจากกรณีคลิปเสียงนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุชุมชนคนรักอุดรหรือวิทยุชุมชนเครือข่ายคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐ
และหน่วยงานด้านความมั่นคงหวั่นใจว่า สถานการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้เช่นเดียวกันตำรวจที่ออกมารับลูกเรื่องนี้ทันทีทันใดในเวลา24 ชั่วโมง สามารถตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนทันที หากเทียบกับคดีอื่นๆ ถือว่าทำสถิติได้เร็วอย่างยิ่งยวด อันนี้ไม่รู้ว่าต้องการโชว์ผลงานช่วงแต่งตั้งโยกย้ายหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่ทราบนะขอรับขณะที่ตำรวจสอบสวนกลางเตรียมเรียกตัวคนส่งต่อหรือฟอร์เวิร์ดเมล์ จำนวน 15 คน เข้ามาสอบปากคำ หลังตรวจพบว่ามีการส่งต่อไปให้บุคคลอื่นอีกกว่า 179 คน ถือเป็นการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” เพราะหากปล่อยให้คลิปลอยนวล อาจวุ่นวายไปมากกว่านี้อานุภาพของคลิปเสียงชิ้นนี้รุนแรงเกินบรรยาย และดูเหมือนจะหาทางลงไม่เจอว่า “ต้นตอคลิป” มาจากไหน เมื่อไม่ใช่จากเครือข่ายกลุ่มชินฯ“คลิปมหาประลัย” ยังคงเป็นปริศนา..!? ■