ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Thursday, 3 September 2009

คดี “ดา” สังคมไทยถอยหลังอีกก้าว

ที่มา Thai E-News


โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
3 กันยายน 2552

ผู้ที่รักสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย และผู้ที่ยังต้องการปกป้องศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคน จะต้องไม่หยุดรณรงค์เพื่อคนอย่างคุณดา หรือคุณสุวิชา หรือคนอื่นๆ ที่ติดคุกอยู่ เราต้องรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่น และต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแท้


ประเทศไทยในปัจจุบันถือได้ว่ามีมาตรฐานเสรีภาพพอๆกับเผด็จการสตาลินิสต์เกาหลีเหนือ

เพราะเพียงแต่การพูดอะไรที่ไม่ถูกหูชนชั้นปกครองก็จะโดนจำคุก 18 ปีได้ กรณีของคุณ ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ 'ดา ตอร์ปิโด' เป็นอีกกรณีที่เปิดโปงความป่าเถื่อนของระบบการปกครอง และระบบยุติธรรมของไทยภายใต้อำมาตย์

การใช้กฎหมายความมั่นคง เพื่อปราบปรามการชุมนุมอย่างสันติ และการที่นายกฯแต่งตั้งที่จอมโกหกชักชวนให้ทหารฆ่าประชาชน ล้วนแต่ชี้ให้เห็นว่าพวกเสื้อเหลืองพาสังคมไทยถอยหลังไปกว่าห้าสิบปี

ยิ่งกว่านั้นการนิ่งเฉยเงียบสนิทของคนที่อ้างตัวว่าเป็นนักสิทธิมนุษยชน นักเอ็นจีโอ นักข่าว หรือนักวิชาการในไทย ก็เป็นสิ่งที่ควรสร้างความละอายใจอย่างยิ่ง

คุณดา เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ไม่ได้ฆ่าใคร ไม่ได้ทำลายทรัพย์สินใคร ไม่ได้ทำลายประชาธิปไตยหรือเสรีภาพผู้อื่น เพียงแต่แสดงความเห็นเกี่ยวกับปัญหาบ้านเมือง เลยติดคุก 18 ปี

ในขณะที่โจรปล้นเสรีภาพ ที่นำปืนและอาวุธมาขู่และฆ่าประชาชน ยังลอยนวล มีตำแหน่งและร่ำรวย ในประเทศไทยอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดในสายตาพวกอำมาตย์ คือการคิดเองเป็นและการแสดงออกรวมถึงการยืนขึ้นเป็นมนุษย์ เขาต้องการให้เราปัญญาอ่อนไปทั้งชาติ ผู้นำว่ายังไงก็ต้องคล้อยตาม ผู้นำตดก็ตดตาม ผู้นำขี้เหม็นก็บอกว่าขี้หอม

เขาอยากให้เราเป็นอะไรที่ต่ำกว่ามนุษย์ ให้เราหมอบคลานต่อคนเลวทรามที่บังอาจสั่งสอนเรา “ให้เป็นคนดี” ปัญหาของสังคมไทยแต่ไหนแต่ไรคือผู้ปกครองมันเลว แต่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนดี

สิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยไม่ใช่มะม่วงสุกที่จะหล่นตกลงมาในมือเราเอง เราต้องร่วมกันสู้และร่วมกันเสียสละ เราทอดทิ้งกันไม่ได้

ดังนั้นผู้ที่รักสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตย และผู้ที่ยังต้องการปกป้องศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคน จะต้องไม่หยุดรณรงค์เพื่อคนอย่างคุณดา หรือคุณสุวิชา หรือคนอื่นๆ ที่ติดคุกอยู่ เราต้องรณรงค์ให้ยกเลิกกฎหมายหมิ่น

และต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยแท้
0000000000000
( บทความเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ )

Da Torpedo’s case pushes Thailand back to the Dark Ages

by Giles Ji Ungpakorn

Last month Daranee Charnchoengsilpakul (or “Da Torpedo”) was sentenced to 18 years in prison for “lese majeste” after a secret trial in Bangkok.

This is just another example of how Thailand is rapidly coming to resemble authoritarian countries like North Korea.

Other examples are the use of the Internal Security Law to prevent peaceful demonstrations by the pro-democracy Redshirts and the way that the unelected Prime Minister, Abhisit, urged the military to kill demonstrators in April this year.

What is also shocking is the way that there has been complete silence from so-called “human rights activists” or NGOs and academics in Thailand about what has been going on. This can only be described as shameful.

Amnesty International’s long term policy of turning its back on Thai prisoners of conscience, jailed over lese majeste, is also appalling. It throws into question the role of this organisation.

Da Torpedo never committed an act of violence. She never killed anyone or destroyed anyone’s property. She is a pro-democracy activist who made speeches in public. She has been jailed for 18 years for making these speeches. In Thailand, army officers and state officials who commit violent crimes against the people are free to enjoy power and privileges. The worst crime in the eyes of the Thai ruling elites, is to think for oneself and to express those thoughts. This is why Da is in prison. This is why Suwicha Takor and others are in prison on lese majeste charges.

The Thai elite want us to be half-wits. They want us to do as we are told and be loyal to Nation, Religion and King. When the Leader farts, we all have to fart. If he wears a pink shirt, we must all wear one too. We must all believe that he invented everything that is of value in the country. The elite want us to crawl on the ground in front of them as though we are not human. We must smile like idiots and chant in unison that we “love our King and country”. The problem in Thai society has always been that the rulers are corrupt, brutal and barbaric, while the people are generally good. Yet ‘They’ claim the right to lecture us on being good citizens.

Democracy doesn’t grow on trees or fall into our hands like ripe fruit. We all have to fight for it and it must be a collective struggle. That means that we must never forget Da Torpedo, Suwicha, or any other prisoners of conscience in Thai prisons.

We must campaign for the abolition of the lese majeste law.