คอลัมน์ เหล็กใน
ไต่ระดับการเมืองสูงสุดได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว
แต่นั่นยังไม่เท่ากับการวางตำแหน่งพรรคของตน ให้เป็น "พรรคตัวแปร" ไม่ว่าขั้วใหญ่ไหนจะเป็นรัฐบาลก็ตาม
มีสายสัมพันธ์ทางการเมืองที่เข้าได้กับทุกขั้ว ไม่แข็งตัวกับลีลาของตัวเองจนเกินเหตุ
ไม่เล่นการเมืองจนเลยเถิดเกินความเป็นการเมือง แทบจะกลายเป็น "สงครามกลางเมือง" แทน
แต่ทั้งที่ประสบการณ์มีโชกโชน ขนาดที่ว่ามา
ถึงเวลาเอาเข้าจริง นายกฯ รุ่นน้องทั้งหลายจะมองเห็นทางสว่างที่มังกรเติ้งแนะนำมากน้อยแค่ไหน ยังน่าสงสัยอยู่?
อย่างน้อยผู้นำรัฐบาลที่เป็นศัตรูแบบผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ 2 ขั้ว ต่างได้รับความกรุณาจากนายบรรหารเหมือนๆ กัน
ให้คำแนะนำในช่วงที่คนเป็นนายกรัฐมนตรีออกอาการเมาหมัดจากปัญหารุมเร้ารอบด้าน
บ้างก็ผสมด้วยอาการเมาอำนาจ จนตามืดมัวมองไม่เห็นอะไร นอกจากอำนาจในมือตัวเอง
ยามเกิดวิกฤต นายบรรหารมักชวนพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กินหูฉลามคุยกันสองคน
นี่ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณฟังและได้ยินด้วย ชะตากรรมคงไม่ทุกข์หนักอย่างทุกวันนี้
เพราะการเมืองของนายบรรหารก็คือเล่นตามกรอบการเมืองเท่านั้น
แต่ดูเหมือนพ.ต.ท.ทักษิณจะมั่นใจในตัวเองเกินไปในเวลานั้น
มาคราวนี้ มังกรเติ้งเอ่ยปากแนะนำนายกฯ ปัจจุบัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในโอกาสมาอวยพรวันเกิด 77 ปี
"ใช้ความอดทนประนีประนอม จะเป็นรัฐบาลถึง 8 ปี!"
8 ปี จากการนั่งในตำแหน่งมาแค่ 8 เดือน
"การเป็นนายกฯ ไม่ง่าย ยากเย็นเหลือเกิน มีทั้งปัญหาภายในและภายนอก ต้องใช้ความอดทน ซึ่งจะเป็นสิ่งประเสริฐมากที่สุด"
มีการเอ่ยไปถึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลด้วยว่า ทุกคนต้องให้เกียรตินายสุเทพมากๆ
แม้คำพูดจะกว้างๆ ไม่เจาะจง แต่คนฉลาดอย่างนายอภิสิทธิ์ก็น่าจะรู้
คนหนึ่งที่มีข่าวต่อเนื่อง เหมือนกับจะมองข้ามนายสุเทพกลายๆ ก็ไม่ใช่ใคร นายกฯ อภิสิทธิ์นี่แหละ
จากปัญหาขัดแย้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายอภิสิทธิ์กับนายสุเทพเหมือนนักดนตรีที่เล่นกันคนละเพลง
ราวกับว่านายอภิสิทธิ์จะดิ้นให้หลุดจากเสียงเยาะเย้ยถากถาง
หาว่าเป็นนายกฯ ที่ตกอยู่ใต้การบงการของนายสุเทพอีกที
ในทางหนึ่งก็เป็นการดี ที่นายอภิสิทธิ์แสดงภาวะผู้นำออกมาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แต่ทางหนึ่ง ก็อาจเป็นจังหวะก้าวทางการเมืองที่โฉ่งฉ่าง
หากพลาดขึ้นมาวันใด อาจต้องกระเด็นกลับไปเป็นฝ่ายค้านยาวนานแบบที่เคยเป็นมา
หากว่าบรรดา "นั่งร้าน" ทั้งหลายเกิดความเบื่อหน่ายต่อหน้าที่ของตัวเอง!