ส่งเสริมคนดีให้ได้ปกครองบ้านเมือง

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

Tuesday, 13 January 2009

สถาบันคนเสื้อแดง คงต้องรีบตั้งขึ้นเพื่อนำการต่อสู้ให้เป็นรูปธรรมแล้ว

ที่มา thaifreenews

บทความโดย...ลูกชาวนาไทย

ตอนนี้ผมยอมรับว่ามวลชน คนเสื้อแดงจำนวนมากกำลังสับสนกับสถานการณ์ทางการเมืองว่าจะต่อสู้อย่างไรดี และควรวางบทบาทอย่างไร จะสู้ต่อไปอีกดีหรือไม่ หรือว่าท้อแท้ สิ้นหวัง ผลสุดท้ายก็เลิกสนใจการเมืองไปเลยดีกว่า

บางส่วนของคนเสื้อแดงที่ค่อนข้างเป็นพวกฮาร์ดคอร์หน่อย ก็จะรวมตัวกันออกมาชุมนุม ไล่กระทืบรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ขวางไข่ หรือจะจัดชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการลอกเลียนยุทธวิธีของม็อบพันธมิตรมาใช้นั่นเอง

ทั้งหลายทั้งปวง ผมคิดว่า คนเสื้อแดงยังไม่มีการจัดตั้ง และมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน รวมทั้งยังไม่ได้วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง ตัวแปรต่างๆ ให้ชัดเจน ยังไม่มีการตรวจสอบสภาพข้าศึก ประเมินสถานการณ์และวางแนวทางยุทธศาสตร์การต่อสู้ที่เหมาะสม เมื่อยังคงสับสน บางกลุ่มที่เคลื่อนไหวภาคสนามก็เลยไปหยิบเอาวิธีการของม็อบพันธมิตรมาใช้ โดยไม่ได้ประเมินว่า คนเสื้อแดงไม่ใช่ม็อบมีเส้น การไปเอายุทธวิธีของม็อบพันธมิตรมาใช้ รังแต่จะทำให้ถูกปราบ ถูกกระทำเอาโดยง่ายดาย เพราะไม่มีเส้นนั่นเอง

คุณวีระ มุกสิกพงษ์ เคยเสนอเรื่องจะมีการจัดตั้ง “สถาบันคนเสื้อแดง”ขึ้น ในการนัดชุมนุมใหญ่ที่สนามศุภชลาศัย แต่สถานการณ์ก็ผ่านมาพอสมควรแล้ว ผมไม่ทราบว่าได้มีการดำเนินการในส่วนนี้ไปมากน้อยแค่ไหน หรือเป็นแค่เพียงแนวคิด แต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง

เท่าที่ผมทราบ มีการเคลื่อนไหวประสานงานกลุ่มที่เคลื่อนไหวทางการเมืองอิสระกลุ่มต่างๆ ทั้งในโลกไซเบอร์ และกลุ่มภาคสนามมากพอสมควร โดยคนที่ไม่อยู่ในภาคการเมือง แต่เป็นประชาชนหรือส่วนทีเราเรียกกันว่า “นักรบไซเบอร์” มากพอสมควร แต่ก็ยังไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจน เพราะธรรมชาติของกลุ่มที่เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ที่เราเรียกว่าคนเสื้อแดงนี้มีหลายกลุ่ม และมีความเป็นอิสระค่อนข้างสูง การมารวมตัวกันตามคำเชิญของ “รายการความจริงวันนี้” เป็นแต่เพียงการออกมาร่วมกันอย่างหลวมๆ มีหลายกลุ่มเข้ามาร่วม แต่ยังไม่ได้มีการจัดตั้งองค์กร กำหนดยุทธศาสตร์ สร้างเครือข่ายแต่อย่างใดไม่

ในช่วงนี้กลุ่มภาคสนามบางกลุ่ม ที่ใจร้อน ก็พยายามชักชวนประชาชนไปชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล “เลียนแบบม็อบพันธมิตร” ซึ่งไม่ได้เป็นการยกระดับการต่อสู้ให้สูงขึ้นแต่อย่างใดไม่ แต่กลับไปเหมือนการต่อสู้ของสีเหลืองและสีแดงในปีที่แล้ว ซึ่งประชาชนจำนวนมากกำลังเบื่อหน่ายความวุ่นวายที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น

อย่างที่ผมเคยเสนอความเห็นประจำคือ “ม็อบไม่มีทางล้มรัฐบาลได้” ไม่ว่าม็อบจะใหญ่เพียงใด “ม็อบพันธมิตร” ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ล้มรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ไม่ได้ แม้จะสร้างความรุนแรงถึงขั้นยึดทำเนียบ และยึดสนามบิน ปิดถนน ต่างๆ ก็ตาม หรือต่อให้ยึดกรุงเทพมหานครได้ รัฐบาลเขาก็เคลื่อนไปทำงานที่อื่นอยู่ดี แต่ที่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ล้มลงไป เพราะการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญต่างหาก หาใช่ม็อบแต่ประการใดไม่

และในที่สุดแล้ว การเมืองไทยยังคงตัดสินกันที่การเลือกตั้ง และจำนวน สส.ในสภาเหมือนเช่นเดิม และขณะนี้รัฐธรรมนูญปี 2550 ก็ยังคงอยู่ แม้จะมีความพิกลพิการ และอำนาจแฝงของพวกอำมาตยาธิปไตยยังคงมีมาก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถชักจูงหรือจูงใจผู้เลือกตั้งได้มากอยู่ดี ดังนั้น เมื่อ “การเลือกตั้ง” ยังคงอยู่ การตัดสินแพ้ชนะ ก็ยังคงอยู่ที่สนามเลือกตั้ง แม้ฝ่ายตรงข้ามจะทำให้เรายากลำบากในการเลือกตั้ง โดยมีองค์กรต่างๆ คอยกลั่นแกล้ง แต่พวกเขาก็ทำไมได้เต็มที่มากมายนัก หากเราชนะที่สนามเลือกตั้ง ก็ยังคงชนะอยู่

ดังนั้น แนวทางการต่อสู้ต่อไป ที่เห็นอย่างชัดเจนคือ การสร้างความเข็มแข็งในภาคมวลชน เช่นเครือข่าย ต่างๆ มากกว่าที่จะระดมม็อบมาเปิดศึกไม่ชนะไม่เลิก หรือเจ้งเป็นเจ้ง ตายเป็นตาย เหมือนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ม็อบมีเส้น

ในช่วงเวลานี้ แกนนำต่างๆ ของฝ่ายประชาธิปไตย ควรเร่งจัดตั้ง “สถาบันคนเสื้อแดง” โดยเร็ว เพื่อรวบรวมแกนนำต่างๆ ที่เคลื่อนไหวอย่างสะเปะสะปะเข้ามาเป็นกลุ่มก้อน หรืออย่างน้อยก็ต้องมีการประสานงานกัน มีการเสวนา พูดคุยกันในกลุ่มย่อยต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันทางยุทธศาสตร์ และประเมินสถานการณ์ได้แจ่มชัด ไม่ถลำลึกไปในแนวทางที่ฝ่ายอำมาตย์ฯ สร้างกับดักเอาไว้

เมื่อมีสถาบันคนเสื้อแดง หรืออาจเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “สถาบันคนรักประชาธิปไตย” หรือชื่ออะไรก็แล้วแต่ ยุทธศาสตร์การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยก็จะเด่นชัดขึ้น มีการวางแผนยุทธศาสตร์และกำหนดให้คนที่ถนัดในแต่ละเรื่องได้ทำงานอย่างตรงกับความสามารถ โดยมี “ทิศทางที่สอดคล้องกัน” นอกจากนี้บางส่วนที่ต้องเคลื่อนไหวในทางสากลก็ต้องเคลื่อนไหว ส่วนที่ต้องเคลื่อนไหวภาคสนาม เพื่อจัดม็อบกดดันรัฐบาลก็จะต้องทำ

การจัดชุมนุมทางการเมืองนั้นก็ยังมีความจำเป็นอยู่ เพราะมันคือการปลุกเร้ามวลชนให้ตื่นตัวอยู่เสมอและสร้างการมีส่วนร่วม แต่จะต้องทำอย่างมียุทธศาสตร์ ชัดเจนและมีพลัง แต่ไม่ใช่เหมือนกับม็อบพันธมิตร และอย่าตั้งเป้าหมายว่าจะโค่นรัฐบาลลงได้ด้วยการใช้ม็อบ

ส่วนที่ต้องเคลื่อนไหวทางด้านแนวคิด ก็ต้องดำเนินการ เช่นการจัดสัมมนา ประชาชนในภูมิภาคต่างๆ ที่เป็นแนวร่วมของคนเสื้อแดงอยู่แล้ว รวมทั้งการสร้างผู้นำทางการเมือง และ “ผู้ปฏิบัติงานด้านมวลชน” รุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาให้มาก เพื่อเคลื่อนไหวกับมวลชนต่อไป

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ประชาชนได้เรียนรู้ประชาธิปไตยทางตรงมากแล้ว แม้ไม่อยากเรียนรู้ ก็ต้องถูกบีบให้เรียนรู้ ดังนั้น เมื่อคนตื่นตัวขึ้น การเคลื่อนไหวจัดตั้งต่างๆ ก็จะไม่ยากเท่าใดนัก สุดท้ายเมื่อมีการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ฝ่ายประชาธิปไตยก็คงจะได้ชัยชนะอย่างไม่ยากนัก หากยังมี การเลือกตั้ง หนทางต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย ก็ยังสดใสและมีความหวังอยู่เสมอ

แต่หากปล่อยให้ประชาชนสับสน และต่อสู้อย่างสะเปะสะปะเหมือนในขณะนี้ ความเบื่อหน่ายก็จะตามมา และเป็นการทำลายขบวนการประชาธิปไตยที่ตื่นตัวขึ้นมากไปโดยปริยาย

หากคุณทักษิณ ยังจะนำการต่อสู้ครั้งนี้ ก็รีบจัดตั้งขึ้นเถอะครับ สถาบันคนเสื้อแดง