โดย : เสียงประชาไทย
เริ่มด้วยแผนสลายเสื้อแดงที่ถูกอ้างว่าเป็น
"โครงการสู้วิกฤติเศรษฐกิจด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง" นั้น
ได้ถูกนำเอกสารลับออกมาเปิดโปง
แม้จะเป็นเพียงแค่เอกสารจากพาวเวอร์พ้อยต์ แต่ก็มีข้อมูลในห้องประชุมอย่างละเอียดยิบ
นั่นเป็นเพราะระเบียบปฏิบัติแบบทหาร ที่ทำต้องรายงานเป็นเอกสารไว้นั่นเอง
แน่นอนว่า กองทัพยังหน้าด้านออกมาปฏิเสธ
แต่ในเมื่อกองทัพที่ยังมีคราบ คมช.
ก็ยังทำแบบเดิม ที่มีการส่งกำลังทหารเข้าไปในหมู่บ้านทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือ โดยหวังที่จะเปลี่ยนใจคนเหนือ คนอีสาน ไปจากทักษิณ และ ส.ส.ในพื้นที่ให้ได้ โดยหารู้ไม่ว่านั่นจะเป็นหลักฐานอย่างดี ว่าทหารทำอะไร หวังอะไร
ทั้งๆที่เคยล้มเหลวมาเมื่อครั้งก่อนการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่ผลออกมา คนในอีสานไม่รับร่าง และถูกเรียกว่าเป็นพื้นที่สีแดงมาแล้ว หรือการเลือกตั้งใหญ่เมื่อ 23 ธันวาคม 2550 ที่พรรคพลังประชาชนยังคงชนะขาดลอย แม้ว่าตอนนั้น คมช. จะส่งทหารเข้าพื้นที่ เพื่อสลายฐานเสียง ประกบหัวคะแนน แล้วสร้างฐานเสียงของตัวเอง
ก่อนมีข่าวทหารขอและสั่งให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อแผ่นดินซึ่งเป็นพรรคที่อดีตประธาน คมช.และ ผบ.ทบ. ในเวลานั้นร่วมก่อตั้ง
การเลือกตั้งครั้งนั้นแม้ว่า คมช. จะใช้ "ไม้เด็ด" ในโค้งสุดท้าย
ด้วยการประโคมข่าวเรื่องความไม่จงรักภักดีของทักษิณ ว่า ต้องการล้มล้างระบอบและมีความต้องการเป็นประธานาธิบดีคนแรกในเมืองไทย แต่ที่ผ่านมาชาวบ้านรู้ดีว่าทหารเข้ามาหวังผลทางการเมือง พวกเขายิ่งต่อต้านเงียบๆและพอถึงเวลา พวกเขาไม่เลือกตามที่ทหารบอก และไม่ยอมเกลียดทักษิณ ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น
(กรณีเรื่องประธานาธิบดีจะเห็นได้ว่า คมช. เปิดประเด็นมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี เทพเทือก มาปูดข่าว จนถูก ทักษิณฟ้องร้อง)
ส่วนเทพเทือก ซึ่งเป็นผู้จัดการรัฐบาลชุดนี้
เป็นคนประสานที่ใกล้ชิดกับทั้ง นายพล ป.1 ที่ต่อมาได้เป็น รมว.กลาโหม และ นายพล ป.2 มาตลอด โดยการรวมกันล๊อบบี้ส.ส.พรรคร่วมและกลุ่มก๊วนเนวินให้แปรพักตร์ พลิกขั้วมาหนุน พรรคแมลงสาบ เป็นรัฐบาลนั่นเอง จนทำให้เทพเทือกได้มาเป็น รองนายกฯด้านความมั่นคงทั้งๆที่ภาพพจน์ของเทพเทือก แทบจะไม่สัมพันธ์เรื่องความมั่นคงมาก่อนเลย
การเปิดประเด็นเรื่องประธานาธิบดี จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกมองว่า เทพเทือกได้ข้อมูลมาจากใคร ไม่ต่างจาก ส.ส.ที่เคยร่วมวงตั้งรัฐบาลกับทหารในค่ายที่ก็ได้รับข้อมูลนี้กรอกหู
อย่างไรก็ตาม เหล่านี้เป็นการสะท้อนถึงความเป็นพวกเดียวกัน จับมือกัน ของกองทัพโดยเฉพาะ ทบ.กับพรรคแมลงสาบ ปชป. และอาศัยม๊อบโกเต๊ก เดินเกมนอกสภาให้จนกลายมาเป็นรัฐบาลเขียว-เหลือง และมีแผนดำเนินการสกัดกั้นพรรคเพื่อไทยต่อเพื่อไม่ให้ กลับมาชนะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ในเมื่อกองทัพภายใต้การนำของ นายพล ป.2 แถมมี นายพล ป.1 เป็น รมว.กลาโหม อีกด้วย ก็ได้เอาตัวไปผูกติดรัดแน่นกับพรรคแมลงสาบ ตั้งแต่ไปช่วยพลิกขั้วรัฐบาล จนทำให้กองทัพต้องกลายเป็นเป้าโจมตีไปด้วยเช่นนี้
เพราะหากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งและทำให้พรรคร่วมกลับไปหนุนพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง เมื่อนั้น นายพล ป.2 ที่ยังมีอายุราชการถึงปี 2553 จะลำบากและอาจถึงขั้นปลดจาก ผบ.ทบ. แม้แต่ นายพล ป.3 ที่จ่อคิวเป็น ผบ.ทบ. คนต่อไปก็อาจจะแห้ว
นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมพวกเขาต้องใช้กองทัพ และ กอ.รมน. เป็นเครื่องมือทางการเมือง ทั้งๆที่รู้ว่ามันเป็นการลากกองทัพมายุ่งการเมือง และทำร้ายทหารทั้งหมด แต่ว่า นายพล ป.2 ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
หลังจากการจับมือกันจนเป็นรัฐบาลเขียว-เหลืองแล้ว
กองทพยังถูกจับตามองไปที่การคลอดแผนพัฒนากองทัพหรือแผนการจัดซื้ออาวุธล็อตใหญ่
ที่ทั้งทหารก็ได้อาวุธส่วนฝ่ายการเมืองก็จะได้ทุนในการเลือกตั้ง
จึงไม่แปลกที่เมื่อนายเทพเทือกมาเยี่ยมกลาโหม จึงมีทั้ง รมว.กลาโหม ปลัดกลาโหม หรือมีแต่ ผบ.เหล่าทัพ มาต้อนรับกันอย่างพร้อมหน้า โดยมีการเสนอแผนพัฒนากองทัพและความต้องการซื้ออาวุธแทรกอยู่ในการบรรยายสรุปให้เทพเทือกรับฟังราวกับต้องการจะทวงบุญคุณที่ทหารได้ช่วยให้ได้เป็นรัฐบาล
ไม่แค่นั้น ทบ.ยังอาศัยบารมีป๋าในการเนรมิตฝันของป๋าที่อยากให้ตั้งกองพลทหารม้าที่ 3 ที่จ.ขอนแก่น
เพื่อดูแลอีสานตอนบนและเพิ่มช่องทางให้ทหารม้าเติบโต จากเดิมที่มีแค่ 2 กองพล คือ พล.ม.1ที่ดูแลภาคเหนือ และ พล.ม.2 รอ. ที่ดูแล กทม.และภาคกลาง ซึ่งเป็นกำลังหลักปฏิวัติเท่านั้น แผนตั้ง พล.ม.3 จึงมีการระดมสมองทหารหัว เสธ.ทั้งหลายเพื่อเขียนแผน และเหตุผลต่างๆในการจัดตั้ง พล.ม.3
ทั้งๆที่ภัยคุกคามขนาดใหญ่ไม่ปรากฏในทิศนั้น
"ช่วยกันหน่อย เราอยากเห็นกองพลทหารม้าที่ 3 ก่อนเราตาย เราจะได้นอนตายตาหลับ" คำพูดที่ป๋าได้กล่าวกับบรรดาทหารม้าเมื่อช่วงปีใหม่ เป็นการทวงฝันและคำมั่นสัญญาที่ คมช. เคยให้ไว้
"ผมจะขอให้ รมต.ป้อมและป๊อกช่วยสนับสนุนด้วย พวกเราก็ต้องช่วยกันบอกนะ"ป๋ากล่าวต่อ
ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะใช้งบประมาณสูงและไม่ได้มีความจำเป็นอะไรมากนัก
แต่มีความเป็นไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เนื่องจากยุคนี้ บารมีของป๋าแรงกล้าทั้งต่อกองทัพและรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคแมลงสาบ รวมไปถึงม๊อบนอกสภาอย่างม๊อบโกเต๊ก โดยอาศัยบารมีป๋าเป็นหลักในการต่อสู้กับทักษิณ จนเกิดตุลาการภิวัตน์ และได้ชัยชนะ
รัฐบาลเขียว-เหลืองของพรรคแมลงสาบจึงมีความพยายามเนรมิตฝันของป๋าให้เป็นจริง เพราะนับวัน ป๋า ก็แสดงออกถึงการบอกฝ่าย ยิ่งเมื่อแต่งเพลง "ชาติบ้านเมืองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์" ให้กับวงแฮมเมอร์ ที่เป็นขาประจำเวทีโกเต๊ก
ก็เป็นการตอกย้ำถึง
ความสัมพันธ์ของป๋ากับม๊อบโกเต๊ก
ความสัมพันธ์ของกองทัพกับม๊อบโกเต๊ก
ความสัมพันธ์ของพรรคแมลงสาบกับม๊อบโกเต๊ก
ว่าเกี่ยวข้องกันเพียงใด. . . .