ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Wednesday, 2 September 2009

ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่10):ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก

ที่มา Thai E-News


โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดชุมชนฟ้าเดียวกัน
2 กันยายน 2552

ผมขอตัดภาพมาจบตอนเรื่ององค์กรซ่อนเงื่อน ทำงานตาม"นายสั่ง"เลยแล้วกันนะครับ ชื่อตอนคือ ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก


ใครติดตามประวัติศาสตร์จะทราบว่า คำข้างต้นนั้นเกิดในตอนเปลี่ยนแผ่นดินจากแผ่นดินกรุงธนบุรี มาเป็นรัชกาลที่ 1 แห่งพระราชวงศ์จักรี

พระเจ้าตากสินนั้นเคยมีพระราชปณิธานแน่วแน่ว่า
"บุคคลผู้ใด เป็นอาทิ คือ เทวดา บุคคลผู้มีฤทธิ์มาประสิทธิ์ มากระทำ ให้ข้าวปลาอาหารสมบูรณ์ขึ้น ให้สัตว์โลกเป็นสุขได้ แม้ผู้นั้นจะปรารถนาพระพาหาแห่งเราข้างหนึ่ง ก็อาจตัดบริจาคให้แก่ผู้นั้นได้ ความกรุณาเป็นสัตย์ฉะนี้"


ดังนั้นในช่วงใกล้วาระสุดท้ายแห่งพระชนม์ชีพ แม้ทหารที่จงรักภักดีจะพร้อมพลีชีพเพื่อพระองค์ แต่ก็มีพระราชดำรัสว่า “สิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแก่ไพร่เลย” พระองค์ถูกสำเร็จโทษเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2325 พร้อมกับเชื้อพระวงศ์และขุนนางกว่า 150 คน รวมถึง พระยาพิชัยดาบหักด้วย

ถือเป็นการกวาดล้างขจัดเสี้ยนหนามทางการเมืองแบบนองเลือดมากที่สุดหนหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย


การปราบดาภิเษกสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าขึ้นเป็นรัชกาลที่ 1 แห่งพระราชจักรีวงศ์นั้น สมเด็จพระอนุชาในรัชกาลที่ 1 ทรงกราบทูลความตอนหนึ่งดังมีบันทึกไว้ว่า


#กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท(วังหน้าพระยาเสือ)

"กรมพระราชวังบวรฯ(บุญมา- น้องชายรัชกาลที่ 1 ) เสด็จลงมาเฝ้า กราบทูลว่าบรรดาบุตรชายน้อยๆ ของเจ้าตากสิน จะรับพระราชทานเอาไปใส่เรือล่มน้ำเสียให้สิ้น คำบุราณกล่าวไว้ ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก ซึ่งจะเลี้ยงไว้นั้นหาประโยชน์ไม่ จะเป็นเสี้ยนหนามไปภายหน้า"
(พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา, คลังวิทยา, ๒๕๑๖, น. ๔๖๐)

อย่างไรก็ดีลูกของพระเจ้าตากสินองค์หนึ่งเหลือรอดมาได้ คือเจ้าฟ้าเหม็น เพราะเป็นหลานของรัชกาลที่ 1 ได้ขอยกเว้นชีวิตไว้ และโปรดสร้างวังท่าพระให้อยู่(ปัจจุบันเป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร)แต่พอรัชกาลที่ 1 สวรรคตได้เพียง 7 วัน และผลัดแผ่นดินมาสู่รัชกาลที่ 2 พระราโชบายที่เคยมีมาแต่ต้นรัชกาลก็มาประสบผล

โดยคดีนี้พิลึกพิลั่นว่า อีกาได้คาบข่าวมาบอกว่าเจ้าฟ้าเหม็นจะก่อการกบฎแย่งชิงราชบัลลังก์ ในที่สุดก็มีการตั้งตุลาการขึ้นชำระความ ซึ่งตุลาการสมัยโน้นก็คงอาการประมาณเดียวกับสมัยนี้หละกระมัง คือหาหลักฐานไม่พบ โดยมีความตอนหนึ่งว่าไว้ดังนี้

มีรับสั่งโปรดเกล้าฯ ว่า อ้ายเมืองให้การถึงหม่อมเหม็น ทั้งนี้ยังเลื่อนลอยอยู่เห็นหาจริงไม่ แต่ทะว่าเป็นความแผ่นดิน จึงให้ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ตริตรองชำระเอาความจริง


ตุลาการศาลยุติธรรมในเวลานั้นตริตรองแล้วก็ชำระความออกมา ด้วยการที่เจ้าฟ้าเหม็นทรงถูกถอดยศเป็น "หม่อมเหม็น" นำไปสำเร็จโทษที่วัดปทุมคงคา ส่วนพระโอรส 6 พระองค์ของเจ้าฟ้าเหม็นก็ต้องโทษ "ตัดหวายอย่า่ไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก" คือ หม่อมเจ้าชายใหญ่ หม่อมเจ้าชายสุวรรณ หม่อมเจ้าชายหนูเผือก หม่อมเจ้าชายสวัสดิ์ หม่อมเจ้าชายเล็ก และ หม่อมเจ้าชายแดง
ทรงถูกนำไป "ถ่วงน้ำ" ที่ปากอ่าว

ก็เป็นอันว่าพระราโชบายที่กำหนดไว้นับแต่ปราบดาภิเษกสถาปนาพระราชจักรีวงศ์ ก็มาบรรลุผลในตอนหลังรัชกาลที่ 1 สวรรคตลงเพียง 7 วันนั่นแล

แต่เหตุการณ์ปัจจุบันสมัยไม่ใช่ว่าทำลายล้างพ่อคือเหลี่ยมแล้วจะตามไปล้างโอ๊ก- เอม-อุ๊งอิ๊งนะฮะ แต่เป็นการเปรียบเปรยว่า หน่อแนวแถวพันธุ์ที่ยังสนับสนุนเหลี่ยมนั้นต้องกำจัดให้เรียบ

อันนี้สาบานให้ฟ้าผ่าหัวก็ได้ แต่ผมยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง คือว่าก่อนจะมีการตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทยนี่ ผมก็แวะไปกินกาแฟกับเพื่อนคนนึง คนนี้เป็นนายพล แล้วเขาก็ทำงานอยู่กับสุรยุทธ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ผมก็ไปเยี่ยมถามข่าวกันตามธรรมเนียม คราวหนึ่งผมก็ถามขึ้นว่า"คดียุบพรรคไทยรักไทยกับประชาธิปัตย์จะเอากันยังไง? "(ตอนที่ผมถามเรื่องนี้คือก่อนจะมีคำพิพากษายุบไทยรักไทยในวันที่30พ. ค.50)

เขาก็ตอบว่า"มีข้อยุติในวงผู้ใหญ่ว่าตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก"แล้วเขาก็อธิบายว่า พ่อก็คือเหลี่ยมที่ทำรัฐประหารล้มล้างไป ลูกคือพรรคไทยรักไทยที่แจ้งเกิดขึ้นมาต้องโดนยุบ และเมื่อไทยรักไทยโดนยุบก็คงเหลือหลาน(ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีพรรคพลังประชาชน)ก็ต้องตามไปฆ่าหลานอีกที และก็ต้องกวาดล้างไปถึงชั้นเหลนหรือประหาร7ชั่วโคตร

ซึ่งต่อมาเมื่อพรรคไทยรักไทยโดนตัดสินให้ยุบ ปชป.รอดผมก็โทรไปชมพี่แกใหญ่เลยว่าข่าวแม่นโคตร เขาก็บอกว่าไม่แม่นได้ไง ก็กูนั่งอยู่ในห้องทำแผนมากับมือไอ่สัดดด. .อ้าว!

ยิ่งต่อมาเห็นมียุบพลังประชาชน และในตอนนี้ก็เอาอีกแล้ว เรื่องเทปลับของมาร์คก็พูดกันว่า โยงไปถึงพรรคเพื่อไทย จะยุบพรรคเพื่อไทยอีกแล้ว ผมก็เลยว่าแผนฆ่าล้าง 7 ชั่วโคตรเหลี่ยมนี่ท่าจะยังไม่จบง่ายๆซะแล้วหวะ

2499ตระลาการครองเมือง

#อักขราทร จุฬารัตน์

ทีนี้ใครเป็นใครในแวดวงขบวนการไม่ยุติธรรมคงไม่น่าสนใจเท่าไหร่แล้วมั๊ง เพราะอย่างที่เล่าให้ฟังไปแล้วไงว่า มันเป็นแค่การทำตามใบสั่งนายเท่านั้น เอาใครมาทำก็ได้ นายหมูนายแมวที่ไหนก็คงไม่ต่างกัน ทำเสร็จก็ให้รางวัลกันไป

จะสมัยโบราณอ้างว่ากาคาบข่าวมายังไงก็ได้ หาหลักฐานไม่เจอ เชื่อมไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เพราะธงนั้นมีอยู่แล้ว ผ่านมา 200 กว่าปี กระบวนการ(ไม่)ยุติธรรมไทยก็ยังคงเส้นคงวา เป็นที่น่านับถือเลื่อมใสดังเดิม

แต่ที่น่าสนใจคือคอนเน็คชั่นของนิติศาสตร์ ท่าพระจันทร์ รุ่นปี 2499 เพราะมีบทบาทมากในตอนนี้ก็เช่น อักขราทร ซึ่งอักขราทรยังเป็นมุสลิมที่ใกล้ชิดกับสนธิบังอีกด้วย รุ่นนี้ที่เด่นๆก็ยังมีนาม ยิ้มแย้ม ที่นั่งอยู่คตส.เล่นงานยึดทรัพย์เหลี่ยมนั่นไง

#วัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด

แต่คดียึดทรัพย์7หมื่นล้านของคตส.นี่ผมลองถามพี่เข้- วัยวุฒิ หล่อตระกูล ที่แกเป็นอัยการทำคดี แกก็บ่นชิบหายว่ากรูก็ไปไม่เป็นสัดดเอ๊ย พวกจารย์แก้วสรร พวกสัก กอแสงเรือง นาม ยิ้มแย้ม เนี่ยสักแต่ว่าส่งๆมา สำนวนก็อ่อนชิบหาย แล้วจะให้กรูสั่งคดีตามธงอย่างเดียว ต่อไปวันหน้ากรุก็ถูกบันทึกลงบัญชีหนังหมาพอดี...พูดไปพี่เข้ส่ายหน้าไปด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ

#นาม ยิ้มแย้ม 1ในเครือข่ายนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ 2499

คือวันนั้นผมมีเหตุไปทำธุระบางอย่างกับพี่เข้บริเวณใกล้ๆวัดพระแก้ว แกก็ยกมือท่วมหัวสาธุเหมือนกันว่า ไหนๆแกก็จะบาปกรรมอยู่แล้วก็อย่าให้แกต้องบาปกรรมกว่าที่เป็นเลย

ในประวัติของแวดงยุติธรรมจะใกล้ชิดข้างบนตลอด และsing a longไปด้วยกันตลอด จะเคยมีขัดข้องหมองใจและเป็นเรื่องฮือฮาในวงการก็ตอนยุคประมาณ ชันซื่อเป็นประธานศาลฎีกา เป็นเรื่องดูไม่สลักสำคัญ แต่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี เรื่องมีว่าประมาณอยากให้การแต่งตัวในห้องพิจารณาคดีนั้นให้ผู้พิพากษาสวมครุยหรือสายสะพายให้ต่างจากฝ่ายอื่น อย่างอัยการ หรือทนายความ ก็เสนอเรื่องขึ้นไป ข้างบนไม่เห็นด้วยบอกว่า ฉันก็ใส่ยังงี้มาไม่รู้กี่สิบปีไม่เห็นเดือดร้อนต้องเปลี่ยน ก็ไม่เซ็นลงมาให้ซักที

ประมาณก็เป็นนักกฎหมาย ก็ดูว่าพ้นกำหนดกี่วันเมื่อไม่เซ็นลงมา ก็ให้ถือเป็นกฎหมายบังคับใช้ ผู้พิพากษาก็ได้ใส่ครุยใส่สายสะพายในศาลต่างจากอัยการ หรือทนายความมาแต่วันนั้น

#ประมาณ ชันซื่อ

เรื่องนี้ก็สร้างความขุ่นเคืองให้พอสมควร และว่ากันว่าได้เข้ามามีบทบาทในการคัดเลือกคนที่วางใจได้มาอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ จะได้ไม่ปีนเกลียวแบบที่ประมาณ ชันซื่อเคยทำ ดังนั้นในระยะหลัง จึงได้คนประเภทนายสั่งมาอยู่เต็ม และผลงานก็ดังที่เห็นๆคือ ตั้งธงยังไงได้ยังงั้น ปลอดโปร่งโล่งสะดวก

ท่ามกลางความขัดข้องหมองใจของคนดีๆในแวดวงที่รู้สึกว่าเกียรติยศศักดิ์ศรีแทบไม่มีเหลือ ไปไหนมาไหนคนก็มองแบบหยามเหยียด

ชีวิตคนเราก็มักเป็นเช่นนี้ ในสังคมที่ขาดดุลยภาพนั้น หากคุณอยากเป็นคนดีมีอุดมคติ คุณก็ต้องแลกกับการกินอุดมคติ แต่หากคุณขายวิญญาณให้ปีศาจ ก็ต้องแลกกับเกียรติยศศักดิ์ศรีไม่มีเหลือ. ...ก็เลือกเอา



อย่าพลาดซีรีส์สุดมันส์ในชุดนี้ตอนที่ผ่านมา

-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่1):เอ็นโตดี NGO พวกเขาไม่ได้โง่และไม่ได้บ้าแต่ว่าเพี้ยน..
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่2):ยอยศการเมืองภาคประชาชน นาฏกรรมบนลานกว้าง
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่3):ในนามของการหยุดทำร้ายประเทศไทย พวกเขาออกใบอนุญาตฆ่าผู้เรียกร้องประชาธิปไตย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่4):NGO-เอ็นโตดี ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่5):ผลสำรวจเบื้องหลังคนทำโพลล์
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่6):ใครสั่งโค่นเหลี่ยม?
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่7):Conspiracy theoryชู้รักเลดี้แชตเตอร์ลีย์
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่8):ฉากและบางถ้อยคำสำคัญวันยึดอำนาจ
-ซีรีส์ลากไส้องค์กรซ่อนเงื่อน(ตอนที่9):Between the lineของระบอบเทวดา

00000000
บทความเกี่ยวเนื่อง:ซีรีส์สุดมันส์รวมฮิตลากไส้สื่อเห้เสร็จแล้ว เชิญโหลดกระจาย